สลด!‘ช้างป่ากุยบุรี’ถูกชาวไร่ซัดลูกซองเข้ากกหูล้มอีก พบเป็นตัวที่ 4 รอบ 1 เดือน
28 มิถุนายน 2563 นายรักพงษ์ บุญย่อย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ รับแจ้งจากนายกิตติพัชญ์ เปรมปรี หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ที่ กร.5 ห้วยลึก ว่าพบช้างป่าถูกยิงเสียชีวิต บริเวณสวนยางพาราของนายประเจียด ปานทอง ด้านหน้าโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่า บริเวณป่าสงวนแห่งชาติ ป่ากุยบุรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หมู่ที่ 7 บ้านรวมไทย ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จึงประสาน พ.ต.อ.ไชยกร ศรีหล้าเดโช ผกก.สภ.ยางชุม พร้อมพนักงานสอบสวน สภ.บ้านยางชุม เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) สัตวแพทย์ จากสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย อ.ชะอำ เข้าตรวจสอบ
จากการตรวจสอบ พบเป็นช้างป่าเพศผู้ อายุราว 15-20 ปี น้ำหนักประมาณ 1.5-2 ตัน นอนล้มหัวทิ่มอยู่ในร่องห้วย จึงใช้เครื่องสแกนตามลำตัวพบว่าถูกยิงด้วยปืนลูกซองขนาด 12 เบอร์ 9 เข้าที่บริเวณกกหู มีเลือดไหลนอง จึงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนิมนต์พระสงฆ์มาสวดอุทิศส่วนกุศลให้ช้างและทำการฝังกลบซากต่อไป
พ.ต.อ.ไชยกร ศรีหล้าเดโช ผกก.สภ.ยางชุม กล่าวว่าหลังเกิดเหตุได้สอบสวนทราบว่าคนยิงช้าง คือ นายณรงค์ อระภักดี อายุ 49 ปี ชาวบ้านหมู่ 7 บ้านรวมไทย ที่มีไร่อยู่ติดแนวเขตอุทยาน จึงตามไปบ้านพัก พบนายณรงค์ถือปืนลูกซองยาวที่ก่อเหตุรอมอบตัวและให้สารภาพว่าเป็นคนใช้ปืนยิงช้างจริง โดยขณะถือปืนออกไปไล่ช้างป่าที่เข้ามากินมะม่วงในไร่ท่ามกลางความมืด จังหวะเดียวกับเจ้าหน้าที่อุทยานกำลังผลักดันช้างที่ออกมากินพืชไร่ชาวบ้านกลับเข้าป่า จู่ๆมีช้างป่าตัวหนึ่งแยกออกจากโขลงวิ่งเข้าใส่ตนอย่างกระชั้นชิดจนตัวเองล้มลง ด้วยความกลัวจากเหตุการณ์ที่ผ่านมามีช้างป่าเหยียบคนตาย ตัดสินใจใช้ปืนยิงใส่ 1 นัด และมาทราบภายหลังว่าช้างเสียชีวิต จากนั้นจึงควบคุมตัวนายณรงค์ไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ส่วนนายธรรมนูญ เต็มไชย หัวหน้าศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมอุทยานแห่งชาติ จ.เพชรบุรี ส่วนวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอุทยานแห่งชาติ สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติฯ เปิดเผยว่ากรณีพบช้างป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรีตายผิดธรรมชาติต่อเนื่อง 4 ตัว ตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม-28 มิถุนายน 2563 ในฐานะที่รับผิดชอบในพื้นที่ป่ากุยบุรีซึ่งมีช้างมากกว่า 300 ตัว ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวลเป็นอย่างมาก และหลายหน่วยงานต้องเร่งรัดหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเพื่อไม่ให้ปัญหานี้นำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่าเหมือนในอดีต
ทั้งนี้ เดิมการแก้ปัญหาพื้นที่ป่ากุยบุรีได้วางแผนไว้ 3 ระยะ โดยมีการดำเนินการในระยะแรก เมื่อปี 2558 และประสบความสำเร็จพอสมควรทำให้กุยบุรีเป็นพื้นที่นำร่อง ทั้งเครือข่ายคณะทำงาน การมีส่วนร่วมของประชาชน รวมทั้งการจัดการภายในของอุทยานฯ จากนั้นยอมรับว่ามีอุปสรรคในการทำงานระยะที่ 2 และ ระยะที่ 3 เนื่องจากหลายหน่วยงานไม่ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะปัญหาจากการทำงานด้านมวลชน ซึ่งควรจะเข้ามามีส่วนร่วมรับผิดชอบในการเสนอแนวทางและร่วมแก้ไขปัญหา
“ขณะที่การทำงานระยะที่ 2 ทุกฝ่ายต้องหาทางนำช้างป่ากลับเข้าไปหากินในป่าธรรมชาติโดยสร้างแหล่งน้ำแหล่งอาหารให้เพียงพอ แต่มีข้อโต้แย้งว่าควรให้ช้างป่าหากินตามปกติเพื่อประโยชน์ด้านท่องเที่ยว สำหรับการติดตั้งกล้องดักถ่ายภาพระบบเรียลไทม์ ขณะที่ช้างป่าออกมาหากินได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ถือว่าเป็นการจัดการปัญหาเฉพาะหน้า แต่ยังมีอุปสรรคเนื่องจากข้างป่าเรียนรู้ได้เร็ว และล่าสุดจะลงพื้นที่เพื่อประเมินสถานการณ์และฟื้นฟูงานเครือข่ายภาคประชาชนให้กลับมาเข้มแข็ง ขณะที่แนวทางการเสนอให้รั้วกันช้างประเมินว่าน่าจะสร้างปัญหาใหม่เพิ่มเติม ขณะที่การขุดคูกันช้างป่าในบางจุดได้สร้างความขัดแย้งในพื้นที่ หลังจากพบว่าช้างป่าเปลี่ยนเส้นทางการหากินไปบุกรุกพื้นที่ใหม่” นายธรรมนูญ กล่าว
มีรายงานว่าในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมามีช้างป่าในเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรีตายต่อเนื่อง 4 ตัว จากเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2563 ช้างป่าเพศผู้มีงา อายุ 7 ปี หนักประมาณ 700 กิโลกรัม มีรอยถูกยิงด้วยปืนลูกซอง นอนเจ็บในไร่ขนุนบริเวณที่ดิน สปก.หุบหนองเสือ บ้านวังไทร หมู่7 ต.ไร่เก่า อ.สามร้อยยอด ก่อนทีมสัตวแพทย์ยื้อชีวิตได้แค่ 3 วันสิ้นใจ
วันที่ 2 มิถุนายน 2563 พบซากช้างป่าขนาดใหญ่ริมห้วย บริเวณสวนมะม่วง หมู่ 5 บ้านกระทุ่น ต.เขาจ้าว อ.ปราณบุรี ตรวจสอบที่งวงมีรอยไหม้พันติดอยู่กับลวดสายไฟ ตายจากถูกไฟฟ้าช็อต
วันที่ 12 มิถุนายน 2563 เจ้าหน้าที่อุทยานพบซากช้างป่าเพศผู้ อายุประมาณ 5 ปี ไม่มีงา จมในสระน้ำบ่อ 5 หมู่ 7 ต.หาดขาม อ.กุยบุรี ภายในพื้นที่โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรีพบมีกระสุนปืนลูกซองฝังอยู่ในผิวหนังช้างหลายจุด และล่าสุดพบช้างป่าถูกคนเฝ้าไร่มะม่วงยิงเสียชีวิตดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี