ยันสถานที่กักตัวปลอดภัย
สธ.ออกโรงการันตี
ไทยติดเชื้ออีก3กลับจากนอก
แอฟริกาป่วยโควิดทะลุล้าน
‘ญี่ปุ่น’วุ่นไข้วันเดียว1.6พัน
ศบค.เผย พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 3 ราย เป็นคนไทยมาจากซาอุดีอาระเบีย และอินโดนีเซีย ด้านอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ยืนยันสถานที่กักตัวทางเลือก
Alternative State Quarantine ทุกแห่งปลอดภัย มีมาตรฐานการควบคุมป้องกันโรค ส่วนสถานการณ์ในต่างประเทศ ทวีปแอฟริกามีผู้ป่วยสะสมมากกว่า1ล้านคนแล้ว ขณะที่ญี่ปุ่นอ่วม พบผู้ติดเชื้อวันเดียว 1,606 คน
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม เวลา 11.00 น. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) รายงานว่า ล่าสุด สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 3 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ และเข้าสู่ State Quarantine ส่งผลให้ผู้ป่วยติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 3,348 ราย หายป่วยแล้ว 3,150 ราย โดยยังมีผู้ป่วยที่รักษาอาการอยู่ 139 คน ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม มีผู้เสียชีวิตรวม 58 ราย
เดินทางมาจากซาอุฯ-อินโดฯ
สำหรับรายละเอียดของผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย และเข้าพัก State Quarantine หรือ สถานที่ควบคุมโรคที่ภาครัฐจัดตั้งขึ้น มีดังนี้ ซาอุดิอาระเบีย 2 ราย ทั้งหมดเป็นนักศึกษาชายไทย อายุ 24 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม (เที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 12 ราย) เข้าพัก State Quarantine ที่ จ.ชลบุรี และตรวจหาเชื้อในวันที่ 7 สิงหาคม ผลตรวจพบเชื้อ ทั้งหมดไม่มีอาการ มาจากอินโดนีเซีย 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 32 ปี อาชีพพนักงานบริษัทรับเหมาก่อสร้าง เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม เข้าพัก State Quarantine ที่ จ.สมุทรปราการ และตรวจหาเชื้อในวันที่ 6 สิงหาคม ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ
สธ.ยัน“สถานที่กักตัวทางเลือก”ปลอดภัย
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้มีประชาชนบางส่วนเกิดความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของโรงแรมที่ใช้เป็นสถานที่กักตัวทางเลือก (Alternative State Quarantine) ขอย้ำว่ากระทรวงสาธารณสุขมีกลไกคัดเลือกโรงแรมที่เข้าร่วมให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้อย่างเข้มงวด ทั้งด้านความปลอดภัยของพื้นที่ต้องผ่านการประเมินมาตรฐานด้านวิศวกรรม มีระบบระบายอากาศ และปรับอากาศแยกเฉพาะส่วนล็อคลิฟต์ เพื่อผู้กักตัวอยู่ในชั้นที่อนุญาตเท่านั้น ติดตั้งกล้อง CCTV ตลอดทางเดินทั่วโรงแรม เพื่อจับความเคลื่อนไหว โดยจัดแยกพื้นที่ให้บริการผู้กักตัวให้ไม่ปะปนกับผู้เข้าพักทั่วไป รวมถึงให้บริการอาหารถึงห้องพัก เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะไม่เกิดผลกระทบต่อผู้เข้าพักรายอื่นและชุมชนโดยรอบ จึงจะได้รับอนุญาตให้เป็นสถานที่กักตัวทางเลือกได้
ขอให้มั่นใจเคสทหารมะกันพัก3รร.
นพ.ธเรศ กล่าวต่อว่า กรณีทหารสหรัฐอเมริกาที่เข้าพักอยู่ใน 3 โรงแรมทางเลือกนั้น ขอให้ประชาชนมั่นใจเนื่องจากภาครัฐได้จัดมาตรการควบคุม เฝ้าระวังผู้เดินทางกลุ่มดังกล่าวที่เข้มงวดเป็นพิเศษ โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์เฝ้าระวังอยู่ที่โรงแรม ไม่ให้ผู้ที่กักตัวออกนอกพื้นที่ตลอดช่วงเวลาที่กักตัว และรับการเฝ้าระวัง ควบคุมโรคตามมาตรฐานเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป
สำหรับโรงแรมที่ใช้เป็นสถานที่กักตัวทางเลือก คือสถานที่กักตัวที่ผู้เข้าพักเป็นคนที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งได้ปรับรูปแบบมาจากสถานกักตัวของรัฐ State Quarantine มีระบบเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคตามมาตรฐานของกระทวงสาธารณสุขเช่นเดียวกัน ได้แก่ การคัดกรอง การกักตัวเฝ้าระวังอาการ 14 วัน ตรวจหาเชื้อ และได้รับการดูแลจากบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลคู่สัญญาตลอดระยะเวลาที่กักตัว โดยประชาชนสามารถตรวจสอบรายชื่อโรงแรมที่เข้าร่วมเป็นสถานที่กักตัวทางเลือกได้จากเว็บไซต์กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ http://covid-center.hss.moph.go.th
ทวีปแอฟริกาติดเชื้อโควิดเกินล้านคน
สำหรับสถานการณ์ในต่างประเทศ จำนวนผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ในทวีปแอฟริกามีจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ล้านคนไปแล้ว โดยแอฟริกาใต้เป็นประเทศที่มีการแพร่ระบาดรุนแรงที่สุดในภูมิภาค ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 538,000 คน ตามมาด้วยอียิปต์ 95,000 คน และไนจีเรียซึ่งมีผู้ติดเชื้อราว 45,000 คน
ขณะเดียวกัน องค์การอนามัยโลก(ดับเบิลยูเอชโอ) เตรียมส่งผู้เชี่ยวชาญกว่า 40 คน เดินทางไปยังแอฟริกาใต้ ส่วนผู้อำนวยองค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคแอฟริการะบุว่าหลายประเทศมีการผ่อนปรนมาตรการควบคุมโรคกันแล้ว ทำให้คาดว่าโรคนี้จะมีการแพร่ระบาดไปอีกนาน พร้อมกันนี้เรียกร้องให้รัฐบาลของประเทศต่างๆ เพิ่มการตรวจหาเชื้อและมาตรการป้องกันโรคให้มากขึ้น
วิกตอเรียพบติดเชื้อเพิ่ม466ราย
ส่วนที่รัฐวิกตอเรียของออสเตรเลีย ทางการรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 466 คน และมีผู้เสียชีวิต 12 คน หนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นชายวัย 30 ปีเศษ ส่วนผู้เสียชีวิตอีก 6 คน เกี่ยวเนื่องกับการแพร่ระบาดภายในบ้านพักคนชรา ขณะที่เมืองเมลเบิร์นยังคงใช้มาตรการล็อกดาวน์และประกาศเคอร์ฟิวช่วงกลางคืน เวลานี้จำนวนผู้เสียชีวิตในรัฐวิกตอเรียอยู่ที่ 193 คน จากทั้งประเทศที่มีผู้เสียชีวิต 278 คน ส่วนยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมดอยู่ที่เกือบ 22,000 คน
ญี่ปุ่นอ่วม!ป่วยวันเดียว1,606คน
เว็บไซต์ The Japan News ในเครือ นสพ.Yomiuri Shimbun ของญี่ปุ่น เสนอข่าว New virus cases in Japan mark highest at 1,606 โดยระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ที่ผ่านมา มีจำนวนมากถึง 1,606 คน ทำลายสถิติล่าสุดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ซึ่งในวันดังกล่าวมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,579 คน โดยยอดผู้ติดเชื้อล่าสุด 1,606 คน มีทั้งในพื้นที่กรุงโตเกียวและอื่นๆ อีก 39 จังหวัด รวมถึงผู้เดินทางมาจากต่างประเทศแล้วถูกนำตัวเข้าสถานที่กักกันโรค และมีรายงานผู้เสียชีวิต 7 คน จากหลายพื้นที่
พื้นที่ที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุดต่อวันคือ จ.โอซากา 255 คน จ.โอกินาวา 100 คน จ.ชิกะ 31 คน และ จ.อาคิตะ 14 คน ขณะที่รายงานจาก จ.โอกินาวา ระบุว่า อัตราส่วนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนับถึงวันที่ 6 สิงหาคม อยู่ที่ 31.57 คนต่อประชากร 1 แสนคน สูงกว่ากรุงโตเกียวซึ่งอยู่ที่ 17.29 คนต่อประชากร 1 แสนคน และสูงสุดในประเทศเป็นวันที่ 7 ติดต่อกัน
ทั่วโลกติดเชื้อ19.5ล้านดับ7.24แสน
ส่วนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก นับจนถึงเย็นวันที่ 8 สิงหาคม 2563 มีผู้ติดเชื้อสะสม 19,569,109 ราย เสียชีวิต 724,500 ราย รักษาหาย 12,563,400 ราย สหรัฐ ติดเชื้อ 5,095,748 ราย เสียชีวิต 164,104 ราย บราซิล ติดเชื้อ 2,967,064 ราย เสียชีวิต 99,702 ราย อินเดีย ติดเชื้อ 2,091,549 ราย เสียชีวิต 42,621 ราย รัสเซีย ติดเชื้อ 882,347 ราย เสียชีวิต 14,854 ราย แอฟริกาใต้ ติดเชื้อ 545,476 ราย เสียชีวิต 9,909 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี