‘สมศักดิ์’ลุยปลดล็อก
กระท่อมพ้นยาเสพติด
รับฟังความเห็น15วัน
ชงครม.ต้นเดือนส.ค.
“รมว.ยุติธรรม” เดินหน้าปลดล็อกพืชกระท่อม ออกจากบัญชียาเสพติด เปิดรับฟังความเห็นผ่านเว็บไซต์ ป.ป.ส. 15 วัน ก่อนสรุปเสนอครม.ต้นเดือนสิงหาคม ด้านสส.นครศรีธรรมราช พปชร.หนุน รัฐส่งเสริมให้เป็นพืชเศรษฐกิจ เพราะช่วยเกษตรกรลืมตาอ้าปากได้ ยกตัวอย่างต่างประเทศเอาไปผลิตมอร์ฟีน สร้างรายได้ให้ประเทศปีละเกือบ5แสนล้านบาท
เมื่อวันที่ 12กรกฎาคม นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยความคืบหน้านโยบายปรับพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดว่า หลังนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เร่งดำเนินการปลดล็อกพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเปิดรับฟังความเห็นผ่านเว็บไซต์ https://www.oncb.go.th/Pages/main.aspx ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กระทรวงยุติธรรม เป็นเวลา 15 วัน คาดว่าช่วงต้นเดือนสิงหาคม2563 จะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้ ก่อนเข้าขั้นตอนพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป
ทั้งนี้ จากการหารือกับรมว.ยุติธรรมถึงแนวทางดำเนินนโยบายดังกล่าวของรัฐบาล เป็นการทำให้เกิดประโยชน์กับเศรษฐกิจชุมชนและวิถีชีวิตชุมชน โดยพืชกระท่อมมีหลักฐานใช้เป็นสมุนไพรในครัวเรือนมาตั้งแต่อดีต ใช้บำรุงกำลังเป็นยาขยัน แก้ปวดท้อง ปวดเมื่อย ดังนั้น พืชกระท่อม จึงไม่ใช่ยาเสพติด
นายสัณหพจน์กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันด้านการส่งเสริมให้ปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจนั้น เนื่องจากพืชกระท่อมมีสาร 2 ชนิดที่เรียกว่า “ไมทราไจนีน” มีสรรพคุณช่วยระงับความเจ็บปวดได้ดีกว่ามอร์ฟีน และ “เซเว่นไฮดรอกซี” เป็นยาชูกำลัง ขณะนี้ประเทศมหาอำนาจผลิตมอร์ฟีนขายสร้างรายได้ปีละเกือบ 5 แสนล้านบาท ดังนั้น ประเทศไทยจึงควรเปิดให้มหาวิทยาลัยที่มีความรู้และสนใจศึกษาวิจัยพืชกระท่อมเตรียมความพร้อม กำหนดพื้นที่ปลูกและสำรวจกลไกตลาด เพื่อไม่ให้ล้นตลาดเหมือนพืชเศรษฐกิจ เช่น ยางพารา และปาล์มน้ำมัน
ส่วนด้านความกังวล เรื่องการควบคุมการใช้นั้น นายสัณหพจน์กล่าวว่า รมว.ยุติธรรมได้เผยถึงมาตรการป้องกันว่าต้องป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนยุ่งเกี่ยวกับพืชกระท่อม และป้องกันใช้พืชกระท่อมเป็นส่วนผสมของสารเสพติด หรือเครื่องดื่มชูกำลัง เช่น 4 คูณ 100 โดยในส่วนการใช้ทั่วไป สามารถใช้เพื่อเคี้ยวเป็นยาบำรุงกำลังได้เพียงอย่างเดียว ถ้าจะนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ต้องขออนุญาตที่ อย.ก่อน โดย รมว.ยุติธรรมกล่าวสรุปง่ายๆ ถึงการใช้พืชกระท่อมว่า บุคคลทั่วไป สามารถนำมาเคี้ยวได้อย่างเดียว ห้ามนำมาทำ 3 คูณ 100 หรือ 4 คูณ 100 ซึ่งตนในฐานะรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ และ ส.ส.นครศรีธรรมราช เห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร ที่จะส่งเสริมให้มีการปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจ ทำให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากได้ โดยจะนำเรื่องดังกล่าวไปหารือ และสร้างความเข้าใจกับประชาชนและเยาวชน โดยเฉพาะภาคใต้ ส่วนใหญ่ใช้พืชกระท่อมเป็นยาสมุนไพรมาตั้งแต่อดีต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี