วันอังคาร ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
'หมอธีระ'แนะ5ข้อรับมือ 'โควิด'ระบาดซ้ำแน่ อาจเริ่มเห็นตั้งแต่กันยายนนี้

'หมอธีระ'แนะ5ข้อรับมือ 'โควิด'ระบาดซ้ำแน่ อาจเริ่มเห็นตั้งแต่กันยายนนี้

วันอาทิตย์ ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2563, 20.44 น.
Tag : รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ ไวรัสโคโรนา หมอธีระ โควิด-19
  •  

เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2563 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว "Thira Woratanara" ระบุว่า ปุจฉา-วิสัชนา...ส่งถึงคน/กลุ่มคน/หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

โดย รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


ตัดเนื้อความมาจากเวทีเสวนาหนึ่งเร็วๆ นี้

1. ปุจฉาจากคุณ:
แม้จะปิดประเทศทางอากาศได้ ก็ยังมีความเสี่ยง จากชายแดนทางบก โดยเฉพาะสหภาพเมียนมาร์ ที่ติดกับบังคลาเทศ และอินเดีย และทางน้ำจากชาวประมงที่ไปจับปลาในน่านน้ำ มหาสมุทรอินเดีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์...

ดังนั้นเลยเสนอให้เปิดประเทศ?

วิสัชนาจากผม:
ตรรกะวิบัตินะครับ...การอ้างว่าปิดทางหนึ่งได้ แต่อีกสองทางอาจหลุดรอดเข้ามาได้ ดังนั้นเลยเปิดมันให้หมดแบบนี้

เหตุใดจึงไม่หาทางจัดการให้รัดกุม เพื่อลดโอกาสหลุดรอดเข้าเมืองทางบกและทางน้ำ

2. ปุจฉาจากคุณ:
สถานการณ์ที่น่าจะดีที่สุด เมื่อเกิดการระบาดระลอกใหม่คือ แบบประเทศสาธารณรัฐเกาหลีใต้ ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาคือ มีผู้ติดเชื้อใหม่ในประเทศทุกวัน แต่ไม่เกินความสามารถของระบบสุขภาพของประเทศที่จะรองรับได้

วิสัชนาจากผม:
ตรรกะวิบัติไปใหญ่แล้วนะ...การที่ประเทศเราคุมได้ดี แต่ตั้งใจจะเปิดเมืองและเล็งอยากไปเป็นแบบประเทศที่มีติดเชื้อหลายสิบจนวันนี้ขยับไป 113 ต่อวัน

ผ่านการกลั่นกรองด้วยสติ ปัญญา คุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรมหรือไม่?

สิ่งที่ควรทำคือ ตั้งเป้าที่จะลดโอกาสการติดเชื้อของคนไทยให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เปิดในสิ่งที่จำเป็นต้องเปิด และประคับประคองชีวิตให้อยู่รอดปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บ ช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ

3. ปุจฉาจากคุณ:
หากเกิดการระบาดระลอกใหม่ ระบบบริการสุขภาพ จะสามารถรองรับได้หากมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ไม่เกิน 250 หรือสูงสุดไม่เกิน 500 คนต่อวัน

เรามีเตียงรับผู้ป่วยโควิดอาการหนักพร้อมแพทย์พยาบาลที่ได้ฝึกมาอย่างดี และมีประสบการณ์จากการระบาดรอบแรกแล้ว พร้อมเวชภัณฑ์ อุปกรณ์และเครื่องใช้ในการรักษาและป้องกันตนเองครบ ราว 500 เตียง และหากจำเป็นอาจเพิ่มได้ถึง 1,000 เตียง ถ้าคิดว่าผู้ติดเชื้อ 100 คนจะมีอาการหนัก 5 คน และแต่ละคนนอน 40 วัน เราจะสามารถรองรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้ วันละ 250-500 คน ดังนั้นหากการระบาดระลอกใหม่ ทำให้มีผู้ติดเชื้อวันละไม่เกิน 500 คน ระบบบริการสุขภาพของเรารองรับได้

ในการระบาดรอบที่แล้ว มีผู้ติดเชื้อรายใหม่วันละราว 100 คน แปลว่าเราสามารถรองรับการระบาดระลอกใหม่ที่รุนแรงกว่าเดิมถึง 2.5-5 เท่าได้ และนอกจากนี้เรายังมีทักษะในการดูแลรักษาดีขึ้น

...แปลว่ากำลังจะบอกว่ายอมให้ติดเชื้อกันได้เป็นร้อยๆ คนต่อวัน?

วิสัชนาจากผม:
โคตรโหดเลยนะครับ...แนวคิดแบบนี้ ที่ตั้งบนฐานการคำนวณตัวเลขแล้วมาย้อนกลับมาเพื่อเป็นตรรกะผลักดันให้เปิดประตูอ้าซ่า

ถามคนทำงานในระบบสุขภาพไหมว่า อยากจะเสี่ยงมาสู้กับโรคไหม? อยากจะทำงานหามรุ่งหามค่ำแล้วไม่กล้ากลับบ้านเพราะกลัวนำพาเชื้อไปติดสมาชิกในครอบครัวไหม?

ไล่ไปไล่มา...อาจเป็นแนวคิดจากกลุ่มคนที่อยู่บนหิ้ง ไม่ได้ลงไปคลุกกับหน้างาน มีอุปกรณ์พร้อมสรรพต่างจากคนหน้างาน รวมถึงไม่เคยติดเชื้อ

แถมบอกความจริงไม่หมดนี่ครับ อุปกรณ์ที่บอกว่าครบน่ะ...พอใช้กี่วันครับ? ครบกับเพียงพอสำหรับการต่อสู้ระยะยาวน่ะไม่เหมือนกันนะครับ

แนวคิดแบบนี้...ไม่ขอรู้จักกันครับ

4. ปุจฉาจากคุณ:
จะมีวัคซีน ที่ได้ผลในการป้องกันและ รักษาโควิดเมื่อไรไม่มีใครบอกได้ คาดว่าอย่างเร็วก็ปลายปีนี้ หรือภายในกลางปีหน้าอาจมีวัคซีน หรืออาจไม่มีในระยะเวลาอันไกล้ก็ได้

ขณะนี้วัคซีนยังอยู่ระหว่างการวิจัย ในระยะต่างๆกัน ไม่มีใครทราบว่าเมื่อไรจะมีวัคซีนที่ได้ผลอย่างน้อย 50% ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ยอมรับได้ ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าอาจจะเริ่มมีวัคซีนบางตัวออกมาภายในปีนี้ และมีหลายตัวจะออกมาในปีหน้า แต่ไม่มีใครกล้าฟันธงว่าจะมีเมื่อไร

ที่สำคัญก็คือ เมื่อมีวัคซีนที่ได้ผลแล้ว ประเทศไทยจะได้รับและคนไทยจะได้ใช้เมื่อไร องค์กรระดับโลกร่วมกันตั้งเป้าหมายว่า ภายในปีหน้า จะจัดหาวัคซีนให้กับประเทศกำลังพัฒนาได้ 20% ของประชากร คือราว 2,000 ล้านโดส ประเทศไทยจะต้องตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมโครงการระดับโลกนี้ โดยจ่ายเงินค่าวัคซีนล่วงหน้าหรือไม่ ซึ่งก็มีความเสี่ยงว่า ถ้าวัคซีนที่เลือกไว้ 7 ชนิด เกิดไม่สำเร็จเลยแม้แต่ตัวเดียว ก็เสียเงินเปล่า และต้องมีการจัดลำดับความสำคัญไว้ล่วงหน้าว่าถ้ามีวัคซีนที่ได้ผล ประชาชนกลุ่มไหนจะได้ก่อน

สำหรับเรื่องยา ในขณะนี้ยังไม่มียาตัวใดที่มีการพิสูจน์ว่า ได้ผลในการรักษาโควิด อย่างชะงัด มีเพียงการศึกษาที่ใช้ยาสเตียรอยด์ช่วยลดอัตราตายในผู้ป่วยหนักได้ ราวกว่า 10% และยา เรมเดสซิเวียร์ ที่มีราคาเกือบแสน ในสหรัฐอเมริกา ก็เพียงช่วยให้กลับบ้านเร็วขึ้นสี่วัน แต่ไม่ลดอัตราการตาย

วิสัชนาจากผม:
สรุปง่ายๆ คือ ยังไม่มียามาตรฐาน ยาที่มีใช้อย่าง Remdesivir ของอเมริกานั้นแพงมาก ยากที่จะให้แก่ผู้ป่วยได้อย่างทั่วถึง
ส่วนวัคซีนนั้นยังเป็นความฝัน และถึงมี ก็จะต้องเสี่ยงลงขันไป หากได้ก็ได้แค่ 20% ของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งไม่เพียงพอต่อการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่เพื่อยับยั้งการระบาดแน่ๆ ได้วัคซีนมาก็จะมีโอกาสได้แบบฝนตกไม่ทั่วฟ้า คนกลุ่มเสี่ยงอาจได้ก่อน แต่หากถือว่าบุคลากรทางการแพทย์เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อและจะได้ก่อนนั้น เคยถามพวกเราไหมว่า เรากล้าและเต็มใจที่จะรับวัคซีนหรือเปล่า?
แต่จากประสบการณ์ เดาว่า พอได้วัคซีนมา พวกที่จะแย่งกันไปก่อน จะเป็นเหล่านักบริหารที่กลัวติดเชื้อครับ

5. ปุจฉาจากคุณ:
คุณเสนอข้อเสนอสามข้อ อันได้แก่
ข้อเสนอที่ 1 เปิดเมืองให้กว้างขึ้นและเปิดประเทศให้เศรษฐกิจเดินได้ คนมีงานทำ โดยหลักการสามข้อ

1.1) ไม่ตั้งเป้าผู้ติดเชื้อใหม่เป็นศูนย์ ยอมให้มีได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งจะต้องตกลงกันว่าจะเป็นเท่าไร 100, 200 หรืออาจถึง 500 ต่อวัน

1.2) ดำเนินการเปิดเป็นขั้นตอนด้วยความระมัดระวัง และเข้มงวดในเงื่อนไขต่างๆ โดยไม่ให้มีข้อยกเว้น ทั้งนี้ภายใต้กลไกที่มีส่วนร่วมอย่างจริงจังทั้งภาครัฐ เอกชน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สังคมและชุมชน การเปิดประเทศก็เลือกมาตรการตามสถานการณ์การระบาดของประเทศนั้นๆ เช่นเดียวกับตอนเริ่มปิดประเทศ คือใช้ระบบ “แง้มประตู”

1.3) หากมีการระบาดเกิดขึ้นในวงแคบ ก็จัดการด้วยการควบคุมโรค หรือหากจำเป็นต้องล็อกดาวน์ก็ทำจำกัดเฉพาะพื้นที่ มาตรการต่างๆที่จะใช้ให้เลือกใช้ ตามพื้นที่และจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ ที่พบในแต่ละวัน และต้องมีประสิทธิภาพ ทันเวลา

ข้อเสนอที่ 2 ไม่ต้องรอวัคซีนและยา แต่เร่งสร้างความเข้มแข็งของ “วัคซีนสังคม” อย่างต่อเนื่อง เรามีวัคซีนสังคม ที่ได้ผลชะงัด และมีต้นทุนต่ำ และประชาชนทำเองได้ ไม่ต้องใช้บุคลากรสาธารณสุข ได้แก่

รณรงค์ให้ประชาชนและสถานที่ทำงานทั้งภาครัฐและเอกชน พัฒนาเข้าระบบการใช้ชีวิต และการทำงานแบบใหม่ อย่างต่อเนื่อง ให้เป็น นิวนอร์มอล ที่สามารถทำงานที่บ้านได้อย่างน้อยเป็นบางวัน ตลอดไป ไม่เลิกเมื่อสถานการณ์กลับสู่ปกติ ประชาชนต้อง “ตระหนักแต่ไม่ตระหนก” ระบบบริการสุขภาพก็ดำเนินการบริการสุขภาพและบริการส่งมอบยาผ่านร้านขายยาและทางไปรษณีย์ แม้กระทั่งการเจาะเลือดตรวจ ที่บ้านหรือไกล้บ้าน ไม่แออัดและลดเวลาการรอคอย

กระตุ้นให้ประชาชนและชุมชน รักษาระดับการป้องกันการระบาด โดยเฉพาะการเดินทาง การรักษาระยะห่างทางสังคม การล้างมือบ่อยๆ และการใส่หน้ากาก รวมทั้งการใช้แอป “ไทยชนะ”อย่างถ้วนหน้า

ประชาชนทุกคนร่วมกันในการเป็นนักเฝ้าระวังและสอบสวนโรค สามารถเอกซ์เรย์ทุกตารางนิ้วของประเทศได้ เพื่อหาผู้ติดเชื้อและผู้สัมผัส เราก็จะมี “ตำรวจโควิด” หลายสิบล้านคนทั่วประเทศ

ข้อเสนอที่ 3 พัฒนาระบบการเยียวยาทางเศรษฐกิจ ทั้งในภาคการเงินและภาคการผลิต

วิสัชนาจากผม:
อย่างข้อ 1.2 และ 1.3 นั้นโอเคนะครับ แต่ข้ออื่นเป็นนามธรรมมาก

นอกจากนี้ ความคิดที่ตั้งต้นจะกำหนดจำนวนผู้ติดเชื้อที่ยอมให้ติดเชื้อในประเทศ จะเป็น 100-500 ต่อวันนั้น...ถามจริงเหอะ ใจคอทำด้วยอะไรวะ?

หากคุณติดเอง หรือครอบครัวคุณติด อย่าขอสิทธิ VIP นะครับ

ไม่ชอบครับกับเรื่อง double or triple or quadruple standard...

ส่วนตัวแล้ว ผมเชื่อมั่นในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง อดทน อดกลั้น อดออม พอเพียง ยืนบนลำแข้งตนเอง ลดการพึ่งพา

หากประชาชนได้อ่านทำความเข้าใจสถานการณ์ข้างต้นทั้งหมดนั้นแล้ว ผมคิดว่าถึงเวลาที่พวกเราทุกคนต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์ในอนาคตอันใกล้นะครับ

สิ่งที่ส่วนตัวพอจะทำได้ก็พยายามเต็มที่แล้ว ถ้าสถานการณ์เป็นไปตามที่เค้าจะผลักดันจริง เราคงทำได้ดีที่สุดเพียงคำแนะนำที่ผมมีต่อท่านดังต่อไปนี้

1. เริ่มเตรียมอุปกรณ์ป้องกันให้เพียงพอนะครับ ทั้งหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า เจลแอลกอฮอล์หรือสเปรย์แอลกอฮอล์ จัดห้องหับที่บ้านให้เหมาะสมและเผื่อฉุกเฉินที่ต้องแยกตัวกักตัวของสมาชิกในบ้าน เพราะเค้าแพลมออกมาว่า คาดว่าจะเห็นการระบาดซ้ำแน่ อาจเริ่มเห็นตั้งแต่กันยายนนี้

2. วางแผนการทำงานของเรา และการเรียนของเด็กๆ ให้ดี คิดเผื่อไว้ด้วยว่าหากมีปัญหา จะทำงานจากบ้านอย่างไร ตามการเรียนอย่างไร

3. คนที่เป็นหัวหน้างาน ขอให้แบ่งทีมงานอย่างน้อยสองทีม เผื่อสลับกันทำงานได้ หากจัดระบบงานเป็นแบบทำงานที่บ้านบางเวลาหรือบางวันได้ก็น่าจะดำเนินการให้เป็นกิจวัตรตั้งแต่ตอนนี้ไปเลยก็ดี จะได้ลดความแออัดในสถานที่ทำงาน จัดระบบการประเมินผลงานของบุคลากรเป็นแบบ outcome based evaluation ยุคนี้คงต้องลดความเฮี้ยบเรื่องการเช็คชื่อหรือบังคับให้คนมาปรากฏตัวในที่ทำงาน

4. ฝึกตนเองและสมาชิกในครอบครัวให้มีนิสัยติดตัวคือ ใส่หน้ากากเสมอ ล้างมือบ่อยๆ อยู่ห่างจากคนอื่นหนึ่งเมตรเสมอ พูดน้อยๆ พบปะคนน้อยลงสั้นลง เลี่ยงที่แออัดที่ชุมนุมที่อโคจร และคอยสังเกตอาการตนเองและครอบครัว หากไม่สบายให้รีบไปตรวจรักษาโดยเร็ว

5. ใช้จ่ายอย่างประหยัด อดทน อดกลั้น อดออม และพอเพียงนะครับ

ด้วยรักต่อทุกคน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ยังน่าห่วง! โควิด-19 พุ่งต่อเนื่อง ยอดผู้ติดเชื้อ-เสียชีวิต ทำลายสถิติรายสัปดาห์ของปีนี้อีก ยังน่าห่วง! โควิด-19 พุ่งต่อเนื่อง ยอดผู้ติดเชื้อ-เสียชีวิต ทำลายสถิติรายสัปดาห์ของปีนี้อีก
  • \'หมอธีระ\'เผยสถิติสัปดาห์ที่ผ่านมา โควิดสูงกว่าไข้หวัดใหญ่เกือบ 7 เท่า ยอดพุ่งกว่า 4 หมื่นราย 'หมอธีระ'เผยสถิติสัปดาห์ที่ผ่านมา โควิดสูงกว่าไข้หวัดใหญ่เกือบ 7 เท่า ยอดพุ่งกว่า 4 หมื่นราย
  • อัปเดต‘โควิด’ ตัวเลขติดเชื้อยังพุ่ง/วัย‘มหาลัย-ทำงาน’นำโด่ง อัปเดต‘โควิด’ ตัวเลขติดเชื้อยังพุ่ง/วัย‘มหาลัย-ทำงาน’นำโด่ง
  • \'หมอธีระ\'เผยแค่อาทิตย์เดียว ป่วยโควิดเข้า รพ.กว่า 8,446 ราย 'หมอธีระ'เผยแค่อาทิตย์เดียว ป่วยโควิดเข้า รพ.กว่า 8,446 ราย
  • ปลัด สธ.ชี้แจงไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ HKU5 ยังไม่มีการติดเชื้อสู่คน ปลัด สธ.ชี้แจงไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ HKU5 ยังไม่มีการติดเชื้อสู่คน
  •  

Breaking News

รวบเขมรลอบเข้าเมือง! ซิมเถื่อน200เบอร์-เงินแสนในมือ คาดโยงแก๊งอาชญากรข้ามชาติ!

เปิดละเอียดยิบ 12 ข้อกังขาเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ‘กมธ.กาสิโนสว.’ส่งหนังสือถาม‘นายกฯ’

จยย.เฉี่ยวรถยนต์ ร่างลอยกระแทกขอบปูนหมดสติ ยื้อไม่ไหวเสียชีวิต

โค้งสุดท้ายหนุ่มอุ้มไหแห่นาค ไหว้ท้าวเวสสุวรรณขอเลขก่อนเข้าโบสถ์บวชพระ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved