คลังโอนเงินเยียวยา “เราไม่ทิ้งกัน” 5 พันบาท งวดสุดท้าย ให้ 15 ล้านคน หาช่องช่วย 3 แสนรายที่ลงทะเบียนไม่ได้ ด้าน “สมคิด” จี้“สสว.-แบงก์รัฐ”เร่งช่วยเหลือเอสเอ็มอีเสนอ “แพ็กเกจสินเชื่อ 5 หมื่นล้านบาท” เข้า ครม.อังคาร 7 กรกฎาคม คาดดำเนินการในเดือนนี้ จะช่วยผู้ประกอบการกว่า 5 แสนราย
เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีรัฐบาลเปิดมาตรการ“เราไม่ทิ้งกัน”เยียวยาลูกจ้างชั่วคราว อาชีพอิสระ นอกระบบประกันสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัส “โควิด-19”จะได้รับเงินสนับสนุนรายละ 5,000 บาท 3 เดือน โดยต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com หรือ คลิกที่นี่เท่านั้น ล่าสุดได้ปิดการลงทะเบียนขอรับสิทธิ์ไปแล้ว โดยเว็บ ยังคงเปิดไว้อยู่2ปุ่มคือ“ตรวจสอบสถานะ”และ“สละสิทธิ์”
คลังโอนเยียวยา5พันงวดสุดท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะนี้เข้าสู่โค้งสุดท้ายของการแจกเงินเยียวยา ครบ15,000 บาทแล้วสำหรับผู้ที่ได้รับสิทธิ์กว่า15 ล้านคนนั้น จะได้รับเงินเยียวยาในเดือนกรกฎาคมนี้เป็นเดือนสุดท้าย โดยยังไม่มีนโยบายให้ขยายการแจกเงินเพิ่ม ขณะที่ กระทรวงการคลัง จะเริ่มจ่ายเงินเยียวยาอีกครั้ง ให้ผู้ที่ผ่านเกณฑ์ ในวันที่ 29มิถุนายน 2563 เนื่องจากวันที่ 27–28 มิถุนายน 2563 ตรงกับวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ซึ่งอาทิตย์หน้า จะเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการแจกเงินแล้ว ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับสิทธิจะได้รับเงินจากเราไม่ทิ้งกันงวดสุดท้าย 5,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งมาตรการ 15,000 บาท อีกครั้งในวันที่29–30 มิถุนายนนี้
หาช่องช่วย3แสนลงทะเบียนไม่ได้
ทางด้านคณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้อนุมัติ 4 โครงการช่วยเหลือเยียวยา และชดเชยแก่ประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ พ.ร.ก.เงินกู้ 1ล้านล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019พ.ศ.2563หนึ่งในนั้น คือโครงการช่วยเหลือผู้ที่ลงทะเบียนไม่สำเร็จตามโครงการเราไม่ทิ้งกัน
ทั้งนี้ ส่วนการช่วยเหลือ ผู้ที่ลงทะเบียนไม่สำเร็จตามโครงการ“เราไม่ทิ้งกัน”ของกระทรวงการคลัง จากการตรวจสอบพบว่ามีประชาชนที่ลงทะเบียนโครงการเราไม่ทิ้งกันไม่สำเร็จ จำนวน 302,160 คน ซึ่งยังไม่เคยได้รับความช่วยเหลือเยียวยาและชดเชยจากโครงการต่างๆ ของรัฐ รวมทั้งไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 โดย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการพิจารณากำหนดกลุ่มเป้าหมายและกลไกความช่วยเหลือให้ชัดเจน ก่อนส่งให้คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ พิจารณาใน 1 เดือน เพื่อนำไปสู่มาตรการช่วยเหลือเยียวยาต่อไป
ชงครม.7ก.ค.คาดเริ่มได้กค.-สค.
ด้านนายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) กล่าวว่า สสว.เตรียมเสนอแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและไมโครเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันที่7 กรกฎาคม พิจารณาโดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการที่ไม่เคยได้รับสินเชื่อกับสถาบันการเงินและไม่มีสินเชื่อคงค้างกับสถาบันการเงิน วงเงิน 50,000 ล้านบาท คาดจะดำเนินการได้ภายในเดือนก.ค.-ส.ค.นี้ สามารถช่วยผู้ประกอบการได้ประมาณ 500,000 ราย
ดัน2โครงการสินเชื่อช่วยเอสเอ็มอี
เบื้องต้น จะเสนอโครงการเติมพลังฟื้นชีวิตต่อทุนเอสเอ็มอี ให้วงเงินสินเชื่อไม่เกินรายละ100,000 บาทและโครงการฟื้นชีวิต วงเงินให้สินเชื่อรายละไม่เกิน 1ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน1% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระ10 ปี เป็นผู้ประกอบการบุคคลธรรมดาที่มีสถานประกอบการเป็นหลักแหล่ง จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือนิติบุคคลและวิสาหกิจชุมชนที่มีการจดทะเบียนหรือที่ไม่ได้จดทะเบียน แต่ต้องมีคุณสมบัติ3 ข้อ ได้แก่ เป็นสมาชิก สสว.เป็นเอสเอ็มอีที่ไม่เคยมีสินเชื่อกับสถาบันการเงิน ไม่มีสินเชื่อคงค้างกับสถาบันการเงิน และต้องไม่ผิดนัดชำระหนี้หรือค้างชำระค่างวดตามเงื่อนไขไม่เกิน 4 งวด
ทั้งนี้ แนวทางช่วยเหลือ จะเสนอให้กำหนดโควตาจัดซื้อจัดจ้างจากผู้ประกอบการไม่น้อยกว่า 30% ของวงเงินจัดซื้อจัดจ้างในหมวดสินค้าและบริการที่กำหนด คาดจะแล้วเสร็จในช่วงเดือนก.ย.-ต.ค.นี้ เพื่อเริ่มใช้ระบบจัดซื้อจัดจ้างแบบใหม่ภายในปีงบประมาณ 2564 ช่วยผู้ประกอบการเข้าตลาดรัฐในแต่ละปีที่มีวงเงินสูงมากได้ โดยในปี 2562 มีมูลค่าตลาดภาครัฐทั้งหมดกว่า 1.3 ล้านล้านบาท คาดจะสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการกว่า 400,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ให้หน่วยงานรัฐกำหนดแต้มต่อกับผู้ประกอบการที่เสนอราคาสูงกว่าราคาต่ำสุดได้ 10% ในกรณีที่ใช้การประกวดราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้เกณฑ์ราคาต่ำสุดเพื่อให้เอสเอ็มอีสามารถแข่งขันกับรายใหญ่ได้
นายกฯมอบเงินช่วยนักรบเสื้อขาว
วันเดียวกัน ที่โถงกลางตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบ เงินช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)จำนวน 88 ราย จากเงินบริจาคบัญชีสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อรับบริจาคสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 2,980,000 บาท
โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกฝ่ายซาบซึ้งในการทำงานของบุคลากรในการรับมือกับภัยโควิด-19 ไม่ว่าเป็นแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ อสม.และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ต่างได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ทั้งสิ้น ทุกคนทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถจนทำให้เราได้รับการชื่นชมว่าเราจะมีระบบการแพทย์และสาธารณสุขที่เข้มแข็งและมีบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความสามารถ จนเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลกโดยองค์กรGlobal COVID-19 หรือ(GCI)\ จัดคะแนนดัชนีและอันดับให้ประเทศไทย เป็นประเทศที่ฟื้นตัวจากโควิด-19เป็นอันดับ2 จาก 184 ประเทศทั่วโลก จึงถือเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทย แต่เรายังคงต้องทำเช่นนี้ต่อไป ขอให้ทุกคนภาคภูมิใจที่ได้บูรณการงานร่วมกัน และขอให้ดำเนินมาตรการอย่างเข้มแข็งต่อไป ถือว่าทุกคนคือด่านหน้าที่ต้องเผชิญความเสี่ยงสูง จึงขอให้ดูแลอุปกรณ์ เครื่องมือและสุขภาพของตัวเองให้ดีที่สุด ทุกคนตั้งใจและทำงานอย่างเสียสละ ไม่เช่นนั้นบุคลากรที่มีความเสี่ยงสูงอาจได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี