สธ.เผยประเทศไทยเริ่มอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่จำเป็นเข้ามารับการรักษาโรคต่างๆ ยกเว้นโควิด-19 ตามคำสั่ง"ศบค."ที่มีผลตั้งแต่วันที่1ก.ค. โดยต้องผ่านการตรวจหาเชื้อก่อโรคโควิด-19ก่อนการเดินทางภายใน72ชั่วโมง และตรวจซ้ำ3ครั้งขณะอยู่ในประเทศไทย และขอให้ปชช.มั่นใจในมาตรการด้านสาธารณสุขและมาตรการควบคุมโรคของไทย
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2563 นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ภายหลังจากที่สถานการณ์โรคโควิด 19 ในประเทศไทยเริ่มคลี่คลายและไม่มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศมานานมากกว่า 1 เดือน และมีประกาศข้อกำหนด ฉบับที่ 12 ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และ คำสั่ง ศบค.ฉบับที่ 6 อนุญาตให้ผู้ไม่มีสัญชาติไทยซึ่งมีความจำเป็นต้องเข้ามารับการตรวจรักษาพยาบาลในประเทศไทย และผู้ติดตามของบุคคลดังกล่าว แต่ต้องไม่เป็นกรณีที่เข้ามาเพื่อการรักษาพยาบาลโรคโควิด 19 ทั้งนี้ รวมถึงผู้ป่วยเดิมที่จำเป็นต้องเดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาล หรือผู้ป่วยใหม่ที่จำเป็นต้องมารับการรักษาในประเทศไทย ต้องเป็นผู้ป่วยที่มีผลตรวจปลอดโรคโควิด 19 และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคของประเทศไทยอย่างเข้มงวด
ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 - 5 กรกฎาคม 2563 พบว่า มีผู้เดินทางเข้ามารับบริการที่โรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร จำนวน 3 ราย โดยทั้งสามรายเป็นผู้ป่วยเก่าที่เคยมารับการรักษาพยาบาลอยู่แล้ว (มาจากประเทศเมียนมา มัลดีฟส์ และกาตาร์ ประเทศละ 1 ราย และมีญาติผู้ดูแลติดตามมาด้วยจากประเทศเมียนมา 1 คนและมัลดีฟส์ 1 คน) ซึ่งทั้งผู้ป่วยและผู้ติดตามต้องผ่านการตรวจ ต้องไม่พบเชื้อก่อโรคโควิด-19 ที่ประเทศต้นทาง
และมีเอกสารสำคัญครบถ้วนก่อนได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ได้แก่
- เอกสารหรือหนังสือรับรองของสถานพยาบาลจากประเทศต้นทางที่ระบุความจำเป็นในการเข้ามารักษาพยาบาล
- เอกสารหรือหนังสือรับรองของสถานพยาบาลในประเทศไทยที่ยืนยันการรับผู้เดินทางเข้ามารักษาพยาบาลและการจัดสถานที่กักกันในสถานพยาบาล เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน
- ใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่าผู้เดินทางมีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทาง (Fit to Fly Health Certificate) หรือตามสภาพการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางการแพทย์ และใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่าตรวจไม่พบเชื้อก่อโรคโควิด 19 ภายในไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทาง
- เอกสารหลักฐานซึ่งแสดงถึงหลักประกันที่ผู้เดินทางสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายอื่นใดทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างอยู่ในประเทศ และกรมธรรม์ประกันภัยที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาลไม่น้อยกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ
- หนังสือที่รับรองว่าเป็นบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ (Certificate of Entry - COE)
โดยเมื่อชาวต่างชาติที่ได้รับอนุญาตเดินทางมาถึงประเทศไทย จะมีการคัดกรองอาการทางเดินหายใจและวัดไข้ ต้องเดินทางโดยยานพาหนะของสถานพยาบาลเท่านั้น และมีระบบติดตามตัวหรือติดตั้งแอปพลิเคชันตามที่ทางราชการกำ6หนด เพื่อใช้ในการเฝ้าระวังและติดตามอาการในระหว่างที่เข้ารับการกักกัน และที่สำคัญจะต้องตรวจหาเชื้อโควิด 19 อีก 3 ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 1 เมื่อเดินทางมาถึงสถานพยาบาล ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 5 - 7 และ ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 13 - 14 ของระยะเวลาที่ถูกกักกัน ทั้งนี้ ในกรณีเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลไม่ถึง 14 วัน ทางสถานพยาบาลจะดำเนินการให้ผู้ป่วยอยู่กักกันจนครบ 14 วัน รวมทั้งญาติและผู้ติดตาม จะถูกกักกันให้อยู่ในโรงพยาบาลเดียวกันกับผู้ป่วยเป็นระยะเวลา 14 วัน หลังจากตรวจไม่พบเชื้อ
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจในมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ที่เข้มงวดของประเทศไทย เพื่อป้องกันและจำกัดการแพร่ระบาดของโรค แม้จะมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาล แต่เป็นการบริหารจัดการในโรงพยาบาลที่ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานแล้ว จึงมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัย หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี