ไม่ตามรอย‘จีน’! ‘วุฒิกร’ชี้รวมฐานข้อมูลพฤติกรรมช่วยพัฒนาประเทศ ยันไม่สร้างระบบคะแนนดัดนิสัยปชช.
9 ก.ค. 2563 ที่ศูนย์นวัตกรรมและความรู้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ชั้น 7 อาคารบางซื่อจังชั่น ย่านจตุจักร กรุงเทพฯ มีการจัดสัมมนาเรื่อง “ไทยแลนด์ดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Thailand Digital Platform) One Country One Platform” โดยคณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา ซึ่ง นายวุฒิกร มโนมัยพิบูลย์ อนุกรรมาธิการการปรับปรุงพัฒนาระบบ และการบูรณาการฐานข้อมูลในการบริหารราชการแผ่นดินของหน่วยงานของรัฐ กล่าวถึงความสำคัญของการมีฐานข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ “บิ๊กดาต้า (Big Data)” รวมข้อมูลจากทั้งภาครัฐและเอกชน
ซึ่งลำพังหน่วยงานภาครัฐแต่ละหน่วยงานก็มีฐานข้อมูลเป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่ค่อยมีการบูรณาการเชื่อมฐานข้อมูลเหล่านี้เข้าด้วยกันมากเท่าที่ควร หรือแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือที่หลายหน่วยงานของรัฐมีแอพฯ ของตนเอง เช่นเดียวกับในกระเป๋าสตางค์ของแต่ละคนจะมีบัตรหลายใบ ตั้งแต่ที่เกี่ยวกับรัฐอย่างบัตรประชาชน ใบขับขี่ บัตรประกันสังคม บัตรประจำตัวผู้เสียภาษี ไปจนถึงของเอกชนอย่างบัตรเครดิตของธนาคาร บัตรประกันชีวิต บัตรสมาชิกร้านอาหาร เป็นต้น ดังนั้นจะดีกว่าหรือไม่ที่จะรวบรวมบริการและบัตรทั้งหลายไว้ในบัตรหรือแอพฯ เดียว
ความสะดวกอีกอย่างหนึ่งคือเมื่อทุกอย่างอยู่ในบัตรเดียวและเข้าสู่ระบบผ่านโทรศัพท์มือถือ ก็จะไม่ต้องใส่รหัสเข้าสู่ระบบทุกครั้งเมื่อจะใช้บริการของแอพพลิเคชั่นต่างๆ เพราะบัตรมีเลขประจำตัวอยู่แล้วซึ่งเป็นตัวเชื่อมเข้าสู่ระบบ นอกจากนี้ รัฐบาลยังสามารถสื่อสารหรือแจ้งเตือนไปยังประชาชนโดยตรงได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุต่างๆ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาข่าวปลอม (Fake News) ที่ส่งต่อบนโลกออนไลน์กันเองในหมู่ประชาชนได้ด้วย และระบบโทรศัพท์มือถือปัจจุบันถือว่าปลอดภัยสูงมาก
“ถามว่าความปลอดภัยดีกว่าไหม ทุกวันนี้บัตรเราหายไปเราทำอะไรไม่ได้ ถ้าบัตรประชาชนหายนี่คือจบเลย คุณต้องรอไปทำใหม่อย่างเดียว ติดต่ออะไรก็ไม่ได้ พอมาอยู่ในมือถือปุ๊บ ข้อดีข้อแรกคือความปลอดภัย เพราะคุณต้องล็อกพาสเวิร์ด (Password-รหัสผ่าน) เครื่อง คุณต้องล็อกโอทีพี (One Time Password : OTP-รหัสผ่านใช้ครั้งเดียว) เครื่อง เพื่อที่จะเข้าระบบ สิ่งที่สองคือเราไม่มีบัตรพลาสติกถือแล้ว ต้นทุนรัฐหายหมดเลย ในมุมประชาชนเราก็สะดวก ทุกวันนี้กระเป๋าบวมเพราะมีประมาณ 6 ใบอยู่ในมือ” นายวุฒิกร กล่าว
นายวุฒิกร กล่าวต่อไปว่า ที่ประเทศจีน มีการเก็บข้อมูลพฤติกรรมชีวิตบุคคลในแต่ละวันอย่างละเอียด เช่น การเดินทาง การใช้จ่าย การเลือกซื้อสินค้าและบริการ การรับและมีปฏิกิริยาโต้ตอบกับข้อมูลข่าวสาร ฯลฯ ผ่านแพลตฟอร์ม “วีแชต (WeChat)” แล้วนำมาวิเคราะห์และใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย อาทิ การอนุมัติสินเชื่อได้อย่างถูกต้องถึงร้อยละ 90 ซึ่งหมายถึงมีปัญหาหนี้เสียต่ำมาก หรือการเตือนให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้รัฐบาลจีนสามารถควบคุมการระบาดได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งฐานข้อมูลนี้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น การออกมาตรการเยียวยาช่วยเหลือต่างๆ หรือนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ หากรู้ว่าคนคนนี้ชอบท่องเที่ยว นอกจากมาตรการหลักแล้วอาจมีมาตรการเสริมด้วย การทำฐานข้อมูลขนาดใหญ่ในความหมายของตนคือการวิเคราะห์พฤติกรรม (Behavior Analysis) คือการเก็บพฤติกรรมของคนคนนั้น เพราะหากไม่รู้ก็จะเป็นเรื่องยากในการขับเคลื่อนประเทศ
นายวุฒิกร ยังตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าว กรณีข้อกังวลเกี่ยวกับความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีนี้ของจีน ที่รัฐบาลจีนนำฐานข้อมูลพฤติกรรมบุคคลมาจัดทำ “ระบบคะแนนความประพฤติ (Social Credit)” เพื่อควบคุมไม่ให้ประชาชนมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ซึ่งระบบดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากผู้คนที่อยู่นอกประเทศจีนว่าก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของแต่ละคนมากเกินไปจนไม่เหลือเสรีภาพในการใช้ชีวิต
อาทิ คนคนหนึ่งอาจใช้เวลาแต่ละวันหมดไปกับอินเตอร์เน็ตหรือเกมคอมพิวเตอร์จนไม่ได้ออกกำลังกายและพักผ่อนน้อย หรือใช้จ่ายเงินที่ดูเกินตัวหากเทียบกับรายได้ ระบบคะแนนความประพฤติจะแจ้งเตือนและมีการตัดการเข้าถึงสิทธิหรือบริการบางอย่าง เพื่อกดดันให้คนคนนั้นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสม เรื่องนี้ตนยืนยันว่าการเก็บข้อมูลพฤติกรรมคนเป็นเพียงการนำมาวิเคราะห์และอาจรวมถึงประชาสัมพันธ์ข่าวสารในภาพรวมเท่านั้น จะไม่มีการนำไปบังคับกดดันให้ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมแต่อย่างใด
“เราเก็บข้อมูลพฤติกรรมแต่เก็บเพื่อมาวิเคราะห์ เราไม่ลงไป Force (บังคับ) ว่าคุณต้องแก้อะไร อันนั้นไม่ใช่หน้าที่ เราเก็บมาวิเคราะห์ว่าข้อมูลชุดนี้ เช่น สมมติมีคนเล่นเกมตรงนี้เยอะ แต่ตรงนี้เราไม่ได้เก็บ เราเก็บข้อมูลการใช้ชีวิตมากกว่า เช่น คุณไปดูหน่วยงานไหนเยอะสุด คุณไปช็อปปิ้งหรือซื้อของอะไรที่ไหนมากกว่า เราไม่ได้เก็บพฤติกรรมที่เป็นการเล่นเกม เรานำมาวิเคราะห์เฉยๆ สมมติว่าเป็นแบบนี้จริงๆ เราก็ส่งข้อมูลไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าคุณจะ Promote (ประชาสัมพันธ์) อย่างไร เราคงไม่สามารถไปจิ้มเป็นบุคคล จะเป็นการดูภาพรวม ยกตัวอย่างตอนนี้เด็กติดเกมเยอะ ก็คงต้องประชาสัมพันธ์ว่าจะแก้ปัญหาตรงนี้อย่างไรมากกว่า แต่จะไปบังคับอะไรไม่ได้ แบบนั้นละเมิดส่วนบุคคลมากไป” นายวุฒิกร ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี