ยึดไอซ์ 250 กก.-อายัดทรัพย์ 50 ล้าน แฉเป็นขบวนการใหญ่โยงใยภาคใต้
29 มิถุนายน 2563 ที่อาคารกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภ.4 สน.) ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 (มทภ.4) , พล.อ.จตุพร กลัมพสุต ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรอง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า , พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. , พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมไอซ์ พร้อมผู้ต้องหา หลังจากเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2563 เวลา 22.30 น. เจ้าหน้าที่สนธิกำลัง 3 ฝ่าย ติดตามบังคับใช้กฎหมายกับผู้ต้องหา 1 ราย คือ นายกอเซ็ง เจะหะ พร้อมของกลางไอซ์ น้ำหนัก 250 กิโลกรัม บริเวณด่านตรวจความมั่นคงบ้านควนมีด ต.คลองเปียะ อ.จะนะ จ.สงขลา
พล.ต.ท.ชินภัทร กล่าวว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่สืบทราบว่าจะมีการขนส่งยาเสพติดในพื้นที่ จึงได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายเข้าดำเนินการติดตามจับกุม ซึ่งสามารถจับกุมนายกอเซ็ง ขณะขับรถบรรทุก 10 ล้อ หมายเลขทะเบียน 70-1693 ยะลา พร้อมซุกซ่อนไอซ์บริเวณกระบะท้าย เข้ามายังด่านตรวจความมั่นคงบ้านควนมีด ซึ่งมีลักษณะต้องสงสัย เจ้าหน้าที่จึงเรียกให้หยุดรถพร้อมทำการตรวจสอบโดยละเอียด พบถุงปุ๋ยสีขาวจำนวน 12 กระสอบ ข้างในบรรจุไอซ์ น้ำหนักประมาณ 250 กิโลกรัม จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา เพื่อสอบสวนขยายผล เชื่อมโยงเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ ผลจากการซักถามผู้ต้องหาให้การยอมรับว่าไอซ์ดังกล่าวเป็นของตนเอง มีนายมะดิง รูเป๊ะ เป็นผู้ว่าจ้าง โดยไปรับไอซ์มาจาก อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี
ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2563 เจ้าหน้าที่ได้นำตัว นายกอเซ็ง มาควบคุมตัวที่ ฉก.ทพ.46 เพื่อดำเนินการขยายผลในการจับกุม นายมะดิง รูเป๊ะ ตามที่ให้การซักทอด โดยได้ให้ นายกอเซ็ง ติดต่อกับนายมะดิง เพื่อรับส่งยาเสพติด และให้ติดต่อกับบุคคลที่เรียกว่า “บาบอ” ทราบชื่อภายหลัง คือ นายยูโซ๊ะ กามา และได้นัดหมายรับยาเสพติดบริเวณแยกลำพู อ.เมือง จ.นราธิวาส กระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. เจ้าหน้าที่ได้จับกุม นายยูโซ๊ะได้ในขณะที่มารับยาเสพติดในบริเวณดังกล่าว และนำตัวไปตรวจค้นบริเวณบ้านพักใน ต.ลำพู อ.เมือง จ.นราธิวาส จากการตรวจค้นพบสิ่งผิดกฎหมายเพิ่มเติม และเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบหนึ่งรายการ คือ รถยนต์มิตซุบิชิ สีขาว หมายเลขทะเบียน ฆก 4139 กทม.
จากนั้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2563 เวลา 23.15 น. เจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุม นายมะดิง ขณะกำลังจะหลบหนีได้บริเวณหน้าบ้านในพื้นที่หมู่ 4 ต.มูโนะ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส หลังจากจับกุมได้ทำการตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นบ้านภรรยาคนที่ 1 ของนายมะดิง
ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายเพิ่มเติมจึงได้ทำการตรวจสอบเก็บข้อมูลหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และตรวจยึดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบ จำนวน 5 รายการ ประกอบด้วย รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีดำ หมายเลขทะเบียน กจ 1434 นราธิวาส จำนวน 1 คัน รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้าแจ๊ส สีดำ หมายเลขทะเบียน 8 กด 4051 นราธิวาส จำนวน 1 คัน สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 4 บัญชี โทรศัพท์มือถือ จำนวน 6 เครื่อง สร้อยข้อมือลักษณะคล้ายทองคำ จำนวน 2 เส้น
ผบช.ปส. กล่าวอีกว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2563 เวลา 00.30 น. เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นบ้านพักไม่มีเลขที่ ในพื้นที่หมู่ 1 ต.นานาค อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นบ้านภรรยาคนที่ 2 ของนายมะดิง ได้ทำการตรวจสอบเก็บข้อมูลหลักฐานที่เกี่ยวข้องและเข้าตรวจยึดทรัพย์สินเพื่อตรวจสอบ จำนวน 6 รายการ ประกอบด้วย รถจักรยานยนต์ จำนวน 2 คัน โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 3 บัญชี โฉนดที่ดิน จำนวน 1 ฉบับ อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มม. ยี่ห้อ CZ Compact (ไม่มีทะเบียน) จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนขนาด 9 มม. จำนวน 6 นัด
ในวันเดียวกัน เวลา 06.30 น. เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นบ้านอีกหลังในพื้นที่หมู่ 1 ต.นานาค อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายเพิ่มเติม จึงได้ทำการตรวจสอบเก็บข้อมูลหลักฐานที่เกี่ยวข้องและเข้าตรวจยึดทรัพย์สินเพื่อตรวจสอบ จำนวน 7 รายการ ประกอบด้วย รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีเทาแดง หมายเลขทะเบียน 1 กฐ 3361 นราธิวาส จำนวน 1 คัน รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีดำแดง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน จำนวน 1 คัน รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า ฟีลาโน่ สีเขียว หมายเลขทะเบียน 1 กฎ 674 นราธิวาส จำนวน 1 คัน รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน บจ 4064 นราธิวาส รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้าแอคคอร์ด สีดำ หมายเลขทะเบียน 6361 สงขลา รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน กจ 7487 นราธิวาส สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 2 บัญชี
ด้าน พล.ท.พรศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับการปฏิบัติดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจากเครือข่ายกลุ่มนี้ เป็นเครือข่ายยาเสพติดที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดได้ทำการสืบสวน และมีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กับเครือข่ายกลุ่มนักค้ายาเสพติดทางภาคใต้ที่มีข้อมูลอยู่ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมามีสถานการณ์โควิด-19 ระบาด มีการออกมาตรการล็อกดาวว์ปิดด่านพรมแดนระหว่างประเทศของรัฐบาล ซึ่งทำให้นักค้ายาเสพติดได้หันไปส่งยาเสพติดทางระบบโลจิสติกส์
กระทั่งเมื่อสถานการณ์ดังกล่าวคลี่คลายลง การขนส่งมีความสะดวกขึ้น ทางตำรวจปราบปรามยาเสพติดจึงได้เพิ่มความเข้มข้น และให้ความสำคัญในการสกัดการลำเลียงยาเสพติด และจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบรถในกลุ่มเป้าหมายมีความเคลื่อนไหวในพื้นที่ ภายหลังการผ่อนคลายมาตรการดังกล่าว จึงทำการสืบสวนและติดตามจนนำไปสู่การจับกุมในครั้งนี้ จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เคยต้องโทษในคดียาเสพติด โดยได้รู้จักกันในเรือนจำสงขลาและเพิ่งพ้นโทษออกมาได้เพียง 5 ปี และเมื่อออกจากเรือนจำก็ยังมีการกระทำความผิดซ้ำแบบเดิมอีก
แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวด้วยว่า พฤติการณ์กลุ่มนักค้ายาเสพติดกลุ่มนี้ จะใช้รถบรรทุกขึ้นไปรับยาเสพติดและลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ปริมณฑลเพื่อส่งต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยรับค่าจ้างครั้งละ 1 ล้านบาท จากการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 สามารถขยายผลนำไปสู่การยึดทรัพย์สิน ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท โดยมีทั้งรถยนต์ รถบรรทุก โฉนดที่ดิน ทองคำ โดยหลังจากนี้จะทำการตรวจสอบการได้มาซึ่งทรัพย์สินและขยายผลเส้นทางการเงินของกลุ่มนี้ต่อไป ทั้งนี้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยังคงเดินหน้าบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดกับผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่ให้หมดสิ้นไป รวมถึงมาตรการทางกฎหมายกับผู้ค้ารายใหญ่ จนนำไปสู่การยึดทรัพย์ ควบคู่กับการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดสารเสพติด โดยจัดชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน เข้าพบปะผู้นำสี่เสาหลักเพื่อขอความร่วมมือในการชักชวนผู้ติดสารเสพติดเข้ารับการบำบัดฟื้นฟู ตลอดจนการพัฒนาคุณภาพชีวิต และส่งเสริมอาชีพอย่างต่อเนื่อง หากพี่น้องประชาชนมีเบาะแสยาเสพติด หรือผู้ต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่สามารถแจ้งได้ที่เบอร์สายตรงแม่ทัพภาคที่ 4 โทร 061-173-2999 หรือหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี