“สธ.”ทุกกรมร่วมแถลงความพร้อมรับมือโควิด-19 หลังเกิดเคสระยอง-กทม. -“อธิบดีกรมควบคุมโรค” ไม่เชื่อจะไม่มีติดเชื้อในประเทศอีก ชี้เราเคยรับมือได้และเราจะรับมือได้อีก /เปิดข่าวดี “กรมการแพทย์แผนไทยฯ” ใช้ฟ้าทะลายโจรกับผู้ติดเชื้ออาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อาการข้างเคียงหายภายใน 5 วัน
วันที่ 16 กรกฎาคม 2563 กระทรวงสาธารณสุขจัดแถลงข่าวยืนยันความพร้อมรับมือการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 โดยนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การดูแลสุขภาพของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าดูย้อนหลังเมื่อเดือนม.ค. ที่พบเคสการติดเชื้อโควิด-19 รายแรก ขณะนั้นไทยมีอันดับผู้ติดเชื้อเป็นอันดับ 2 โลก ซึ่งเราไม่มีความพร้อม หรือความรู้ แต่เราได้ร่วมมือจากประชาชน บุคลากรสาธารณสุข และอาจารย์มหาวิทยาลัยต่างๆ โรงเรียนแพทย์ ทำให้ขณะนี้ประเทศไทยมีจำนวนผู้ป่วยลดลง วันนี้โรงพยาบาลของประเทศไทย ไม่ผู้ป่วยหนัก ไม่มีผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เนื่องจากมีการพัฒนาทางการแพทย์ และดูแลอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีมาตรการทางด้านอนามัย ทั้งการใส่หน้ากากอนามัย ใช้เจลแอลกอฮอล์ การหลีกเลี่ยงเข้าไปในสถานที่ชุมชน ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญ ยอมรับว่าโรคโควิด-19 อาจจะเป็นโรคที่พบได้ และคงไม่ได้หายจากประเทศไทย ถึงแม้จะเกิดการกระบาดในระยะที่ 2 เราก็มีความพร้อม และสามารถรองรับผู้ป่วยรายใหม่ได้วันละ 1 พันเตียงต่อวันทั่วประเทศ ที่สำคัญมีเรามีหมอ มีบุคลากรอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) เจ้าหน้าที่ทุกระดับสาธารณสุขที่พร้อมจะดูแล ดังนั้นจึงมั่นใจในว่าถ้าเกิดมีผู้ป่วยรายใหม่เราจะสามารถควบคุมได้
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ภายในประเทศไม่มีรายงานผู้ป่วยรายใหม่ แต่อาจจะมีเชื้อในประเทศอยู่ การรับเชื้อเข้ามาส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศที่เรามีระบบควบคุมกักกัน สำหรับการติดเชื้อภายในประเทศสิ่งหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยไม่มีรายงานผู้ป่วยนั่นคือทุกคนปฏิบัติตามมาตรการ หากผู้ที่ไม่ติดเชื้อ และไม่ติดเชื้อไม่ใส่หน้ากากอนามัยโอกาสการแพร่เชื้อก็จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 70 แต่เมื่อใส่หน้ากากอนามัยโอกาสการแพร่เชื้อจะลดลงเหลือร้อยละ 1.5 อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้มีการผ่อนปรนกิจการและกิจกรรมต่างๆในระยะที่ 5 เพราะเราเชื่อว่าเรามีความพร้อม และประชาชนพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งกับบุคลากรทางการแพทย์ในการรับมือ โดยการคาดการณ์อาจจะมีการพบผู้ติดเชื้อ แต่เราจะตรวจจับให้เร็วให้อยู่ในวงจำกัด ในกรณีที่จ.ระยอง เราได้ดำเนินการในเชิงรุกและได้ใช้รถชีวนิรภัยลงไปค้นหาผู้ติดเชื้อ วันแรกตรวจ 1,336 คน ผลตรวจไม่พบเชื้อ และจะตรวจอีก 1,352 ราย โดยเชื้อว่าผลตรวจจะไม่พบเชื้อด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ต่อให้มีการแพร่ระบาดในจุดอื่น แต่เราเลือกที่จะจัดการเป็นจุด และปิดจุดที่มีโอกาสแพร่ระบาดในส่วนของกิจการและกิจกรรม แต่เราไม่เลือกที่จะปิดพื้นที่ เพราะจ.ระยอง มีจุดระบาดเป็นจุดๆ ไม่จำเป็นต้องปิดทั้งจังหวัด และคนจ.ก็ไม่ได้มีความเสี่ยงทั้งหมด หมายความว่ายังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่การ์ดจะต้องสูง
“เรามีความสามารถในการสอบสวนควบคุมโรคเรามีกว่า 2 พันทีมทั่วประเทศ เรามีบุคลากรผู้เชี่ยวชาญหลายร้อยคนที่ได้รับการยอมรับระดับโลก แล้วเรายืนยันมาโดยตลอดว่าเราไม่เชื่อว่าจะไม่มีการติดเชื้อในประเทศ แต่เรายืนยันว่าถ้ามันจะเกิด เราเคยทำได้มาแล้ว แล้วเราก็จะทำได้อีก เพียงแต่เราต้องร่วมกันทั้งหมด” นพ.สุวรรณชัย กล่าว
ด้านนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงความพร้อมในการดูแลสภาพจิตใจว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจ.ระยอง ทำให้ประชาชนเกิดภาวะตระหนก มีความเครียด เบื่อหน่าย ท้อแท้ หรือโกรธกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยการต่อสู้กับแพร่ระบาดของเชื้อครั้งใหม่ เราต่อสู้ด้วยความรู้ทั้งการป้องกัน การทำให้ร่างกาย และจิตใจเข้มแข็ง ถ้ามีสติเราจะสามารถดูแลตนเองได้ อีกทั้งต้องสำรวจตัวเองว่าเราอยู่ในกลุ่มเสี่ยงระดับไหน ไม่ใช่ตระหนกไปหมด ประเทศไทยมีทีมป้องกันควบคุมโรคอันดับต้นๆของโลก ดังนั้นจึงมีความพร้อมในการป้องกันควบคุมโรค รวมทั้งระบบการรักษาที่ดีมาก และอัตราการเสียชีวิตที่ต่ำมาก ตนเชื่อว่าครั้งนี้คงไม่เกิด Super spreader เหมือนกรณีที่เกิดในสนามมวย และขณะนี้การควบคุมโรคสามารถระบุผู้ที่ใกล้ชิดได้ ทั้งนี้ขอให้ฟังข้อมูลที่ถูกต้องจากทางราชการอย่างสม่ำเสมอ ส่วนการดูแลสุขภาพ กรมสุขภาพจิตมีความพร้อม มีการส่งทีมดูแลสุขภาพจิตใจลงในพื้นที่ ถ้ามีภาวะความเครียดมากเราก็จะมีทีมดูแลรักษา หรือสามารถติดต่อเบอร์ 1323 ของกรมสุขภาพจิตได้
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวถึงความพร้อมของอสม. ว่า ถึงแม้เราจะผ่านช่วงที่สำคัญมา แต่อสม.ได้ทำงานอย่างเข้มแข็ง โดยอสม.จ.ระยอง จะอยู่คู่กับกับชาวจ.ระยอง ทั้งการคัดกรอง การเฝ้าระวัง ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านให้กำลังใจต่างๆ โดยขณะที่เตรียมที่จะส่งหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์เพิ่มเติมลงไปในพื้นที่
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงความพร้อมในการรักษาว่า ขณะนี้มีเตียงรองรับผู้ป่วยกว่า 2 หมื่นเตียงทั่วประเทศ ส่วนในกรุงเทพมหานครมี 2,400 พันเตียง ดังนั้นจึงมีความพร้อมในการรักษา นอกจากนี้คนไข้ที่รับมาจาก State quarantine ส่วนใหญ่เป็นคนไข้ที่มีอาการไม่มาก หรือไม่มีอาการ ด้านกลไกเรามีการประชุมในการรักษาพยาบาลโดยมีทั้งหมด 2 คณะ เพื่อเตรียมความพร้อมในการทำงานทั้งกรณีเคสกรุงเทพฯ และจ.ระยอง
ทั้งนี้ถ้าประชาชนที่มีประวัติสัมผัสต้องการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โรงพยาบาลทุกแห่งทั้งในกรุงเทพฯ หรือในระยองพร้อมให้การตรวจโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยในระยองมีเตียงรองรับผู้ป่วยโควิดอยู่ 100 เตียง โดยขอยืนยันว่าในด้านการรักษาเรามีความพร้อม
ด้านนพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงความพร้อมของยาและวัคซีนโควิด-19 ว่า หน้ากากอนามัยได้มีการจัดสรรในระบบสาธารณสุข ทุกโรงพยาบาล และทุกหน่วยบริการ มีความพร้อม โดยขณะนี้หน้ากากอนามัยได้มีการผลิตภายในประเทศจำนวน 3 ล้านชิ้นต่อวัน จัดสรรในระบบสาธารณสุข 1.7 ล้านชิ้น โดยกระจายทั่วประเทศ ส่วนหน้ากาก N95 มีจำนวน 1.7 ล้านชิ้น สามารถใช้ป้องกันเชื้อในขณะที่รักษาผู้ป่วย ได้กว่า 1 หมื่นเคส ส่วนชุดป้องกัน PPE มีอยู่ 1 ล้านชุด ทั้งนี้ยาในการรักษาโดยเฉพาะยาฟาวิพิราเวียร์ มีอยู่ทั้งสิ้น 6 แสนเม็ด ซึ่งใช้รักษาผู้ป่วยได้ 1 หมื่นเคส
ทั้งนี้วัคซีนโควิด-19 กำลังอยู่ในกระบวนการที่จะใช้ทดลองในคน โดยในส่วนของอย.จะดูทุกขั้นตอนตั้งแต่ตัววัคซีน โรงงานที่ผลิต เพื่อให้เกิดความมั่นใจสามารถผลิต เพื่อให้เกิดความปลอดภัย มีคุณภาพ จึงขอให้ประชาชนมีความมั่นใจได้
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีความพร้อมในการตรวจทางห้องปฏิบัติการ โรคโควิด-19 เป็นโรคใหม่ เราเพิ่งรู้จักมาแค่ 6-7 เดือน โดยในช่วงที่มีการแพร่ระบาดในช่วงแรกๆ ไทยเป็นประเทศแรกต่อจากจีนที่สามารถถอดรหัสของเชื้อโควิด-19 ได้ และรายงานต่อนานาชาติ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของไทย และขณะนี้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ของไทยได้รับการยอมรับจากองค์การอนามัยโลก เป็นประเทศต้นๆคู่กับสหรัฐอเมริกาและประเทศในทวีปยุโรป จีน และญี่ปุ่น เราสามารถขยายเครือการตรวจทางห้องปฏิบัติ ทั้งภาครัฐ และเอกชน กว่า 200 ห้องปฏิบัติการ ถ้าเทียบกับเกาหลีแต่ซึ่งมี 100 กว่าห้อง ของไทยจะมีมากกว่า 2 เท่า และกำลังจะขยายให้ครอบคลุมทุกจุดในประเทศไทย ที่ผ่านมาได้มีการตรวจทางห้องปฏิบัติการกว่า 6.5 แสนตัวอย่าง ซึ่งตัวเลขการตรวจสะท้อนถึงศักยภาพในการลงพื้นที่ตรวจ อีกทั้งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้พัฒนาน้ำยาสำหรับการตรวจหาเชื้อโควิด -19 ในประเทศไทยได้เอง ไม่ต้องพึงพาจากต่างประเทศ และน้ำยาตรวจหาเชื้อที่สต๊อกอยู่ขณะนี้อยู่ที่ 6.1 แสนเทส จึงเป็นความมั่นใจของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ว่าในสถานการณ์การแพร่ระบาดเพียงแค่นี้เราสามารถรับมือได้สบายมาก
“เราไม่เคยเป็นเหมือนอเมริกาหรืออังกฤษที่ต้องส่งตัวอย่างไปตรวจนอกประเทศ บางตัวอย่างต้องรอเป็นสัปดาห์กว่าจะรู้ผล แต่ปัจจุบันเรามีการรายงานผ่านระบบออนไลน์ ไม่เกิน 24 ชม.จะต้องรู้ผลแลป โดยขอให้พี่น้องประชาชนได้เชื่อมั่น นอกจากนั้นบทบาทของ นักวิจัย นักวิยาศาสตร์ขงประเทศไทย มีความพร้อมในการรับมือกับโรคโควิด-19 เช่น การพัฒนาในการตรวจเชื้อไม่ว่าจะเป็นการใช้น้ำลาย โดยการตรวจแบกลุ่ม ทำให้สามารถเฝ้าระวังได้ แสนรายเราใช้เวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์เราสามารถเฝ้าระวังได้ครบถ้วน และประหยัดงบประมาณของประเทศ” อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าว
นพ.โอภาส ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของวัคซีน องค์การอนามัยโลกประกาศว่า วัคซีนที่อยู่ไหนกระบวนการผลิต 140 ชนิด มีของประเทศไทย 4 ชนิด และได้มีการใช้ในสัตว์ทดลอง ผลภูมิคุ้มกันดีมาก และจะมีการทดลองวิจัยในคนในเดือน ต.ค.นี้ ส่วนประเทศที่มีการพัฒนาไปก่อนไทย เราก็มีความร่วมมือ ถ้าเขาประสบความสำเร็จเราก็จะเตรียมโรงงานที่จะรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีมาผลิตวัคซีนให้กับคนไทย จึงขอให้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยพร้อมที่รับมือโควิด-19 ในทุกประเด็น อย่างไรก็ตามก็ไม่ได้ละเลยภูมิปัญญาพื้นบ้านอย่างฟ้าทะลายโจร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมกับ กรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก ในการทดลองโดยใช้ฟ้าทะลายโจรกับเชื้อโควิด-19 พบว่าสามารถทำลายเชื้อในเซลล์ปกติได้ เป็นครั้งแรกของโลก และส่งข้อมูลให้กรมการแพทย์แผนไทยฯ เพื่อการวิจัยต่อไป เพราะฉะนั้นศักยภาพของไทยตอนนี้ถ้าเทียบกับการระบาดตอนต้นเป็นคนละเรื่อง เราพร้อมรับมือกับการระบาด
นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ กล่าวว่า การทดลองใช้เวลานานเนื่องจากระยะแรกไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศไทย จนกระทั่งต่อมาจึงมีการทดลองกับผู้ติดเชื้อในstate quarantine จ.สมุทรปราการ มีข่าวดีเรื่องผลการวิจัยใช้สมุนไพร”ฟ้าทะลายโจร”อย่างไม่เป็น ทางการ ว่าจากการนำสารแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide)ที่เป็นสารสกัดในฟ้าทะลายโจร โดยใช้ปริมาณ3 เท่าที่ใช้ปกติ ทดลองในอาสาสมัครครบ 6คน ปรากฏผลอาการแสดงของโรคติดเชื้อโควิด-19ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งอาการดีขึ้นชัดเจนใน 3 วันแรกที่รับประทาน คือ อาการไอความรุนแรงและความถี่ลดลง รวมทั้งอาการ เสมหะ เจ็บคอดีขึ้น และอาการไม่สบายตัว มีน้ำมูก ปวดศีรษะ หายภายใน 5วัน ดังนั้น เมื่อมีอาการไข้หวัด เจ็บคอ ไม่ต้องรอ ซึ่งในโอกาสต่อไปจะได้มีการวิจัยใช้กับอาสามัครในจำนวนที่มากขึ้นและเพิ่มเป็น 5 เท่าต่อไป
นพ.ศุภภิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการจัดการกับรับมือสถานการณ์โควิด-19ไทยได้รับการยกย่องว่าจัดการสถานการณ์ได้ดีจากถูกจอห์น ฮอปกิ้นส์ให้ไทยเป็นเบอร์ 6ของโลก แต่สถานการณ์เกิดขึ้นที่จ.ระยองนั้น ไม่ใช่เกิดจากการจัดการกับโรค แต่เกิดจากสาเหตุเป็นการรับมือกับความตื่นตระหนกและหวาดกลัวของประชาชน ดังนั้นขอให้เกิดความเชื่อมั่นในการไปเที่ยวจ.ระยอง และขอให้เซเลบริตี้ มาเที่ยวเพื่อสร้างความมั่นใจ หากวันนี้เราจัดการปัญหานี้ได้ในวันข้างหน้าจะมีผู้ป่วยจำนวนมากอย่างก็จัดการให้เป็นไปด้วยความสงบได้
พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวว่า การล๊อคดาวน์ก่อนหน้านี้ยังไม่มีอุปกรณ์การแพทย์ โรงพยาบาล จึงต้องล๊อคดาวน์และเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ซึ่งมีมาตรการผ่อนคลายตั้งแต่ระยะ1-5 ตามลำดับ โดยในระหว่างผ่อนคลายนี้ ได้มีการเตรียมความพร้อมรองรับ ทั้งโรงแรม ยา หากเกิดการระบาดขึ้นใหม่นั้น ตามที่อาจารย์แพทย์ให้ข้อมูลว่ามีความเป็นไปได้ที่อาจเกิดการระบาดขึ้นหลังผ่อนคลายดังเช่นประเทศอื่นก่อนหน้านี้ที่คลายล๊อคดาวน์ ซึ่งสาธารณสุขประเทศไทยได้มีการเตรียมความพร้อม ไม่ว่าระบาดขึ้นมาใหม่จากเหตุใดก็ตามดังเช่นที่นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารรสุข บอกว่าเมื่อเกิดขึ้นเราพร้อมดูแลประชาชนดีที่สุด ซึ่งไทยเรามียา เวชภัณฑ์ เตรียมไว้เหมือนโรคต่างๆที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ โดยไม่จำเพญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวว่า การล๊อคดาวน์ก่อนหน้านี้ยังไม่มีอุปกรณ์การแพทย์ โรงพยาบาล จึงต้องล๊อคดาวน์และเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ซึ่งมีมาตรการผ่อนคลายตั้งแต่ระยะ1-5 ตามลำดับ โดยในระหว่างผ่อนคลายนี้ ได้มีการเตรียมความพร้อมรองรับ ทั้งโรงแรม ยา หากเกิดการระบาดขึ้นใหม่นั้น ตามที่อาจารย์แพทย์ให้ข้อมูลว่ามีความเป็นไปได้ที่อาจเกิดการระบาดขึ้นหลังผ่อนคลายดังเช่นประเทศอื่นก่อนหน้านี้ที่คลายล๊อคดาวน์ ซึ่งสาธารณสุขประเทศไทยได้มีการเตรียมความพร้อม ไม่ว่าระบาดขึ้นมาใหม่จากเหตุใดก็ตามดังเช่นที่นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารรสุข บอกว่าเมื่อเกิดขึ้นเราพร้อมดูแลประชาชนดีที่สุด ซึ่งไทยเรามียา เวชภัณฑ์ เตรียมไว้เหมือนโรคต่างๆที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ โดยไม่จำเป็นต้องเลือกว่าใครจะอยู่ หรือใครจะตายเราพร้อมเสมอ ซึ่งไม่ว่าจะสถานการณ์เป็นอย่างไรให้ประชาชนดูแลรักษาตนเองแบบ new normal โดยใส่หน้ากากและเว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ ส่วนที่เหลือแพทย์พร้อมจะรักษา เราช่วยให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ด้วยการท่องเที่ยว และรอวันหนึ่งที่เราจะมีวัคซีน ขออย่าตื่นตระหนก เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันพร้อมกับที่มีเชื้อโควิดได้
นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยรับว่าย้อนกลับไประยะ1 คือไม่มีเชื้อในต่างประเทศ แต่เป็นการการนำเข้าจากต่างประเทศซึ่งเราเจอเคสที่นครปฐม หัวหิน แต่เราก็ไม่ปิดจังหวัดขณะนี้เรามีความพร้อมในหารตรวจหาเชื้อ สถานพยาบาล ยา เวชภัณฑ์
เมื่อถามถึงเหตุการณ์ลูกเรืออียิปต์ทำให้จ.ระยองปิดโรงแรม240 แห่ง และอาจปิดจังหวัด รวมทั้งกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากจ.ระยอง14 วันเป็นการตื่นกลัวเกินไปหรือไม่ นพ. สุวรรณชัย อธิบดีกรมคบคุมโรค กล่าวว่า เราอยู่กับตัวเลข0 มาสักระยะและเมื่อเลข0 จะขยับนิดหน่อย จึงทำให้คนในประเทศตระหนก อย่างไรก็ตาม จากการที่ตนได้ลงพื้นที่จ.ระยอง เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ได้จัดการสถานการณ์เปลี่ยนจากตระหนกมาเป็นตระหนักโดยได้มีการพูดคุยกับผู้ว่าราชการจ.ระยอง ทราบว่าขณะนี้หลายโรงเรียนจะทะยอยเปิดตามปกติอย่างระมัดระวัง โดยเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นเป็นเวลา 14 วัน (ตั้งแต่วันที่ 10 -24 ก.ค.)โดยเน้นว่าให้ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่นอกบ้าน
ทั้งนี้ ในส่วนความเสี่ยงมีเพียงพื้นที่จุดโรงแรมดีวารี ดีว่า เซ็นทรัลระยอง กับห้างสรรพสินค้าแพสชั่นเท่านั้น ไม่ได้ไปพื้นที่อื่น รวมทั้งเน้นเฉพาะผู้ติดเชื้อ 1 รายเท่านั้น เพราะอีก 30 รายตรวจไม่พบเชื้อ นอกจากนี้ เป็นการออกไปเที่ยวห้างใช้ระยะเวลาสั้นๆ ดังนั้น อย่ากังวลและไปตีตราคนที่เดินทางมาจากจ.ระยอง
สำหรับกระทรวงมหาดไทยที่ให้สั่งการไปยังผู้ว่าฯว่าผู้เดินทางมาจากจ.ระยองและคอนโดONE Xให้รายงานตัวนั้น จะมีการพิจารณาประเมินสถานการณ์ตามความเหมาะสม เป็นเพียงมาตรการเฝ้าระวัง ไม่ใช่ให้มีการกักตัว 14 วัน อย่างไรก็ดี ช่วงบ่ายวันนี้(16 ก.ค.)ตนจะหารือกับผู้ว่าราชการทุกจังหวัดในฐานะกรรมการควบคุมโรคแต่ละจังหวัด ดังนี้ 1. จัดให้มีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนที่อยู่ในไทม์ไลน์ ขอให้เข้ามาปรึกษาและตรวจหาเชื้อในสถานพยาบาลของรัฐ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย 2. ต้องมารายงานตัวให้ทราบ และหากไม่มีอาการเสี่ยงไม่ต้องกักตัว 3.พื้นที่สัมผัสเช่น โรงเรียน ที่ทำงานนั้นให้ปิดเฉพาะจุด ตีวงให้แคบที่สุดเพื่อไม่ให้กระทบกับวิถีชีวิตประชาชน ขอประชาชนอย่าตื่นกลัว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี