กมว.เร่งยกร่างจรรยาบรรณวิชาชีพ ตั้งเป้า2เดือนต้องเสร็จ เพื่อใช้สกัดครูทำผิดจรรยาบรรณ เผยเพิกถอนใบอนุญาตครูจ.ชุมพรหลบหนีทหาร-แอบอ้างใช้ยศเรือตรีแล้ว
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2563 รศ.เอกชัย กี่สุขพันธ์ ประธานกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ (ประธาน กมว.) คุรุสภา กล่าวภายหลัง เป็นประธานการประชุม กมว.ครั้งที่ 8/2563 เมื่อเร็วๆนี้ ว่า ที่ประชุมจะเร่งรัดเรื่องจรรยาบรรณวิชาชีพ เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ประกอบวิชาชีพปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง จึงจัดตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาจรรยาบรรณวิชาชีพ ขึ้นมาโดยมีประธาน กมว.เป็นประธานอนุกรรมการชุดนี้ แล้วเชิญปูชนียจารย์หรือผู้ที่เป็นครูจริงๆมาร่วมเป็นกรรมการ และ เชิญ ศ.กิตติคุณสุมน อมรวิวัฒน์ มาเป็นที่ปรึกษา เพื่อยกร่างจรรยาบรรณวิชาชีพ ซึ่งการยกร่างมีแนวคิดว่าจะยกร่างจรรยาบรรณ 8 - 10 ข้อ โดยที่ประชุมจะเร่งทำให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือนนี้ เมื่อทำเสร็จแล้ว ทางสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ก็จะประกาศใช้ได้เลย เพราะในช่วงนี้มีหลายเรื่องที่ต้องทำให้ทัน เช่น กรณีมีครูแชทข้อความกับเด็กนักเรียนซึ่งถือว่าครูทำผิดจรรยาบรรณ
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีมติชัดเจนว่าไม่อนุมัติให้มีการรับรองการเปิดหลักสูตร ป.บัณฑิตวิชาชีพครู อีก ซึ่งปีที่ผ่านมาที่ประชุมก็มีการห้าแล้ว แต่ก็ยังมีบางแห่งเปิดโดยอ้างว่ายังไม่มีประกาศห้ามออกมา ดังนั้น วันนี้ตนจึงเน้นย้ำให้ ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคุรุสภา ไปออกประกาศว่าไม่อนุมัติให้เปิดหลักสูตร ป.บัณฑิตวิชาชีพครู ตั้งแต่เดือน ส.ค.2563 นี้เป็นต้นไป เนื่องจาก ป.บัณฑิตเรามีปัญหา ซึ่งหลายคนไม่ได้ไปฝึกสอนตามวิชาเอกที่เรียนมา แต่ต้องไปเลือกสอบวิชาเอก ฉะนั้น กมว.จึงพยายามไม่ให้เปิดเพิ่มและเพื่อสกัดการหารายได้ที่ไม่มีคุณภาพจากการเปิด ป.บัณฑิต ซึ่งหลักสูตร ป.บัณฑิต เรากำหนดชัดเจนว่าถ้าไม่มีสัญญาจ้างจะเรียนไม่ได้ แต่ปรากฏว่าหลายที่ยังไม่มีงานทำก็ให้มาเรียน และคนเหล่านี้ก็ไปขอสอนฟรีในโรงเรียนเอกชน เพื่อให้อาจารย์มานิเทศก์การฝึกสอน บางคนสอนวิชาคณิตศาสตร์ให้เด็กชั้นประถมฯ ทั้งที่ตนเองจบกายภาพบำบัด, จบแพทย์แผนไทย ซึ่งฝึกสอนไม่ตรงกับเอกที่เรียนมาเลย ดังนั้น หากมหาวิทยาลัยจะเปิดสอน ก็ให้สภามหาวิทยาลัย เอาวิชาครูที่ ป.ตรี ใช้อยู่ แล้วทำเรื่องขอเปิดหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาครู ซึ่งสามารถขอเปิดได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องใช้คำว่าประกาศนียบัตร ป.บัณฑิตวิชาชีพครู ซึ่งหากทำหลักสูตรนี้ได้ ก็จะเป็นการเปิดช่องให้นักเรียนที่ยังเรียนอยู่ชั้น ม.4 , 5 , 6 สามารถเรียนวิชาครูเพื่อเก็บหน่วยกิตไว้ อาจจะเก็บวิชาครูได้ 20 หน่วยกิตเมื่อเรียนจบ ม.6 แล้ว ถ้าอยากเป็นครูก็สามารถไปสมัครเรียนครูได้เลย โดยที่ไม่ต้องวัดแววอีก และอาจจะใช้เวลาเรียนครูเพียง 3 ปีครึ่งจบ
“ผมว่าตรงนี้จะเป็นช่องทางหนึ่งให้นักเรียนที่ยังเรียนอยู่ชั้น ม.4,5,6 ได้เรียนวิชาครู เก็บหน่วยกิจสะสมเป็นเครดิตแบงค์ แต่หลักสูตรที่เปิดกลุ่มนักเรียน ม.4,5,6 จะต้องเรียนเฉพาะกลุ่ม ไม่นำไปเรียนรวมกับกลุ่มที่เรียน ป.ตรี สาขาอื่น เพราะเป็นคนละกลุ่มเป้าหมายกัน” รศ.เอกชัย กล่าว
ประธาน กมว.กล่าวต่อว่า ที่ประชุมมีแนวคิดสนับสนุนให้มหาวิทยาลัยจัดหลักสูตรวิชาครู 30 หน่วยกิจ แทนที่จะเรียน 21 หน่วยกิต แต่ 9 หน่วยกิจ อยากให้มหาวิทยาลัยเอาความเก่ง ความชำนาญของวิชาครูใส่เข้าไปในหลักสูตรตัวเอง เช่น ม.สวนดุสิต วิชาครูเก่งในการสอนเด็กพิเศษก็ให้เอา 9 หน่วยกิจนี้ใส่เข้าไปในหลักสูตร ดังนั้น คนที่เรียนมหาวิทยาลัยไหนก็จะได้ความเก่งของมหาวิทยาลัยนั้นอยู่ในวิชาครู ซึ่งแนวคิดนี้ จะให้มหาวิทยาลัยต่างๆผลักดันโดยการอนุมัติของสภามหาวิทยาลัย จะได้ ไม่ต้องไปยุ่งกับการรับรองหลักสูตร ป.บัณฑิต แบบในอดีต คือ หลักสูตรแบบอดีตต้องไปเข้าการรับรองจาก สกอ.เพราะใช้ชื่อ ป.บัณฑิต แต่ถ้าใช้ชื่อประกาศนียบัตรวิชาครู คนไปเรียนมหาวิทยาลัยไหนก็เรียนประกาศนียบัตรวิชาครู พอเรียนจบก็มาสอบวิชาครูของคุรุสภา เพื่อไปปฏิบัติฝึกการสอนวิชาเอก 1 ปี เมื่อฝึกปฏิบัติการสอนวิชาเอกครบ 1 ปีแล้ว ก็นำหลักฐานการสอนวิชาเอกมายืนยันเพื่อขอสอบวิชาเอก ผ่านเมื่อไหรก็ได็ใบประกอบวิชาชีพ แต่คุณจะต้องมีอีก 3 วิชา คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และดิจิทัล ซึ่งจะทำให้ความเข้มข้นนี้ไม่ต่างจาก ป.ตรี
“วันนี้มีนโยบายจาก รมว.ศธ.แจ้งในที่ประชุม กมว.ว่า อยากเห็นใบประกอบวิชาชีพครูใบเดียว แล้วใช้ได้หมด คืออยากจะให้มีการแยกให้เห็นชัดเจนว่าเป็นครูเอกอะไร ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีถ้าทำแบบนี้ได้ และตรงกับที่ กมว.เคยพูดคุยกันไว้”
รศ.เอกชัย กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้หารือถึงประวัติเก่าๆของครู เช่น ครูตีเด็ก และถูกลงโทษทางวินัยมาตั้งแต่ปี 2554 และตอนนี้เกษียณไปแล้ว และก็ไม่ได้ต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแล้ว ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีมติว่าจะขอให้ล้างประวัติ เพื่อจะลดปริมาณเครสที่ค้างๆอยู่ตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งขณะนี้มีอยู่ประมาณ 900 กว่าราย ส่วนกรณีครูบางคนที่ทำผิดวินัยและทำผิดมาก่อนที่ พ.ร.บ.มีผลบังคับใช้ ถ้าไม่ร้ายแรงก็จะไม่เอาประวัตินี้มาพิจารณาเพื่อไม่ออกใบอนุญาตให้ เช่น คนที่เคยถูกตัดเงินเดือน 5% เมื่อปี 2540 แต่ปี 2546 พ.ร.บ.นี้มีผลบังคับใช้ ดังนั้นในหลักกฏหมายแล้วไม่น่าจะเอา 5% มาเป็นข้ออ้างที่จะไม่ออกใบอนุญาตให้ เพราะเป็นระหุโทษธรรมดา แต่หากกระทำผิดวินัยร้ายแรง เช่น ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เราจึงจะไม่ต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพให้ ส่วนกรณีที่มีครูทำอนาจารเด็กนักเรียน ซึ่งเหตุเกิดขึ้นทางภาคใต้เมื่อเร็วๆนี้ และถูกไล่ออกจากราชการไปแล้ว ซึ่งที่ประชุม กมว.ได้มีมติให้ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และให้พักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแล้วโดยที่ไม่ต้องรอผลการสอบ แต่หากผลการสอบพบว่ากระทำผิดจริง ถึงแม้จะให้ออกจากราชการแล้วเราก็จะทำการเพิกถอนใบอนุญาตทันที
ประธาน กมว.กล่าวต่อว่า ในที่ประชุม ได้มีมติเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ครู 1 ราย ใน จ.ชุมพร เนื่องจากกระทำผิดวินัยร้ายแรงหลายอย่าง เช่น การหลบหนีทหาร มีการแอบอ้างใช้ยศเรือตรี ซึ่งที่ประชุมพิจารณาแล้วถือว่ามีความผิดจรรยาบรรณครู จึงเพิกถอนใบอนุญาต และภาคทัณฑ์เพื่อไม่ให้ทำผิดซ้ำอีก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี