เปิดปฏิบัติการ‘ศรีอโยธยา’ ทลายบ่อนใหญ่บางปะอิน รวบ 122 นักพนัน เงินสะพัดนับล้าน
เมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 29 กรกฎาคม 2563 ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นำโดย นายสิรภพ นิยมเดช หัวหน้ากลุ่มงานบูรณาการภารกิจพิเศษ ,นายเจตน์พงศ์ โชคสวัสดิ์วรกุล หัวหน้ากลุ่มปฏิบัติการพิเศษสืบสวนสอบสวน ศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง และนายวัชระ กระเเสร์ฉัตรร์ นายอำเภอบางปะอิน พร้อมสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน จากกองร้อยบังคับการและบริการ ที่ 1 และกองร้อยปฏิบัติการพิเศษ ที่ 3 กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน จำนวน กว่า 60 นาย นำกำลังบุกเข้าทลายบ่อนพนัน ในชุมชนสินทิวาธานี ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
สืบเนื่องจากศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีบ่อนการพนันขนาดใหญ่เปิดให้นักพนันทั้งชายหญิง เข้ามาเสี่ยงโชคมาเป็นเวลานานแล้ว ทำให้ครอบครัวแตกแยก บางรายภรรยาติดพนันจนไม่สนใจครอบครัว หาเงินได้เท่าไรก็นำไปเล่นที่บ่อนจนหมด มีหนี้สินมากมาย และเจ้าของบ่อนอ้างว่าเคลียร์กับชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองแล้ว เล่นพนันได้สบายใจไม่ต้องกลัวโดนจับ จึงขอให้พนักงานฝ่ายปกครองช่วยตรวจสอบและจับกุมปราบปรามตามอำนาจหน้าที่ จนนำมาสู่การเปิดปฏิบัติการ “ศรีอโยธยา” ในครั้งนี้
ต่อมากรมการปกครองได้ส่งพนักงานฝ่ายปกครองแฝงตัวเป็นสายลับเข้าไปทำการสืบสวน ตามพิกัดในหนังสือร้องเรียน พบว่า บ่อนการพนันตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านสินทิวาธานี ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นอาคารชั้นเดียว มีลักษณะปิดทึบทุกด้านคล้ายโกดังเก็บของ สร้างบนพื้นที่ประมาณ 350 ตารางเมตร มีรถยนต์และรถจักยานยนต์จำนวนมากจอดรอบบริเวณบ่อน ทางเข้าบ่อนเป็นประตูบานเลื่อนอัตโนมัติ มีคนเฝ้าประตูทางเข้าบ่อนตลอดเวลา
เมื่อสายลับฝ่ายปกครองเข้าไปภายใน พบว่าเป็นห้องโถงกว้าง ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ แบ่งพื้นที่จัดให้มีการเล่นการพนันเป็นสัดส่วน มีทั้งพนันไฮโล จำนวน 1 โต๊ะ พนันไพ่เสือมังกร จำนวน 3 โต๊ะ สล็อตแมชชีน 4 ตู้ โดยมีพนักงานในบ่อนคอยให้บริการรับแลกชิปแทนเงินสด มีโต๊ะอาหารและเครื่องดื่มให้บริการภายในบ่อน โดยพบนักพนันกว่า 100 คน กำลังล้อมวงพนันลุ้นผลเสี่ยงทายอย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งนักพนันสามารถใช้เงินสดหรือใช้ชิปของบ่อนเข้าวางเดิมพันก็ได้
จากนั้น กรมการปกครองได้ส่งสายลับฝ่ายปกครองเข้าไปทำการสืบสวนที่บ่อนดังกล่าวอีกครั้ง ก็ยังพบว่ายังเปิดเล่นพนันตามปกติ โดยมีนักพนันในบ่อน จำนวนมากกว่า 100 คน เหมือนเช่นทุกวัน จึงส่งสัญญาณให้ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองเข้าจับกุมทันที โดยทำการปิดประตูทางออกทุกด้าน ไม่มีนักพนันคนใดสามารถหลบหนีออกไปได้
ภายในบ่อนพบนักพนัน จำนวน 122 คน โดยแบ่งเป็นชาย 49 คน และหญิง 73 คน แบ่งเป็นฝ่ายเจ้ามือ 28 คน ฝ่ายผู้เล่น 94 คน ผู้เล่นพนันส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ และบริเวณใกล้เคียง พบอุปกรณ์การเล่นทั้งไฮโล ไพ่เสือมังกร ตู้สล๊อตแมชชีน เงินสดจำนวน 939,070 บาท พบบัญชีเงินหมุนเวียนภายในบ่อนวันละ 1,200,000 - 1,300,000 บาท ขณะเข้าจับกุมพบว่ามีนายเปี่ยมศักดิ์ กิตติชีวเวช และนายอาชวิน อ่ำปรีดา เป็นผู้ดูแลบ่อนการพนัน แต่ทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ
จึงนำตัวผู้ถูกจับทั้งหมดมาทำบันทึกจับกุม ณ ที่ว่าการอำเภอบางปะอิน ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันลักลอบจัดให้มีการเล่นการพนันโดยผิดกฎหมาย และฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางปะอิน ดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ เจ้าพนักงานชุดจับกุมจะได้ประสานสำนักงาน ปปง. เพื่อดำเนินการขยายผลตามกฎหมายการฟอกเงินต่อไป
นายสิรภพ นิยมเดช เปิดเผยว่า บ่อนแห่งนี้เปิดเล่นพนันใจกลางชุมชน ผู้คนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งจากคำร้องเรียนพบว่าภรรยายได้นำเงินในครอบครัวไปเล่นพนันจนหมด เมื่อเงินหมดแล้วก็ยังไม่เลิก จะไปเล่นอีกเพื่อเอาเงินคืน โดยไม่ใส่ใจคนในครอบครัว ถือว่าบ่อนเป็นต้นเหตุของปัญหาครอบครัวแตกแยก ส่งผลให้มีปัญหาสังคมขยายลุกลามมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่มีการจับกุม เราได้เน้นย้ำเสมอ ขอให้ประกอบธุรกิจให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย โดยไม่สร้างความเดือดร้อนให้สังคมเกินควร หรือท้าทายกฎหมายอย่างชัดแจ้ง
ทั้งนี้ หากประชาชนมีเบาะแสบ่อนการพนันหรือแหล่งอบายมุขสร้างความเดือดร้อนในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่ตำรวจ หรือฝ่ายปกครองในท้องที่ ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบยังไม่มีการปฏิบัติ สามารถร้องเรียนได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย โดยที่ผ่านมามีข่าวสารว่า มีมิจฉาชีพ อ้างตัวเป็นชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง หรืออ้างเป็นนายหน้าตัวแทน ออกตระเวนตบทรัพย์เรียกรับผลประโยชน์จากบ่อนการพนัน และธุรกิจสีเทาต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจบางส่วนยอมที่จะจ่ายทรัพย์สินแก่กลุ่มมิจฉาชีพ ซึ่งชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองขอประกาศให้ทราบว่า ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองไม่มีนโยบายในการเรียกทรัพย์สินกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจผิดกฎหมายเพื่อรับเคลียร์ใดๆ ทั้งสิ้น
“โปรดอย่าหลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพที่กล่าวอ้างว่าเป็นชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง หรือเป็นตัวแทนของชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง หากผู้ประกอบการผิดกฎหมายรายใดยอมที่จะจ่ายหรือเคลียร์กับกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าว ซึ่งอ้างตัวว่าเกี่ยวข้องกับชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง และหากมีข่าวสารออกมาว่าเคลียร์กับชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองแล้ว ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองจะเข้าจับกุมสถานประกอบการนั้นทันที” นายสิรภพ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี