สืบเนื่องจากมี 2 บริษัทประสงค์จะก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ในซอยร่วมฤดี 1, 2 เขตปทุมวัน โดยอาคารแรกสูง 18 ชั้น(78 ห้อง) พื้นที่รวม 29,502 ตร.ม. ส่วนหลังที่สองสูง 24 ชั้น(76 ห้อง) พื้นที่รวม 28,987 ตร.ม. จึงได้มีหนังสือถึงผู้อำนวยการเขตขอให้ตรวจสอบความกว้างของซอย ต่อมาได้แจ้งผลว่าเขตถนนมีความกว้าง 10 ม. ผิวจราจรกว้าง 7.5 ม. ตลอดแนวบริษัทจึงยื่นความประสงค์ต่อสำนักการโยธา โดยใช้หนังสือรับรองของเขตเป็นเอกสารประกอบ และได้รับใบแจ้งตามแบบกทม.6 สุดท้ายจึงได้ก่อสร้างอาคารขึ้น
ต่อมาประชาชนผู้อยู่อาศัยในซอยดังกล่าวเดือดร้อน จึงมีหนังสือร้องเรียนไปยังผู้อำนวยการเขตและผู้ว่าฯกทม.ขอให้ตรวจสอบความกว้างของ ซ.ร่วมฤดี 1, 2 รวมถึงมีหนังสือไปถึงนายกรัฐมนตรีรมว.มหาดไทย และสำนักการโยธาเพื่อให้ตรวจสอบด้วย เนื่องจากสงสัยว่าความกว้างของซอยน่าจะไม่ถึง 10 ม. ตลอดแนวตามที่เขตรับรอง อันไม่สามารถสร้างตึกขนาดใหญ่ได้ตามข้อกฎหมาย
ต่อมา ผอ.เขตได้มีหนังสือถึงผู้ร้องเรียนและสำนักการโยธาแจ้งผลการตรวจสอบความกว้างของถนนดังกล่าวว่าตามเอกสารหลักฐานทะเบียนคุมที่สาธารณะที่เขตใช้อยู่นั้น ซ.ร่วมฤดีมีความกว้างของเขตทาง 10 ม. โดยตลอดซอยมีความกว้างไม่แน่นอน จากการวัดตามสภาพจริงมีเขตทางกว้าง 7.8 -10.40 ม.สำนักการโยธาจึงมีหนังสือถึงบริษัททั้ง 2 ให้พิจารณาทบทวนการก่อสร้าง เนื่องจากเป็นอาคารที่ขัดกับข้อ 2 ของกฎกระทรวงฉบับที่ 33 (พ.ศ.2535)ฯ
บริษัททั้ง 2 ได้ยื่นอุทธรณ์ข้อทักท้วงซึ่งคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีมติไม่รับอุทธรณ์ และสำนักการโยธาได้มีหนังสือแจ้งผอ.เขตว่าอาคารทั้ง 2 หลังขัดกับกฎกระทรวงฉบับที่ 33ฯ และให้พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่มาตรา 40,41, 42 และ 43 ตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯ (คือให้มีการสั่งระงับการก่อสร้างและให้เจ้าของอาคารดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องตามกฎหมายหรือหากแก้ไขไม่ได้ก็ให้ดำเนินการรื้อถอน)
เมื่อ ผอ.เขตและผู้ว่าฯกทม.มิได้ดำเนินการใดๆ จึงมีการร้องต่อศาลปกครองกลาง ซึ่งศาลได้รับฟ้องเมื่อปี 2551และมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2555 ว่าผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 2 (ผอ.เขตและผู้ว่าฯกทม.)ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดและไม่ดำเนินการใดๆ จึงสั่งให้ใช้อำนาจตามมาตรา 40-43 ของพ.ร.บ.ควบคุมอาคารดำเนินการกับเจ้าของอาคารทั้ง 2 หลัง ภายใน 60 วัน โดยศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืนเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2557 มีคำสั่งให้รื้อถอนอาคาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธาเขตปทุมวันได้นำประกาศคำสั่งห้ามใช้อาคาร เมื่อวันที่ 4ธ.ค. 2561 และเขตปทุมวันอยู่ระหว่างประกวดราคาจ้างรื้อถอนอาคารทั้ง 2 แห่ง โดยให้ผู้ครอบครองขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกภายใน 30 วัน แต่ปรากฏไม่ได้มีการปฏิบัติตามคำสั่ง และยังฝ่าฝืนใช้อาคาร ซึ่งเขตได้แจ้งความดำเนินคดีอาญากับเจ้าของอาคารที่สน.ลุมพินี ซึ่งต่อมาอัยการพิจารณาไม่สั่งฟ้อง โดยเห็นว่าผอ.เขตปทุมวันไม่มีอำนาจออกคำสั่ง เนื่องจากเป็นอำนาจของผู้ว่าฯกทม. เว้นแต่ผู้ว่าฯกทม.มอบอำนาจให้ผอ.เขตดำเนินการ จึงต้องมีการยกเลิกคำสั่งเดิมเพื่อออกคำสั่งใหม่ จึงถือว่าค่าปรับที่เจ้าของอาคารต้องจ่ายนั้นไม่มีผลบังคับ และต้องเริ่มต้นดำเนินการใหม่ทั้งหมด
ส่วนการดำเนินการทางแพ่งที่เขตปทุมวันต้องหาผู้รับจ้างมารื้อถอนทั้ง 2 อาคาร วงเงินไม่เกิน 200 ล้านบาทนั้น เขตได้ประกาศหาบริษัทเข้าทำการและที่ได้รับ
คัดเลือกแล้ว ในวงเงิน 160 ล้านบาท จึงยังไม่มีการลงนามในสัญญาและชะลอไว้ก่อน เพื่อให้คดีทางอาญาเสร็จสิ้นก่อน ซึ่งเขตจะทำรายงานถึงศาลปกครอง รวมถึงหารือผู้บริหารกทม.ต่อไป
ด้านนางศิลปะสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกทม.กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวขณะนี้อยู่ระหว่างการที่เขตและเจ้าของอาคารยังต้องดำเนินคดีต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี