22 กรกฎาคม 2563 นายณัภฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการจัดการศึกษาปฐมวัยของกระทรวงศึกษาธิการ (พ.ศ. 2563-2565) โดยมี นางสาวดุริยา อมตวิวัฒน์ รองปลัด ศธ. ผู้ทรงคุณวุฒิด้านปฐมวัย และคณะกรรมการฯ เข้าร่วมประชุมเมื่อเร็วๆนี้ ว่าจากการประชุมครั้งนี้ได้เห็นการทำงานอย่างเข้มข้นของภาคเอกชนและฝ่ายวิชาการด้านปฐมวัย ที่นำเสนอแผนปฏิบัติการฯที่จับต้องได้ มีระยะเวลาที่ชัดเจนในการขับเคลื่อน ก็เป็นหน้าที่ของศธ. ที่จะต้องตัดสินใจว่าในการขับเคลื่อนนั้นเราอยากจะใช้เวลานานเท่าใด 1 ปีก็ทำได้ 3 ปีก็ทำได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณและแผนงานที่วางไว้ ถ้าเราใช้งบประจำปีปกติก็จะลำบาก แต่ถ้าเราสามารถทำแผนให้ส่งผลไปถึงจำนวนผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากตรงนี้ก็อาจจะต้องใช้งบกลาง ซึ่งก็จะต้องนำเสนอแผนให้ท่านนายกฯพิจารณาต่อไป เพราะเรื่องการสร้างพื้นฐานของเด็กปฐมวัยอยู่ในแผยยุทธ์ศาสตร์แห่งชาติ จึงเป็นช่วงเวลาที่เราจะสามารถวางรากฐานได้อย่างมั่นคงให้กับเด็กปฐมวัย เพราะเรามีการทำงานมาอย่างต่อเนื่องมีความเข้มแข็งเป็นการร่วมมือระหว่างฝ่ายวิชาการและมหาวิทยาลัยต่างๆด้วย เป็นการเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กับกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ที่จะทำให้บุคลากร โดยเฉพาะคุณครูมีศักยภาพมากขึ้นในการพัฒนาเด็กปฐมวัยซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ
“ผมเองไม่อยากรอใช้เวลานานถึง 3 ปี อยากใช้หลักสูตรที่กระชับ สั้น และขยายวงกว้าง แต่ก็เป็นการใช้งบประมาณที่มากขึ้น ซึ่งฝ่ายวิชาการได้นำเสนอแนวทางต่าง ๆที่เหมาะกับการพัฒนาเด็กในศตวรรษที่ 21 และเป็นที่ยอมรับระดับโลกแล้ว วันนี้เราหาวิธีว่าจะเผยแพร่ในวงของกระทรวงศึกษาฯ วงเด็กปฐมวัยได้อย่างไร ซึ่งถ้าวางแผนใช้เวลา 3 ปีหรือใช้เวลา 1 ปีก็ได้ แต่ผมคิดว่าเรื่องเด็กปฐมวัยเป็นเรื่องที่สำคัญ ไม่ได้แตกต่างจากการลงทุนในการสร้างถนนหรือสร้างสิ่งอื่นๆ ผมคิดว่าการสร้างทุนมนุษย์หรือทรัพยากรมนุษย์ที่เข้มแข็งโดยเฉพาะกับเด็กเล็กๆเป็นเรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญมาก” รมว.ศธ. กล่าว
นายณัฏฐพล กล่าวต่อว่า การพัฒนาเด็กปฐมวัย เรื่องความเข้าใจในหลักสูตรที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 และการต่อสู้ แข่งขันกับโลกปัจจุบัน รวมถึงการพัฒนาทักษะ หรือ EQ ของเด็กเป็นเรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญมากกว่ากายภาพ
รมว.ศธ. กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ตนให้ความสำคัญกับพื้นที่นวัตกรรม และศธ.ได้วางแผนไว้แล้ว ประกอบกับขณะนี้มี พ.ร.บ.พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ออกมาแล้ว ศธ.จึงได้ตั้งคณะอนุกรรมการในชุดต่างๆออกมาเพื่อให้การขับเครื่องพื้นที่นวัตกรรมมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้น ที่ผ่านมาติดขัดเพราะยังไม่สามารถจัดตั้งคณะอนุกรรมการต่างๆได้ และที่ผ่านมาตนได้พูดย่ำในหลายๆที่ ว่าเราจะต้องมองนอกกรอบใช้บุคลากรที่มีความคิดสร้างสรรจึงเรียกว่าพื้นที่นวัตกรรม ก็จะพยายามไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับการทำงานแบบเดิมๆที่มีอยู่ในวงกว้างปัจจุบัน แต่นี้เป็นการทดลอง เป็นการขับเคลื่อนในรูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ และได้พูดคุยกันถึงความคิดสร้างสรรค จุดเน้นของพื้นที่นวัตกรรมการศกษา คือการคิดนอกกรอบ แต่อยู่ในวิสัยทัศน์ที่จะนำมาพัฒนาได้ในอนาคตและลงไปสู่โรงเรียนจำนวนมากของประเทศไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี