โพลระบุ‘คนกรุง’61% ค้านให้ต่างชาติเดินทางเข้าไทย 57.7 %ชี้‘พรก.ฉุกเฉิน’ยังจำเป็น
12 กรกฎาคม 2563 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “บ้านสมเด็จโพลล์” สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 หลังมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 5 โดยเก็บจากกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งสิ้น 1,123 กลุ่มตัวอย่าง เก็บข้อมูลในวันที่ 8-11 กรกฎาคม 2563 กลุ่มตัวอย่างในการสำรวจครั้งนี้ใช้เกณฑ์ตารางสำเร็จรูปของ Taro Yamane กำหนดว่า ประชากรเกิน 100,000 คนต้องการความเชื่อมั่น 95% และความผิดพลาดไม่เกิน 3% ต้องใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,111 กลุ่มตัวอย่าง
ผศ.ดร.สิงห์ สิงห์ขจร ประธานคณะกรรมการศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ กล่าวว่า ผลการสำรวจในครั้งนี้ต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 หลังมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 5 ของประชาชนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร มี 6 สถานที่ที่มีการผ่อนปรนเพิ่มเติม ได้แก่ โรงเรียน สถาบันการศึกษาหรือมหาวิทยาลัยต่างๆ การเปิดเรียนและรูปแบบการเรียนการสอนตามที่กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กรณีห้องปรับอากาศให้คิดจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมตามขนาดพื้นที่ห้อง เกณฑ์ไม่น้อยกว่า 4 ตารางเมตรต่อผู้เข้าร่วมกิจกรรม 1 คน
ในส่วนของห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือสถานที่จัดนิทรรศการ สามารถเปิดดำเนินการได้ตามปกติของสถานที่นั้นๆ ขยายเวลาจากเดิมแต่ต้องไม่เกินเวลา 22.00 น. ร้านอาหารหรือเครื่องดื่มทั่วไป ภัตตาคาร สวนอาหาร โรงแรม สามารถเปิดให้บริการหลังเวลา 24.00 น. ได้ แต่งดบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ภายใน สถานที่ที่ให้บริการหลังเวลา 24.00 น. และสถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบ อบ นวด โรงน้ำชา ผ่อนผันให้เปิดดำเนินการได้โดยเปิดทำการตามเวลาปกติที่กฎหมายกำหนดจนถึงเวลา 24.00 น. ของวันเดียวกัน และงดเว้นการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ด้านร้านเกมและร้านอินเตอร์เน็ต ให้เปิดดำเนินการได้ โดยจำกัดช่วงเวลาดำเนินการ ทุกกิจกรรมที่มีการผ่อนปรนให้มีการลงทะเบียนก่อนเข้าและออกจากสถานที่
ทั้งนี้ การให้ชาวต่างชาติสามารถเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทำให้เกิดความกังวลถึงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหลังจากการผ่อนปรน และความพึงพอใจต่อการทำงานของรัฐบาลและศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด 19 หรือ ศบค. ผลการสำรวจในครั้งนี้ต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 หลังมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 5 โดยมีข้อมูลที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดว่ามาตรการผ่อนปรนระยะที่ 5 จะทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 จะไม่เพิ่มมากขึ้น ร้อยละ 53.1 , มีความรู้สึกปลอดภัยจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ในการใช้ชีวิตประจำวัน ร้อยละ 63.2 และจะมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนเองหลังจากการมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 5 ร้อยละ 53.1
โดยเห็นด้วยกับการยกเลิกการห้ามออกจากเคหะสถาน(เคอร์ฟิว) ร้อยละ 74.9 และคิดว่าพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มีความจำเป็นในการควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ร้อยละ 57.7
กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความพึงพอใจในการทำงานของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (ศบค.) พึงพอใจมาก ร้อยละ 41.9 , พึงพอใจปานกลาง ร้อยละ 53.8 และพึงพอใจน้อย ร้อยละ 4.3
ในส่วนของความพึงพอใจในการทำงานของรัฐบาลในช่วงที่เกิดการะบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 พึงพอใจมาก ร้อยละ 26.4 , พึงพอใจปานกลาง ร้อยละ 55.4 และพึงพอใจน้อย ร้อยละ 18.2
กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดว่าการให้ชาวต่างชาติสามารถเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 เพิ่มมากขึ้นร้อยละ 80.6 และไม่เห็นด้วยหรือไม่กับการให้ชาวต่างชาติสามารถเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ร้อยละ 61
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี