‘เครือข่ายน้ำเมารายย่อย’ยื่นสธ. วอนเลื่อนออกกม.‘ห้ามขายออนไลน์’ หวั่นธุรกิจพังยับ
1 กรกฎาคม 2563 ที่ตึกควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข อ.เมือง จ.นนทบุรี กลุ่มตัวแทนสมาพันธ์ผู้ประกอบการผลิตและจำหน่ายสุราแห่งประเทศไทย เดินทางเข้ายื่นหนังสือขอให้เลื่อนการพิจารณาเห็นชอบร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยวิธีการหรือในลักษณะการขายทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยมี นพ.นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลงมารับหนังสือ
นายอาชิระวัสส์ วรรณศรีสวัสดิ์ ตัวแทนชมรมผู้นำเข้าและจำหน่ายคราฟต์เบียร์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากร่างประกาศดังกล่าวจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติในการประชุมครั้งที่ 1/2563 วันที่ 2 กรกฎาคม 2563 ซึ่งพวกตนในฐานะผู้ประกอบการรายย่อยได้ตั่งข้อสังเกตดังนี้
1.ผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ต่อภาคธุรกิจ โดยปัจจุบันธุรกิจจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายย่อยได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการถูกสั่งปิดกิจการห้ามขายและในปัจจุบันแม้จะจำหน่ายได้แต่ยังคงมีมาตรการป้องกันต่างๆจึงจำเป็นต้องสื่อสารกับผู้บริโภค หากประกาศฉบับนี้ได้รับความเห็นชอบจะยิ่งทำให้ประกอบธุรกิจได้ยากลำบากมากขึ้นเป็นการซ้ำเติมในเวลาที่ประสบปัญหาให้ผู้ประกอบการรายย่อยเดือดร้อนมากกว่าที่เป็นอยู่
2.นโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายและแผนระดับชาติด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมโดยใช้เทคโนโลยี แต่การห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ ย่อมหมายถึงการจำกัดการทำธุรกรรมการสั่งซื้อและการขายด้วยวิธีใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ อีเมล์ แอปพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือ ไลน์ เพสบุ๊ค อินสตาแกรมและระบบร้านค้าออนไลน์ของเว็บไซต์ต่างๆย่อมเป็นการจำกัดการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
3.การแข่งขันทางการค้า หากประกาศฉบับนี้ผ่านการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์อาจมีลักษณะเป็นการกีดกันทางการค้าได้แต่ผู้ผลิตรายเดิมสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้จากการรับรู้ที่มีอยู่แล้ว
4.มาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีอยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันมีกฎหมายจำกัดการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่แล้วหลายมาตรการทั้งการกำหนดเวลาขาย การห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกกฎหมายเพิ่มเติมจากที่กำหนดไว้ในมาตรา 30 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
5.การมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้อง ร่างประกาศฉบับนี้จะส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการเป็นอย่างมากแต่ไม่มีการรับฟังความคิดเห็นหรือหาแนวทางในการแก้ปัญหาร่วมกัน กรมควบคุมโรคเลือกใช้วิธีห้ามจำหน่ายอย่างเบ็ดเสร็จซึ่งเป็นทางออกที่ง่ายสำหรับหน่วยงานราชการโดยไม่คำนึงถึงว่าจะสร้างปัญหาให้กับผู้ประกอบการรายย่อยเพียงใด
6.ความเสียหายทางเศรษฐกิจ หากมีการประกาศใช้กฎหมายดังกล่าวจะทำให้เกิดความเสียหายโดยเฉพาะกับเจ้าของธุรกิจรายย่อย จากข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้าปีพ.ศ.2563 มีนิติบุคคลผู้ขออนุญาตทำธุรกิจขายปลีกที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 735 ราย ยังไม่ร่วมผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนอีกนับพันรายซึ่งบางส่วนมีหน้าร้านเพียงอย่างเดียว บางรายมีการจำหน่ายสินค้าออนไลน์อย่างเดียว โดยในส่วนของเครือข่ายมีผู้ประกอบการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีหน้าร้านออนไลน์มากกว่า 50 ราย หากมีการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยวิธีการหรือในลักษณะการขายทางอิเล็กทรอนิกส์รายได้ส่วนนี้จะหายไปมากกว่าปีละ 600-800 ล้านบาท
“ด้วยเหตุผลดังกล่าวทางเครือข่ายจึงได้ทำหนังสือขอให้มีการชะลอหรือเลื่อนการพิจารณาเห็นชอบร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ออกไปก่อนจนกว่าจะได้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะผู้ประกอบการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง” นายอาชิระวัสส์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี