ร้อง‘สนามบินเบตง’ 

ก่อสร้างกำแพงสูง 

ปิดทางเข้าสวนยาง
 

ชาวบ้านร้อง สนามบินเบตงสร้างกำแพงสูง ปิดทางเข้า-ออกสวนยางพาราและสวนผลไม้ ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนไม่สามารถเข้าไปประกอบอาชีพได้ตามปกติ ด้านผู้อำนวยการสนามบินเร่งประสานรอยร้าว ขอชาวบ้าน อดใจรอการตรวจสอบ

เมื่อเช้าวันที่ 25 กรกฎาคม ที่บริเวณด้านหน้าทางเข้าสนามบินเบตง ต.ยะรม อ.เบตง จ.ยะลาชาวบ้านหมู่ที่ 6 ต.ยะรม อ.เบตง จ.ยะลา จำนวน 9 หลังคาเรือน รวมตัวกันร้องเรียนผู้สื่อข่าว กรณีสนามบินเบตง ได้สร้างกำแพงสูงกว่า 2เมตร ปิดกั้นเส้นทางที่เคยใช้สัญจรในการเข้าสวนยางพารา และสวนผลไม้ น้ำไฟถูกตัดขาด และมีน้ำท่วมขังในสวนยางพารา และสวนผลไม้ทำให้ได้รับความเดือดร้อน ไม่สามารถนำผลผลิตออกสู่ตลาดได้ ซึ่ง กลุ่มชาวบ้าน ที่ได้รับความเดือดร้อน ได้พากันเข้าขอความเป็นธรรม จาก นางดวงพร สุวรรณมณี ผอ.ท่าอากาศยานนราธิวาส ปฏิบัติงานในฐานะผอ.ท่าอากาศยานเบตง ขณะที่องค์การบริหารส่วนตำบลยะรม ล่าสุดได้ยื่นหนังสือ ไปที่กรมการบิน รวมทั้งศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเบตง ได้ทำหนังสือให้อธิบดีกรมท่าอากาศยานเบตงให้ทราบแล้ว แต่เรื่อง ก็ยังเงียบ

นางจิราพร แซ่ฉิ่ง อายุ 37 ปี เปิดเผยว่า มีสวนยางพาราติดกับที่ดินด้านหน้าของสนามบินปกติ ต้องใช้ทางสาธารณะที่อยู่ข้างสนามบิน และทางเข้าออก ผ่านที่ดินของสนามบินที่เวนคืน แต่เมื่อมีการก่อสร้างกำแพงสูงขึ้นมา ปิดเส้นทางทั้งหมด ทำให้ไม่มีทางเข้าออก ต้องอาศัยทางของเพื่อนบ้าน ซึ่งยากลำบาก เพราะต้องสัญจรและขนส่งผลไม้จากสวน ออกมา

นายอากาว แซ่เล่า อายุ 65 ปี กล่าวว่า สวนยางพารา อยู่ติดที่ดินสนามบิน แต่ทางสนามบินได้สร้างกำแพงสูงมากั้นระหว่างที่ดินของตนเองกับทางสาธารณะ เมื่อกำแพงใหม่ปิดเส้นทางน้ำ ทำให้เดือดร้อน เนื่องจากเกิดน้ำท่วมบ้านเมื่อฝนตกหนัก อีกทั้ง ในอนาคตรุ่นลูกรุ่นหลานมาครอบครองสวนยางพารา แล้วไม่มีทางผ่าน ก็จะเกิดปัญหาอีก จึงอยากให้ทางกรมการบินแก้ไขปัญหาให้มีทางเข้าออก

ด้าน นางดวงพร สุวรรณมณี ผอ.ท่าอากาศยานนราธิวาส ปฏิบัติงานในฐานะผอ.ท่าอากาศยานเบตงเมื่อทราบข่าวความเดือดร้อน ได้เดินทางมาเจรจากับกลุ่มชาวบ้านทันที และได้อธิบายถึงขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ว่า หลังจากที่ชาวบ้านได้ทำเรื่องร้องเรียนไปแล้ว ทุกฝ่ายก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ดำเนินการให้ตามขั้นตอน และทางการท่าอากาศยานเบตงก็ได้ชดเชยค่าเสียหายไปแล้ว กรณีน้ำท่วมขัง และได้ที่มีการวางท่อจากบ่อไปถึงตัวลาน ซึ่งกำลังแก้ไขไปแล้ว แต่ระบบน้ำยังไม่สมบูรณ์ ต้องขุดดิน แล้ววางท่อ พื้นที่อยู่ร่องเขา ทางสนามบินมาถม ต้องมีแนวรันเวย์ พอสร้างเสร็จ ก็ไม่มีน้ำท่วมขัง ขณะนี้การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า โดยแยกอีกส่วนหนึ่ง ทางเข้า-ออกเราได้ให้เข้า- ออก ได้ เราเว้นให้ เราไม่ได้ปิดกั้น สนามบินมีความปลอดภัย มีกฎหมายการบิน และได้เว้นทางเข้า – ออก พื้นที่ 40-50 ซม. ห่างกับรอบรั้วสนามบิน สามารถขี่มอเตอร์ไซค์ได้ กรมฯมีนโยบาย เว้น ถ้ามากกว่านี้ ทางกรมฯไม่ยินยอม เพราะเกี่ยวกับกฎหมายการบิน ทั้งนี้เรื่องเดือดร้อนของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างกำแพงปิดกั้นเส้นทางเข้า – ออกสวนยางพาราและสวนผลไม้นั้นในการร้องเรียนในวันนี้จะนำเรื่องเปิดเส้นทางเข้า – ออก เพื่อให้ผู้มีอำนาจพิจารณาในการแห้ไขปัญหาความเดือดร้อนของกลุ่มชาวบ้านต่อไปโดยได้นัดหมายกันอีกครั้งในวันที่ 1 กันยายน

วันเดียวกันนายสมเกียรติ มณีสถิตย์ รองอธิบดีกรมท่าอากาศยาน(ด้านโครงสร้างพื้นฐาน) ประธานตรวจรับงาน และคณะกรรมการตรวจรับงานโครงการก่อสร้าง อาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่ 3 พร้อมปรับปรุงอาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่ 1,2 พร้อมอาคารจอดรถยนต์และโครงการก่อสร้างลานจอดเครื่องบินพร้อมระบบไฟฟ้าสนามบิน ประชุมตรวจรับงานและลงพื้นที่ติดตามงานโครงการฯ โดยมี นายอรรถพร เนื่องอุดม ผู้อำนวยการท่าอากาศยานกระบี่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานกระบี่ และตัวแทนจากบริษัทคริสเตียนีและนีลเส็น(ไทย)จำกัด (มหาชน), กิจการร่วมค้า ที.พี.พี.ซี, บริษัทเซ้าท์อี๊สเอเชียเทคโนโลยี จำกัด (SEATEC), บริษัทวี เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต็นท์ จำกัด และบริษัทกรุงเทพ เอ็นจิเนียริ่ง คอลซัลแต็นท์ จำกัด ร่วมประชุมและลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้า

ซึ่งขณะนี้ภาพรวมการก่อสร้างโครงการฯ ได้แก่โครงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่ 3 พร้อมปรับปรุงอาคารที่พักหลังที่ 1,2 และอาคารจอดรถยนต์ มีความก้าวหน้าแล้วเสร็จสะสม 24.76 % และโครงการก่อสร้างลานจอดเครื่องบินพร้อมระบบไฟฟ้าสนามบิน มีความก้าวหน้างานแล้วเสร็จสะสม 85.249 % พร้อมทั้งกำชับให้ผู้รับเหมา เร่งดำเนินงานให้แล้วเสร็จตามแผนงาน เมื่อการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่ 3 และปรับปรุงอาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่1,2 แล้วเสร็จ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารให้กับท่าอากาศยานกระบี่ จากเดิมรองรับผู้โดยสารได้ 1,500 คน ต่อชั่วโมง เป็น 3,000 คน ต่อชั่วโมง หรือจาก 4 ล้านคนต่อปี เป็น 8 ล้านคนต่อปี ขณะที่อาคารจอดรถยนต์หลังใหม่และปรับปรุงอาคารจอดรถยนต์หลังเดิม จะสามารถรองรับรถยนต์ได้สูงสุด 2,000 คัน และรองรับเครื่องบินขนาดโบอิ้ง 737 ได้ 40 ลำในเวลาเดียวกัน

พร้อมกันนี้ ได้ลงตรวจความพร้อมในการให้บริการผู้โดยสารในช่วงวันหยุดยาว ตามนโยบายของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยกำชับให้ตรวจสอบอุปกรณ์การอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้พร้อมใช้งาน การสร้างหลังคาทางเดิน (coverway) และปูผิวถนนหน้าอาคารที่พักผู้โดยสารภายในประเทศให้แล้วเสร็จ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสาร และมอบหมายให้ผู้อำนวยการท่าอากาศยานกระบี่จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกและดูแลผู้โดยสารในแต่ละจุดอย่างทั่วถึง

ทั้งนี้ กรมท่าอากาศยานต้องขออภัยในความไม่สะดวก ของผู้ใช้บริการท่าอากาศยานกระบี่ เนื่องจากอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง และยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากผู้ใช้บริการท่าอากาศยาน เพื่อนำมาปรับปรุงท่าอากาศยานเพื่อให้การบริการที่ดีที่สุด