เมื่อวันที่ 24 กรกฏาคม 2563 พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พร้อมด้วยพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. แถลงชี้แจงกรณีอัยการสูงสุดมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ "บอส" ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นข้อหาสุดท้ายที่ยังไม่หมดอายุความ ในคดีขับรถชนดานตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจจราจรสน. ทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อ 7 ปีก่อนและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เห็นพ้องโดยไม่แย้ง คำสั่งไม่ฟ้องเด็ดขาดของอัยการ
พ.ต.อ.กฤษณะ ระบุว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อได้รับเอกสารคำสั่งไม่ฟ้อง เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้ส่งให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณา และ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ มีความเห็นพ้องตามความเห็นของอัยการ ซึ่งการที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องเด็ดขาดของอัยการ เนื่องจากเป็นไปตามตามพยานหลักฐาน ยืนยันไม่มีการช่วยเหลือผู้ต้องหาให้หลุดคดีทุกอย่างพิจารณาไปตามเนื้อผ้า ส่วนที่ในชั้นสอบสวนชั้นต้นมีการแจ้งข้อหาดังกล่าว และฟ้องคดีต่ออัยการอาจเนื่องจากตอนนั้นมีหลักฐาน แต่เมื่ออัยการพิจารณากลั่นกรองมาแล้ว หัวหน้าพนักงานสอบสวนไม่สามารถก้าวล่วงได้
รองโฆษก ตร. ระบุว่า ขั้นต่อไปพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อจะดำเนินการถอนหมายจับ ขณะที่กองการต่างประเทศจะประสานไปยังองค์การตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพลในการถอนหมายจับสากล และถอนการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนในลักษณะคู่ขนานด้วย คาดว่าต้องใช้ระยะเวลาอีกระยะหนึ่ง เพราะหากล่าช้าอาจจะกระทบสิทธิ์นายวรยุทธซึ่งอาจทำให้ตำรวจถูกฟ้องร้องได้
อย่างไรก็ตาม หลังเพิกถอนหมายจับทั้งในประเทศและต่างประเทศหมดแล้วนายวรยุทธ ก็ถือเป็นผู้บริสุทธิ์ สามารถออกสู่สังคมได้ปกติ
ต่อข้อถามที่ว่า คิดอย่างไรที่มีการกล่าวว่า "คุกมีไว้ขังคนจน" พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า คำกล่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง และไม่อยากให้สร้างเป็นวรรณกรรมในลักษณะนี้ ขณะที่พล.ต.ท.โทปิยะ ชี้แจงว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความเสียใจที่ตำรวจเสียชีวิต แต่การสั่งไม่ฟ้องคดี ก็เป็นไปตามกระบวนการสอบสวน การพูดว่า "คุกมีไว้ขังคนจน" จึงไม่น่าจะใช่แบบนั้น เพราะกฎหมายคือกฎหมาย หลักของกฎหมายต้องอยู่
ส่วนกรณีเอกสารสั่งไม่ฟ้องเด็ดขาดมีชื่อดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ ปรากฎเป็นผู้ต้องหาที่ 2 ทั้งที่ไม่เคยปรากฏข้อมูลนี้ต่อสังคมมาก่อนตั้งแต่เกิดคดีเมื่อ 7 ปีที่แล้ว รองโฆษก ตร. ชี้แจงว่า โดยปกติเหตุรถยนต์เฉี่ยวชนกันจะตั้งข้อหาคู่ทั้งสองฝ่ายฐานประมาทร่วม แต่เมื่อดาบตำรวจวิเชียร เสียชีวิต คดีฝั่งดาบวิเชียรก็ยุติ ไปโดยปริยายการปรากฎชื่อในเอกสารครั้งนี้ เป็นขั้นตอนดำเนินการตามขั้นตอนการออกเอกสารเท่านั้น
สำหรับคดีนี้นายวรยุทธ ถูกระบุว่าอยู่ในรถเฟอร์รารีคันที่พุ่งชน ด.ต.วิเชียร ที่ปฏิบัติหน้าที่บนรถจักรยานยนต์บริเวณถนนสุขุมวิทจนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 ก.ย.2555 โดยก่อนหน้านั้นถูกแจ้งข้อหาทั้งหมด 5 ข้อหา 1.ข้อหาเมาแล้วขับ ที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง 2.ขับรถเร็วเกิน หมดอายุความไปแล้วเมื่อวันที่ 3 ก.ย.2556 3.ขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินเสียหาย หมดอายุความไปแล้วเมื่อวันที่ 3 ก.ย.2556 4.ชนแล้วหนี หมดอายุความไปแล้วเมื่อวันที่ 3 ก.ย.2560 และ 5.ข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งมีกำหนดจะหมดอายุความในวันที่ 3 ก.ย.2570 หรืออีกประมาณ 7 ปี แต่สุดท้ายอัยการกลับไม่ฟ้องในข้อหานี้เช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี