‘สืบเมืองน่าน’รวบหนุ่ม27 ลักทรัพย์หญิงชราวัย72 หนีไม่รอดวงจรปิดมัด
26 กรกฎาคม 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองน่าน ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ ศิริเดชอนันต์ ผกก.สภ.เมืองน่าน , พ.ต.ท.จักรพงษ์ วงค์ไชย รอง ผกก.สส.สภ.เมืองน่าน , พ.ต.ท.เดี่ยว ศรีวิชัย สว.สส.สภ.เมืองน่าน , ร.ต.อ.สมาน ไข่คำ รอง สวป.สภ.เมืองน่าน , ร.ต.อ.ณรงค์ศักดิ์ ทะนิต๊ะ รอง สว.สส.สภ.เมืองน่าน , ร.ต.อ.วินัย ขัดเงางาม รอง สว.(สส) สภ.เมืองน่าน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจำนวนหนึ่งได้ร่วมกันจับกุมตัวนายธัญญากาญจน์ ภิรมย์ภัทรกุล อายุ 27 ปี ภูมิลำเนาอยู่ถนนชลประทาน ตำบลป่าตัน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยของกลาง 1.บัตรประจำตัวประชาชนของนางอรวรรณ พันธ์พิพัฒน์ 1 ใบ 2.บัตรประจำตัว ผู้อุทิศร่างกายเพื่อการศึกษาและวิจัยให้แก่คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ของนางอรวรรณ พันธ์พิพัฒน์ 1 ใบ ที่ตรวจค้นพบได้ที่บ้านพักของนายธัญญากาญจน์ 3.รถจักรยานยนต์ (จยย.) 1 คัน 4.กางเกงขาสั้นลายพรางทหาร 1 ตัว 5.หมวกกันน๊อคเต็มใบสีดำ 1 ใบ ที่สวมใส่และใช้ในวันที่ก่อเหตุ
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2563 นางอรวรรณ พันธ์พิพัฒน์ อายุ 72 ปี อยู่ ซ.2(ถนนผากอง) ตำบลในเวียง อำเมือง จังหวัดน่าน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.นที สุทธน้อย พนักงานสอบสวน สภ.เมืองน่าน แจ้งว่า ตนเองเปิดร้านค้าขายจำหน่ายของชำที่บ้าน และที่บริเวณหน้าบ้านได้วางโต๊ะ เพื่อจำหน่ายสินค้า พร้อมกับวางกระเป๋าสตางค์สีแดง ภายในกระเป๋ามีทรัพย์สิน 1.เงินสด 2,000 บาท 2.บัตรประจำตัวประชาชน 3.บัตรเอทีเอ็ม กระทั่งช่วงเวลาประมาณ 18.00 น.-19.00 น.ของวันที่ 24 กรกฎาคม 2563 ได้ถูกขโมยไป จึงได้มาแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามทรัพย์สิน และจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในร้าน พบว่า ผู้ที่กระทำผิดดังกล่าว คือ นายธัญญากาญจน์ ซึ่งในกล้องวงจรปิดเห็นนายธัญญากาญจน์ นั่งอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ และหยิบกระเป๋าสตางค์สีแดงใส่ไว้ด้านในเสื้อคลุม เมื่อผู้เสียหายเผลอแล้วขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป และผู้เสียหายยืนยันได้ว่านายธัญญากาญจน์ คือ ผู้ที่ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดตามทราบว่านายธัญญากาญจน์ หลบพักอาศัยอยู่บ้านเอื้ออาทร เมื่อไปถึงหน้าบ้านพบนายธัญญากาญจน์ ท่าทางมีพิรุธและมีลักษณะท่าทางคล้ายผู้ที่ก่อเหตุลักทรัพย์ จึงเข้าควบคุมตัวไปสอบสวน
จากการสอบสวนนายธัญญากาญจน์ รับสารภาพว่า ก่อเหตุลักทรัพย์จริง โดยภายหลังจากลักทรัพย์ได้แล้ว ได้นำเงินสดไปใช้จ่าย นำบัตรเอทีเอ็มไปทิ้ง เหลือบัตรประจำตัวของผู้เสียหายจึงได้นำมาเก็บไว้ที่บ้านพัก เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหา “ลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดใด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือ รับของโจร” พร้อมควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี