อายัดศพพยานคดี‘บอส’
‘บิ๊กตู่’กังขา!
สั่งตำรวจผ่าชันสูตรใหม่
ต้องโปร่งใส-ตอบสังคมได้
‘วิชา’ประชุมนัดแรก3ส.ค.
ลั่นยกเครื่องยุติธรรมไทย
ขอเวลา30วันไขปมสงสัย
ตำรวจภาค 5 บินด่วนไปเชียงราย ขออายัดศพพยานปากเอกคดี “บอส อยู่วิทยา” ตามคำสั่งนายกฯ ขณะเตรียมนำไปฌาปนกิจ นำมาผ่าพิสูจน์ที่เชียงใหม่ เพื่อคลายปมเสียชีวิตจากอุบัติเหตุหรือไม่ ด้าน“วิชา”ขอเวลา 30 วัน ให้คณะกรรมการสอบคดีทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ไขความกระจ่างต่อสังคม ยันทำงานอย่างรอบคอบ ลั่นถึงเวลาแล้วต้องเอาจริงเอาจังกับระบบกระบวนการยุติธรรมไทย
เมื่อวันที่ 2สิงหาคม น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้ความสำคัญกับคดีความที่อยู่ในความสนใจของประชาชน กรณีสำนักงานอัยการสูงสุด ไม่ส่งฟ้องทายาทนักธุรกิจชื่อดัง ขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี2555 พร้อมกันนี้ ยังได้รับทราบการเสียชีวิตของนายจารุชาติ มาดทอง อายุ 40 ปี ชาว จ.เชียงราย หนึ่งในพยานคนสำคัญ โดยนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการอายัดศพไว้ก่อน เพื่อนำกลับมาชันสูตรพลิกศพสืบหาการเสียชีวิตอย่างละเอียด รอบคอบ ไม่เป็นข้อกังขา คาใจของประชาชน แต่ยืนยันว่าไม่ใช่การแทรงแซงกระบวนการยุติธรรม
คดีดังกล่าว นายกฯคาดหวังให้คณะกรรมการตรวจสอบความจริงของหน่วยงานต่างๆ ได้ทำงานอย่างเต็มกำลัง พร้อมให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฏหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชนที่มี ศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ เป็นประธานกรรมการ ได้นำเสนอความจริงต่อนายกรัฐมนตรีและสาธารณชน ก่อนที่จะพิจารณาว่าควรดำเนินการอย่างไรต่อไป
“นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลจะอำนวยความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในคดีดังกล่าว หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง คนผิดจะต้องได้รับการลงโทษ โดยคดีนี้จะไม่เป็นที่ค้างคาใจของประชาชน นอกจากนี้ ยังต้องไปดูโครงสร้างของกระบวนการยุติธรรมด้วย ว่ามีช่องโหว่หรือไม่ ควรได้รับการปรับปรุงแก้ไขอย่างไร ทั้งนี้ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปตามเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ จนทำให้สังคมเกิดข้อกังขากับกระบวนการยุติธรรมของไทย” น.ส. ไตรศุลี กล่าว
รับศพพยานผ่าพิสูจน์ที่เชียงใหม่
ด้าน พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พิเชษฐ จิรนันตะสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ และ พ.ต.อ.รณชัย รอดลอย ผกก.สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์จากจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเดินทางไปพุดคุยกับทางครอบครัวของ นายจารุชาติ ที่บ้านวังชมภู ต.ม่วงคำ อ.พาน จ.เชียงราย เพื่อขออนุญาตนำศพมาชันสูตรที่แผนกนิติเวช รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ให้เกิดความครบถ้วนตามกระบวนการ หลังมีหลายฝ่ายต้องการให้ชันสูตรศพให้ชัดเจนว่ามีเงื่อนงำอะไรหรือไม่ และมีข้อพิรุธบางอย่างเกิดขึ้น โดยวันนี้เป็นวันที่ต้องฌาปนกิจศพ นายจารุชาติ พอดีซึ่งทางตำรวจต้องรีบเข้ามาเจรจาขอให้ระงับเอาไว้ก่อน
สำหรับรูปคดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ภาพวงจรปิดบริเวณร้านอาหารย่านพืชสวนโลก ทั้งภาพบริเวณหน้าร้านและถนนทุกสายจนมาเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงพยานบุคคลทั้งเด็กเสริฟของทางร้านและคนที่อยู่ในร้าน โดยตำรวจได้เรียกตัวมาสอบสวนไว้หมดแล้ว ทุกคนให้การตรงกันกับกล้องวงจรปิดว่า ทั้งสองเข้ามากินเหล้าที่ร้านในเวลาต่างกัน และนั่งกินคนละโต๊ะ ผู้ตายนั่งโต๊ะหน้าร้าน คนเจ็บนั่งโต๊ะในร้าน เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมง ทั้งสองก็ไม่พูดคุยกันไม่ทักทาย จนกระทั่งร้านปิดเวลา 24.00 น. นายสมชาย ผู้บาดเจ็บ ก็ถือเหล้าออกจากร้าน และมายืนอยู่หน้าร้าน และพบเห็นนายจารุชาติ นั่งดื่มสุราคนเดียว จึงได้ยืนทักทายและชวนคุยต่อหน้าเด็กเสริฟ จากนั้นด้วยความเมาทั้งสองคุยกันถูกคอและชวนกันไปกินเหล้าต่อ จึงออกไปด้วยกันก่อนจะประสบอุบัติเหตุ นายจารุชาติ เสียชีวิต
รองโฆษกย้ำต้องหาความชัดเจน
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยว่า ตามที่มีกระแสข่าวการอายัดศพ นายจารุชาติ มาดทอง พยานคดีของ นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส เพื่อนำกลับมาชันสูตรพลิกศพสืบหาการเสียชีวิตนั้น
ได้รับรายงานจาก สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ ว่า ช่วงเช้าของวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ ได้ขอความร่วมมือกับทางญาติและครอบครัวนายจารุชาติ มาดทอง ผู้เสียชีวิต จากคดีอุบัติเหตุขี่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เมื่อคืนวันที่ 30 กรกฎาคม ในการนำศพกลับมาชันสูตรพลิกศพโดยละเอียดอีกครั้งที่นิติเวชโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ซึ่งเป็นการชันสูตรพลิกศพครั้งที่ 2 เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและสามารถตอบคำถามสังคมได้ โดยพนักงานสอบสวนจะนำผลการชันสูตรพลิกศพทั้ง 2 ครั้ง เข้าประกอบสำนวนการสอบสวน
โดยก่อนหน้านี้ ภายหลังจากเกิดเหตุ พนักงานสอบสวนได้ทำการบันทึกตรวจสถานที่เกิดเหตุ ถ่ายภาพที่เกิดเหตุประกอบคดี ร่วมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตรวจที่เกิดเหตุเก็บวัตถุพยานต่างๆ ร่วมกับแพทย์ชันสูตรพลิกศพเบื้องต้น แล้วได้ส่งศพผู้เสียชีวิตไปชันสูตรที่นิติเวชโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ พร้อมให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเร่งสืบสวนขยายผลหาความเชื่อมโยงกับคู่กรณีและข้อมูลการใช้โทรศัพท์ ตลอดจนทำการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ตามขั้นตอนกฎหมาย
รอง โฆษก ตร.กล่าวต่ออีกว่า สำหรับการเสียชีวิตของนายจารุชาติ เป็นการเสียชีวิตที่ผิดธรรมชาติและสังคมยังมีความเคลือบแคลงสงสัยในประเด็นการเสียชีวิต รวมถึงความเชื่อมโยงในการเป็นพยานในคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส
ผบ.ตร.ลั่นต้องทำให้รอบคอบ
ซึ่งในเรื่องนี้คณะพนักงานสอบสวน ได้ทำสำนวนการสอบสวน แบ่งออกเป็น 2 คดี คือ 1.สำนวนคดีจราจร และ 2.สำนวนชันสูตรพลิกศพ โดยยังคงต้องรอผลการชันสูตรพลิกศพจากแพทย์นิติเวช ประกอบกับผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุจากกองพิสูจน์หลักฐาน และข้อมูลทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน ในประเด็นข้อสงสัยต่างๆ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการด้วยรวดเร็วและความรอบคอบ เพื่อเร่งคลี่คลายประเด็นข้อสงสัยในทุกประเด็น จนสิ้นกระแสความ และเกิดความชันเจนรอบด้าน ตลอดจนต้องสามารถตอบคำถามสังคมและประชาชนได้อย่างเป็นเหตุและผล โดยอาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และพยานหลักฐานที่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงทางคดีเป็นสำคัญ เพื่อเร่งสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมให้กับประชาชน
เตรียมทำพิธีฌาปนกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศล่าสุดภายในงานฌาปนกิจศพ นายจารุชาติ มาดทอง อายุ 40 ปี พยานปากเอกในคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ทายาทกระทิงแดง ที่เลขที่ 225/15 บ้านวังชมภู ม.25 ต.ม่วงคำ อ.พาน จ.เชียงราย ทางพ่อ แม่ ลูกลาว พร้อมญาติและชาวบ้าน ได้จัดเตรียมพิธีเพื่อจะประกอบพิธีฌาปนกิจศพ ณ ฌาปนสถานบ้านร่องบอน ม.12 ต ม่วงคำ ในวันนี้ พบว่ามีประชาชนและญาติมิตร เดินทางไปร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามล่าสุดได้รับแจ้งว่าทางตำรวจ จ.เชียงใหม่ ได้แจ้งขอให้เลื่อนพิธีออกไปก่อนเพราะจะนำศพไปชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง
ขณะที่นายสมานและนางตา วังมูล บิดาบุญธรรมและมารดาของนายจารุชาติ ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่และยินยอม แต่ขอให้มีการประกอบพิธีทางศาสนา โดยจะเคลื่อนศพไปยังฌาปนสถานร่องบอน เช่นเดิม เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาให้แล้วเสร็จ จากนั้นจึงจะให้เจ้าหน้าที่นำศพไปชันสูตรพลิกศพตามขั้นตอนในวันเดียวกันนี้ต่อไป
ผบก.เชียงใหม่รุดเจรจารับศพ
ต่อมาพล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เดินทางมาที่บ้านของนายจารุชาติ มาดทอง อายุ 40 ปี พยานปากเอกคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ซึ่งนายจารุชาติเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และญาติได้รับศพกลับมาเพื่อบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่บ้านเกิดในหมู่บ้านวังชมภู หมู่ 25 ต.ม่วงคำ อ.พาน จ.เชียงราย แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้ขออายัดศพ เพื่อขอชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง
พล.ต.ต.พิเชษฐ กล่าวว่า การเดินทางมาในครั้งนี้ เพื่อเป็นการขออายัดร่างของนายจารุชาติ เอาไว้เพื่อตรวจสอบหาการเสียชีวิตอย่างละเอียด เนื่องจากมีความสงสัยเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิต นอกจากนี้มีข้อสงสัยว่าทางเจ้าหน้าที่โทร.หาญาติได้อย่างไร ในส่วนนี้พบว่าหลังเกิดอุบัติเหตุเจ้าหน้าที่ได้เก็บสมบัติที่ติดตัวผู้เสียชีวิตเอาไว้ รวมถึงโทรศัพท์ จึงได้ตรวจสอบหมายเลขพบว่ารายชื่อบันทึกว่า แม่ จึงได้สุ่มโทร. พบว่า เป็นแม่ของผู้เสียชีวิต จึงได้แจ้งเหตุให้ทราบว่านายจารุชาติเสียชีวิตแล้ว
เตรียมนำผ่าพิสูจน์ศพอีกครั้ง
“ในส่วนของการแจ้งสาเหตุการเสียชีวิต ก่อนหน้านี้พบว่ามีร่องรอยการกระแทกที่ศีรษะ และมีเลือดออกในช่องท้องนั้น ทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการพิสูจน์อีกครั้ง เพื่อให้ความกระจ่างแก่ทุกฝ่ายถึงการเสียชีวิต ในส่วนของคู่กรณีที่เกิดอุบัติเหตุร่วมกัน เบื้องต้นหลังจากที่เกิดเหตุได้ทำการสอบสวน ก็อยู่ในอาการมึนเมา ยังให้การวกไปวนมา ซึ่งต้องทำการสอบปากคำอีกครั้ง และนำผลการสอบปากคำมาประกอบกับหลักฐานชิ้นอื่นๆ เพื่อคลี่คลายคดีดังกล่าวต่อไป” ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ได้ขออายัดร่าง หลังจากที่ให้ญาติได้ประกอบพิธีทางศาสนาแล้วเสร็จก่อนจึงจะนำร่างของนายจารุชาติ โดยจะนำส่งโดยได้รับความอนุเคราะห์จากรถพยาบาลโรงพยาบาลพาน นำร่างส่งให้กับทางโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่
“วิชา”เรียกประชุมนัดแรก3สค.
นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญานายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ทายาทธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง ขับรถยนต์ชนตำรวจเสียชีวิต เปิดเผยถึงการประชุมคณะกรรมการฯนัดแรกในวันพรุ่งนี้ ( 3 ส.ค.) ว่า จะเป็นการรับฟังความคิดเห็นคณะกรรมการฯ แต่ละคนก่อน เพื่อสอบถามถึงประเด็นข้อสงสัยต่าง ๆ เกี่ยวกับคำสั่งไม่ฟ้องคดีดังกล่าว รวมทั้งต้องหารือว่า จะต้องติดตามอย่างไร ซึ่งจะตรวจสอบทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย โดยจะเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูลในประเด็นต่างๆ ด้วย
ส่วนกรณีที่ นายจารุชาติ มาดทอง หนึ่งในพยานปากสำคัญ ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตนั้น นายวิชา กล่าวว่า หากพยานเสียชีวิตผิดปกติ ก็จะต้องดำเนินการเพื่อตรวจหาการเสียชีวิต ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของคณะกรรมการฯ แต่ก็จะเสนอแนะภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่มีอำนาจสั่งการการตรวจสอบและหาสาเหตุ โดยการเสียชีวิตเช่นนี้ ตนมองว่า ผิดปกติ ต้องไต่สวนชันสูตรพลิกศพ ส่วนที่ นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งอายัดศพ ของนายจารุชาติ เพื่อนำกลับมาชันสูตรพลิกศพสืบหาการเสียชีวิตนั้น นายวิชา กล่าวว่า จะนำมาพูดคุยในการประชุมของคณะกรรมการฯด้วย
‘บวรศักดิ์’ชี้เรื่องดี-ปชช.กำลังสนใจ
ขณะที่ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย ในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ที่มีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม สั่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอายัดศพ นายจารุชาติ มาดทอง หนึ่งในพยานคนสำคัญคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ขับรถชนตำรวจเมื่อปี 2555 ว่า ถือเป็นเรื่องดี ซึ่งควรจะเป็นอย่างนั้น
เมื่อถามถึงกรณีคนในสังคมบางส่วนเริ่มกังวลถึงเรื่องหน่วยงานที่จะเข้ามาชันสูตรว่าจะถูกแทรกแซงหรือไม่ นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับเรื่องการชันสูตรนั้น มีสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ที่มีหน้าที่โดยตรง เขาสามารถทำหน้าที่ได้ หรือจะเป็นตำรวจ ตนคิดว่าเขาก็มีวิชาชีพของเขา ซึ่งเมื่อนายกฯได้สั่งแล้ว ก็ต้องให้เวลาเขา ตนเชื่อว่าสังคมตามอยู่ คนที่เกี่ยวข้องจะต้องรู้สำนึกอยู่แล้ว ว่าเขาจะทำแบบไม่โปร่งใสไม่ได้ เมื่อถามว่า การที่นายกฯรับฟังข้อเสนอของคณะกรรมการฯ หรือให้การสนับสนุนเรื่องต่างๆ จะทำให้คณะกรรมการทำงานง่ายขึ้นหรือไม่ นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ใช่ ไม่อย่างนั้นจะแต่งตั้งนายวิชา หรือใครต่อใครมาทำไม ซึ่งต้องทำเร็ว ส่วนระยะเวลา 30 วันของคณะกรรมการฯนั้น ตนคิดว่าเพียงพอ ขณะที่ในส่วนเรื่องข้อเสนอแนะเรื่องการปฏิรูปนั้น ที่ผ่านมาก็มีข้อเสนอแนะที่ทำกันไว้อยู่บ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแผนการปฏิรูปตำรวจของคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ ที่มี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็นประธาน หรือคณะกรรมการที่ยกร่างกฎหมายที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ซึ่งทำเสร็จไปแล้ว มันไม่ได้เริ่มจากศูนย์ ฉะนั้น มันจึงไม่น่าจะช้า คาดว่าคณะกรรมการฯคงจะนำมาพิจารณาด้วย แต่ต้องถามนายวิชา ในฐานะประธานว่าจะมีแนวทางอย่างไร
ประชุม3สค.เตรียมแบ่งทีมทำงาน
นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการฯวันที่ 3สิงหาคม คงจะพูดคุยกันเรื่องการทำงานว่าจะทำกันอย่างไร แบ่งหน้าที่รับผิดชอบกันอย่างไร ขึ้นอยู่กับนายวิชา ในฐานะประธาน อย่างไรก็ตาม นายวิชาเป็นอดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา เป็นอดีตกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นคนที่ตรงไปตรงมา เป็นคนที่ตนเคารพนับถือ รู้จักกันมาช้านาน เชื่อในฝีมือและความบริสุทธิ์ใจ ตนจะฟังท่าน ส่วนที่สังคมคาดหวังกับคณะกรรมการฯชุดนี้สูงนั้น เราก็ทำให้เขาผิดหวังไม่ได้
“นิพิฏฐ์”เสนอจัดตั้งศาลจำลอง
ด้าน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความคิดเห็นต่อเนื่องกรณีคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ว่า ตั้งศาลจำลองให้ประชาชนเป็นลูกขุน โดยปกติการว่าความในศาล อัยการ และตำรวจ จะนำพยานเบิกความพิสูจน์ว่าจำเลยกระทำผิด ส่วนทนายความจะนำพยานเบิกความและซักค้านว่าจำเลยไม่ผิด ซึ่งคดี “บอส” วรยุทธ อยู่วิทยา เรากล้าที่จะให้ความรู้แก่ประชาชน เพื่อรักษากระบวนการยุติธรรมไว้ไหม ลองกลับหัวกลับหาง ตั้ง “ศาลจำลอง” ให้อัยการ และตำรวจ มาเบิกความเหตุที่สั่งไม่ฟ้อง ตนจะยอมเป็นทนายความซักค้านให้เห็นว่าควรสั่งฟ้อง แล้วให้ประชาชนทั้งประเทศเป็นลูกขุน ตัดสินว่าใครผิด ใครถูก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี