พิษโควิด!คาด‘นร.ยากจน’เพิ่มแตะ 9 แสนคน รัฐปรับเกณฑ์-ขยายฐานแจกทุน
16 กรกฎาคม 2563 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) จัดประชุมผ่านระบบ Teleconference เพื่อชี้แจงการดำเนินงานการขอรับเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษแบบมีเงื่อนไข ประจำภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 ให้แก่เขตพื้นที่การศึกษาทั้ง 225 เขต และครูโรงเรียนในสังกัด สพฐ.ทั่วประเทศได้รับทราบ
นายกวินทร์เกียรติ นนธ์พละ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สพฐ. ร่วมกับ กสศ. ปฏิรูปกระบวนการคัดกรองนักเรียนยากจน และปฏิรูปวิธีการจัดสรรงบประมาณเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง และได้รับความร่วมมือจากเขตพื้นที่การศึกษา ผู้อำนวยการโรงเรียน ครู ในการระดมการขับเคลื่อนเพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาให้กับนักเรียนผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์มาอย่างดี ทำให้ สพฐ. มีเครื่องมือการคัดกรองและช่วยเหลือนักเรียนยากจนได้จำนวนกว่า 1.7 ล้านคน รวมทั้งได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมจาก กสศ.อีกคนละ 3,000 บาท/คน/ปี จำนวน 740,000 กว่าคน ครอบคลุม 27,512 โรงเรียน
“สำหรับปีการศึกษา 2563 สพฐ. และ กสศ. ได้ขยายผลการพัฒนาและบูรณาการร่วมกันในหลายส่วน ทั้งการขยายความช่วยเหลือนักเรียนยากจนพิเศษ ตั้งแต่ระดับอนุบาล – ม.ต้น ทั่วประเทศ ให้ได้รับการช่วยเหลือเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไข นอกจากนี้ยังบูรณาการการบันทึกข้อมูลเพื่อเยี่ยมบ้าน และบันทึกข้อมูลการคัดกรองไว้ในระบบเดียวกัน โดยบันทึกข้อมูลครั้งเดียวสามารถนำข้อมูลไปใช้สำหรับเรื่องการเยี่ยมบ้านและการคัดกรองได้เลย” นายกวินทร์เกียรติ กล่าว
รองเลขาธิการ สพฐ. กล่าวอีกว่า ความร่วมมือระหว่าง สพฐ. และ กสศ. ถือว่าประสบความสำเร็จในการปฏิรูปการจัดสรรงบประมาณเพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา แต่นักเรียนกลุ่มนี้ยังมีความเสี่ยงด้านอื่นๆ เช่น สุขภาพ การเรียนรู้ พฤติกรรม เป็นต้น ซึ่งอาจเป็นปัจจัยทำให้นักเรียนหลุดออกจากระบบการศึกษา สพฐ. จึงขอความร่วมมือจาก กสศ. ในการทำองค์ความรู้และวิจัยพัฒนาหาแนวทางการส่งต่อการดูแลเพื่อให้ สพฐ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถช่วยเหลือนักเรียนยากจนได้อย่างครอบคลุมทุกมิติ
เพื่อประโยชน์ที่จะเกิดแก่นักเรียนในสังกัดโดยตรง และขอบคุณ กสศ. ที่มีบทบาทในการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือ ช่วยสนับสนุนและเติมเต็มการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาให้กับประเทศไทย
ด้าน ดร.ไกรยส ภัทราวาท รองผู้จัดการ กสศ. กล่าวว่า นับเป็นโอกาสดีที่ กสศ.ได้ร่วมงานกับ สพฐ.ในการจัดสรรทุนเสมอภาคให้แก่เด็กนักเรียนยากจนพิเศษทั่วประเทศ ซึ่งในปีที่ผ่านมามีเด็กยากจนพิเศษอยู่กว่า 7 แสนคน ซึ่งในปี 2563 จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คาดว่าจะมีจำนวนนักเรียนยากจนและยากจนพิเศษเพิ่มขึ้น ดังนั้นทาง กสศ.จึงมีมาตรการช่วยเหลือฉุกเฉินในสถานการณ์โควิด-19 หากนักเรียนคนใดที่ไม่ผ่านเกณฑ์ยากจนพิเศษ ปี 2562 ก็สามารถสมัครเข้ามาใหม่ได้เลย โดยไม่ต้องรอ หากมีหลักฐานใหม่ว่าพ่อ แม่ตกงาน หรือได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และมีรายได้อยู่ภายใต้เส้นความยากจนพิเศษ
“กสศ.ได้เตรียมงบประมาณไว้รองรับจำนวนเด็กยากจนพิเศษที่อาจจะเพิ่มขึ้นเป็น 8 - 9 แสนคน และ กสศ.ได้เปิดกระบวนการคัดกรองนักเรียนยากจนพิเศษในส่วนของนักเรียนกลุ่มใหม่ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล -ชั้นมัธยมต้น โดยมีคุณครูที่สำรวจ/สอบถามข้อมูลจากผู้ปกครอง จึงขอให้ครู และผู้ปกครอง ส่งรูปถ่าย หรือข้อมูลเข้ามาในระบบได้ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม 2563 นี้” ดร.ไกรยส กล่าว
ดร.ไกรยส กล่าวอีกว่า ในปีนี้ กสศ.ได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมในส่วนของเด็กอนุบาล ทั้งประเทศ 76 จังหวัดเป็นปีแรก ดังนั้นหากผู้ปกครองของเด็กชั้นอนุบาลทั้งสังกัด สพฐ. อปท.และ ตชด. สามารถสมัครเข้ารับเงินอุดหนุนนักเรียนทุนเสมอภาคได้เลย และถ้าได้รับจัดสรรเงินทุนตั้งแต่ระดับอนุบาลแล้วก็จะได้รับทุนนี้ไปจนถึงระดับมัธยมต้นด้วย และทุก 3 ปี จะมีการคัดกรอง 1 ครั้ง เพื่อตรวจสอบว่าสถานะทางครัวเรือนอยู่ในข่ายยากจน หรือยากจนพิเศษหรือไม่ โดยนักเรียนยากจนพิเศษตั้งแต่ระดับ อนุบาล-ม.ต้น จะได้รับการจัดสรรทุนเสมอภาคจำนวน 2,000 บาทในเทอม 1/2563 ทันที เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของครอบครัว และเทอมที่ 2 จะได้รับทุนอีก 1,000 บาท
ดร.ไกรยส กล่าวว่า ในปีนี้ กสศ. ได้รับความร่วมมือจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) และธนาคารออมสิน มาช่วยอำนวยความสะดวก และการเปิดบัญชีนี้เด็กไม่จำเป็นต้องฝากเงินและทางธนาคารมีการยกเว้นค่ารักษาบัญชีของนักเรียนยากจนพิเศษ และสามารถโอเงินผ่านพร้อมเพย์ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เป็นการเปิดบัญชีศูนย์บาทไร้ค่าทำเนียม และทางธนาคารจะให้ความรู้ทางการเงินแก่นักเรียนด้วย
ดังนั้น ผู้ปกครองสามารถพาบุตรหลานที่เรียนชั้นอนุบาล อายุตั้งแต่ 7 ปี พร้อมบัตรประชาชนไปขอเปิดบัญชีได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งความร่วมมือนี้จะส่งผลให้การจัดสรรเงินอุดหนุนโอนผ่านบัญชีธนาคารของนักเรียนที่ได้เปิดบัญชีกับธนาคารทั้งสองแห่งโดยตรง เพื่อความโปร่งใส และลดภาระของโรงเรียน ที่สำคัญเงินจะมุ่งตรงไปที่ตัวเด็กจะทำให้การใช้จ่ายเงินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
สำหรับเกณฑ์การคัดเด็กยากจนพิเศษ มี 2 ลักษณะ คือ เกณฑ์รายได้ 3,000 บาทต่อคนต่อเดือน และเกณฑ์สถานะของครัวเรือน เช่น มีทรัพย์สิน ที่ดินไม่เกิน 1 ไร่ รถยนต์มีสภาพเก่ากว่า 15 ปี บ้านมีสภาพทรุดโทรม ครอบครัวไม่มีรายได้ พ่อ แม่ไม่มีงานทำ หรือมีภาวะทุพลภาพ และต้องมีภาพถ่ายประกอบพร้อมจีพีเอส และมีเลข 13 หลักเพื่อนำไปเชื่อมโยงกับกระทรวงการคลัง และหน่วยงานอื่นๆเพื่อเช็คสถานะความยากจน แต่ช่วงนี้ กสศ.จะมีความยืดหยุ่นเกณฑ์ให้ เนื่องจากมีผู้ได้รับผลกระทบสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งบางพื้นที่อาจะเป็นพื้นที่เสี่ยงคุณครูอาจจะไปเยี่ยมบ้านนักเรียนไม่สะดวก จึงให้ผู้ปกครองส่งข้อมูลทางไปรษณีย์ได้ เพื่อลดความเสี่ยงในการเดินทางไปในที่ต่างๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี