‘สธ.’ย้ำโควิดโลกยังวิกฤติ
ห่วงระบาดรอบ2
เตือนคนไทยอย่าประมาท
ย้ำใส่แมสสกัดแพร่เชื้อดีที่สุด
ศรีสุวรรณจ่อร้องปปช.สอบ
ศบค.ไม่กักตัวผบ.ทบ.สหรัฐ
ศบค.สรุปสถานการณ์รายวัน ไทยไม่พบติดเชื้อโควิด-19ในสถานกักกันรัฐ และในปท.ไร้ป่วยเพิ่มต่อเนื่องวันที่ 43 ห่วงทั่วโลกยอดติดเชื้อพุ่งไม่หยุด ไทยติดอันดับ 99 ขณะที่ “สธ.” ยันการใส่หน้ากากอนามัยป้องกันระบาดได้ดีที่สุด แต่ห่วงประชาชนห้ามประมาท เตือนเคร่งครัดมาตรการสาธารณสุขต่อไป หวั่นกลับมาวิกฤติระลอก 2 เหมือนหลายปท.ด้าน“ศรีสุวรรณ” สุดทนศบค.ปล่อยผบ.ทบ.สหรัฐและคณะเยือนไทยโดยไม่ต้องกักตัว รวมถึงปม“หมอหนู-หมอบุ๋ม”ร่วมงานเลี้ยงวันชาติสหรัฐ โดยไม่สวมแมส-ไม่เว้นระยะห่าง บุกร้องป.ป.ช.สอบการใช้อำนาจของศบค.ไร้มาตรฐาน-ทุจริตต่อหน้าที่หรือไม่
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.สรุปสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยประจำวัน
ติดเชื้อเป็นศูนย์ทั้งในปท.-ที่กักตัว
โดยระบุว่า วันนี้ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งในประเทศและในสถานที่กักตัวของรัฐ ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,195 ราย หายป่วยสะสม 3,072ราย ซึ่งไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ทำให้ยอดสะสมคงที่ 58 ราย และไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศติดต่อกัน 43 วัน เหลือรักษาในโรงพยาบาล 65 ราย และตัวเลขผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 58ราย ทั้งนี้ ในจำนวนผู้ป่วยสะสม 3,195 ราย พบในกรุงเทพมหานคร และ จ.นนทบุรี 1,777 ราย ภาคเหนือ 95 ราย ภาคกลาง 468 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 111 ราย ภาคใต้ 744 ราย
สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อ 11,739,171 ราย และเสียชีวิต 540,660 ราย ส่วนคนไทยที่ตกค้างในต่างประเทศและจะเดินทางถึงประเทศไทยวันเดียวกันนี้ 3 เที่ยวบินจำนวน 209 ราย วันที่ 8 กรกฎาคม มี 4 เที่ยวบิน จำนวน 600 ราย
ทั่วโลกยอดพุ่ง-ไทยอันดับ99
ด้านนพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) แถลงสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ว่า ขณะนี้สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก ยังมีแนวโน้มมีผู้ติดเชื้อสูงขึ้นต่อเนื่อง มีผู้ติดเชื้อสะสม 11,739,171 ราย ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด3อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา บราซิล อินเดีย ตามลำดับ ส่วนประเทศเพื่อนบ้านยังคงพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ นอกจากนี้ ยังมีหลายประเทศที่กลับมาระบาดในระลอก 2 เช่น ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย โครเอเชีย เป็นต้น สำหรับประเทศไทย การที่ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศต่อเนื่องเป็นวันที่43และจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่อันดับที่99ของโลก มาจากความร่วมมือร่วมใจของประชาชนที่ช่วยกันป้องกันตัวเองจากโรคโควิด-19 ทั้งสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ
เตือนอย่าประมาททำระบาดซ้ำ
“อย่างไรก็ตาม เชื้อไวรัสโควิด-19 อาจกลับมาระบาดระลอกใหม่อีกครั้ง หากคนไทยประมาท โดยดูจากผลสำรวจของสวนดุสิตโพลวันที่ 1-4 กรกฎาคม จากกลุ่มตัวอย่าง 1,109 คน พบหลังผ่อนคลายมาตรการประชาชนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ลดลง ถึงร้อยละ 52.93 กังวลเหมือนเดิมร้อยละ 29.94 ไม่กังวลเลยร้อยละ 12.44 และกังวลมากขึ้นร้อยละ 4.69” นพ.โสภณ กล่าว
ย้ำเข้มมาตรการสาธารณสุขต่อไป
และย้ำว่า สธ.ยังขอความร่วมมือห้างร้าน/ผู้ประกอบการ ต้องเคร่งครัดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เช่น ทำความสะอาดสถานที่ พื้นผิวที่มีผู้สัมผัสบ่อย จัดพื้นที่ลดความแออัด จัดจุดคัดกรองอุณหภูมิร่างกาย จุดบริการล้างมือ มีระบบระบายอากาศ ส่วนประชาชน ขอให้สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ร่วมกับเว้นระยะห่างทางสังคม ล้างมือบ่อยๆ งดสัมผัสใบหน้า ตา จมูก ปาก เลี่ยงการไปสถานที่แออัด และลงทะเบียน เข้า-ออก พร้อมประเมินกิจการ/สถานที่ ในแพลตฟอร์มและแอพพลิเคชั่น “ไทยชนะ” ทุกครั้งที่เข้าใช้บริการในสถานที่ต่างๆ เพราะถ้าพบผู้ติดเชื้อ กรมควบคุมโรคจะใช้เป็นข้อมูลติดตามผู้สัมผัสเพื่อนำเข้าสู่ระบบการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคต่อไป เชื้อโควิด-19 จะกลับมาอีกหรือ ไม่ขึ้นอยู่กับความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทุกคน
สธ.แจงแพร่ผ่านอากาศเกิดไม่มาก
ขณะที่นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.)กล่าวถึงกรณีนักวิทยาศาสตร์ 239 คน จาก 32 ประเทศ เปิดเผยหลักฐานการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 ผ่านละอองฝอยขนาดเล็กกว่า 5 ไมครอนแพร่ผ่านทางอากาศ (AirBorne) จึงเรียกร้องให้องค์การอนามัยโลก (WHO) ยอมรับว่าโควิด-19 มีการติดต่อในรูปแบบแอร์บอร์น และปรับคำแนะนำว่า ข้อมูลจนถึงขณะนี้โควิด -19 ส่วนใหญ่ยังเป็นการแพร่ผ่านละอองฝอยขนาดใหญ่กว่า 5 ไมครอน จากการไอ จามและในระยะ 1 เมตร (Droplet) ส่วนการแพร่กระจายทางอากาศ หรือแอร์บอร์นนั้น เกิดขึ้นในโรงพยาบาล
ยันใส่แมสป้องกันโควิดดีที่สุด
นพ.ธนรักษ์กล่าวต่อว่า แต่การติดต่อส่วนใหญ่ของโควิด-19 มีข้อแม้บ้าง อย่างที่เคยพบในร้านอาหาร หรือบนรถโดยสาร ที่แพร่จากคนหนึ่งไปสู่คนหนึ่งในได้ในระยะค่อนข้างไกลประมาณ 4-5 เมตร ลักษณะเป็นละอองฝอยขนาดเล็ก ถึงกระจายผ่านทางอากาศ ดังนั้น ภายใต้ข้อยกเว้นบางข้อโรคโควิด-19 สามารถแพร่ได้ไกลกว่า 2 เมตร แต่โอกาสไม่ได้สูงมาก ทั้งนี้ ตนมองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากการที่หลายประเทศไม่สามารถทำให้คนของประเทศตัวเองหันมาสวมหน้ากากอนามัยได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่แต่ละประเทศจะจริงจังกับการแก้ไข ควบคุม ป้องกันโรคมากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตาม หากการกระจายของเชื้อโควิด-19 เปลี่ยนจากดร็อปเล็ท เป็นแอร์บอร์น ประเทศไทยไม่ต้องเปลี่ยนมาตรการ เพราะสุดท้ายการสวมหน้ากากอนามัยแบบที่เราทำกันอยู่ เป็นมาตรการป้องกันโรคที่ดีที่สุดอยู่แล้ว แค่อย่าประมาทเกินไปเท่านั้น
ศรีสุวรรณขู่ร้องปปช.สอบศบค.
วันเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวของนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยกรณีศบค.ให้พล.อ. เจมส์ แมคคอลวิลล์ ผบ.ทบ.สหรัฐ อเมริกาผบ.ทบ.สหรัฐอเมริกา เดินทางมาเยือนประเทศไทยระหว่างวันที่ 9-10 กรกฎาคม โดยไม่ได้กำหนดมาตรการกักตัว 14 วันเหมือนคนต่างด้าวและคนไทยในต่างแดนที่เดินทางกลับเข้าประเทศไทย ตามแนวทางป้องกันระบาดจากการติดเชื้อโควิด-19ว่า แม้ศบค.จะพยายามชี้แจงว่า ผบ.ทบ.สหรัฐฯ และคณะ จะเดินทางมาเยือนประเทศไทย ตามข้อตกลงพิเศษ หรือ Special Arrangement ในฐานะแขกทางการ แม้ไม่ต้องกักตัว 14 วัน แต่ก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการ 6 ข้อ ของศบค.อย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวไม่ได้เป็นสิ่งบ่งชี้ว่าการเดินทางมาเยือนประเทศไทยครั้งนี้ของผบ.ทบ.สหรัฐและคณะ จะไม่ทำให้เชื้อไวรัสโควิด-19 ที่อาจแฝงมาจากสหรัฐมาสู่คนไทย เพราะผลสำรวจของศูนย์ควบคุมโรคติดต่อ (ซีดีซี) ของสหรัฐล่าสุด พบว่า มากกว่าครึ่งของผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือ 54% ไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อมาจากไหน สะท้อนแนวโน้มแพร่ระบาดในกลุ่มผู้เป็นพาหะที่ไม่แสดงอาการ ซึ่งมักจะเป็นคนใกล้ชิด ผู้ร่วมงานหรือสมาชิกในครอบครัว อีกทั้ง มาตรการ 6 ข้อก็เป็นข้อกำหนดที่ ศบค.คิดกันขึ้นมาเอง เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อ ผบ.ทบ.สหรัฐฯ เป็นการเฉพาะเท่านั้น และมิได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
นายศรีสุวรรณกล่าวอีกว่า นอกจากนั้น นายกฯและโฆษก ศบค.พยายามให้คนไทยอย่าการ์ดตก แต่คนของรัฐบาลกลับมีอภิสิทธิ์ชน อย่างกรณีคืนวันที่ 4 กรกฎาคม ในงานวันชาติสหรัฐที่สถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทย มีนักการเมืองไทยไปร่วมงานจำนวนมาก โดยเฉพาะนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรองโฆษก ศบค. แต่ไม่มีใครใส่หน้ากากอนามัย และไม่เว้นระยะห่างแต่อย่างใด แสดงให้เห็นว่าคนของรัฐบาลและศบค.ไม่เป็นต้นแบบที่ดีในการป้องกันโควิด-19 แต่กับประชาชนกลับบังคับให้ต้องทำ
“ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ไม่อาจปล่อยให้กรณีดังกล่าวเป็นการเอื้อประโยชน์แบบไม่มีมาตรฐานของ ศบค.ต่อไปได้ จึงจะนำความไปร้องต่อ ป.ป.ช.เพื่อขอให้ตรวจสอบการใช้อำนาจของ ศบค.ว่า เป็นไปแบบไร้มาตรฐานและทุจริตต่อหน้าที่หรือไม่”นายศรีสุวรรณกล่าว และว่า จะเดินทางไปยื่นคำร้องวันที่ 9 กรกฎาคม เวลา 10.30 น.ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
บิ๊กแดงเล็งแจงผบ.สหรัฐไม่ตรวจโรค
วันเดียวกัน มีรายงานว่า วันที่ 8 กรกฎาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จัดประชุมผู้นำเหล่าทัพ ครั้งที่ 5/2563 โดยมี พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน โดยมี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง จากนั้น ช่วงบ่ายพล.อ.อภิรัชต์ เป็นประธานพิธีรับอากาศยาน Cessna 182T เข้าประจำการในกองทัพบก ที่หมวดบิน C หน่วยบินเดโชชัย 3 ในพื้นที่กองบิน 6 (บน.6 ดอนเมือง) หลังเสร็จพิธี พล.อ. อภิรัชต์จะชี้แจงถึงการเดินทางมาเยือนไทยของพล.อ.เจมส์ ซี แมคคอนวิลล์ ผบ.ทบ. สหรัฐฯและคณะ ซึ่งยังยืนยันกำหนดการเดิมคือ ระหว่างวันที่ 9-10กรกฎาคมโดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน ตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข ท่ามกลางกระแสต่อต้านของคนที่ไม่เห็นด้วย
รายงานข่าวระบุด้วยว่า พล.อ.อภิรัชต์ ไม่พอใจการเสนอข่าวที่คลาดเคลื่อนว่า ผบ.ทบ. สหรัฐฯและคณะ ปฏิเสธขั้นตอนตรวจโรคโควิด-19 สัปดาห์ที่ผ่านมา จนกลายเป็นประเด็นถูกวิจารณ์ต่อเนื่อง เพราะเกรงกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สำหรับกำหนดการผบ.ทบ.สหรัฐนั้น จะเข้าพบพล.อ.อภิรัชต์ ที่กองบัญชาการกองทัพบกวันที่ 10 กรกฎาคม โดยไม่เปิดให้สื่อมวลชนทำข่าว นอกจากนี้ พล.อ.อภิรัชต์ เตรียมชี้แจงกรณีจะต่ออายุราชการ หลังเกษียณเดือนกันยายน เพราะทำให้เกิดความหวาดระแวงในกองทัพ ช่วงทำบัญชีปรับย้ายนายทหารประจำปี ซึ่งเดือนกันยายนนี้ ผู้บัญชาการเหล่าทัพจะเกษียณอายุราชการทุกคน
เพชรบูรณ์เล็งยกระดับเข้มหยุดยาว
อีกด้านหนึ่ง มีความเคลื่อนไหวจากหลายจังหวัดเตรียมปรับมาตรการสกัดการระบาดไวรัสโควิด-19 หลังวันหยุดยาวต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวและประชาชนเริ่มการ์ดตกระหว่างการท่องเที่ยวพักผ่อนวันหยุด โดยนายสบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวในเรื่องนี้ว่า ช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมาพบนักท่องเที่ยวเริ่มการ์ดตกไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ อาทิ เขาค้อ ภูทับเบิก และน้ำหนาว ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาเที่ยวสัมผัสทะเลหมอกหน้าฝน จนแออัดยัดเยียด นอกจากนี้ นักทองเที่ยวบางส่วนไมค่อยให้ความสำคัญ หรือเพิกเฉยกับการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ไทยชนะ หรือการระบุข้อมูลเข้าใช้ที่โรงแรม รีสอร์ต หรือ ร้านอาหารจัดเตรียมไว้ให้ ในขณะที่บางรายยังแสดงปฏิกริยาไม่พอใจ กับสิ่งที่ทุกฝ่ายในจังหวัดพยายามกระตุ้นเตือน ขอร้องอย่าการ์ดตก เพื่อความปลอดภัยของทุกคน ดังนั้น ในวันหยุดยาวช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคม ระหว่างวันที่ 25-28 กรกฎาคม อาจจะต้องยกระดับการคุมเข้ม และบังคับใช้มาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ป้องกันการระบาดรอบ2
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี