อัยการสั่งตร.ตั้งข้อหาเสพโคเคน
‘บอส’อ่วมหนัก!
ยันสำนวนชัดฟ้องได้เลย
จี้สอบความเร็วลุ้นอีกคดี
ตำรวจแย้ม‘สีกากี’ทำผิด
จ่อสรุป‘บิ๊กแป๊ะ’จัดการ
ชุดสอบสวนของอัยการได้ข้อสรุป สั่งให้ตำรวจประเคนข้อหาโคเคน“บอส อยู่วิทยา”อ้างข้อมูลในสำนวนเดิมมีอยู่ชัด พร้อมกับให้สอบความเร็วรถใหม่เพื่อลุ้นอีกคดี ภายใน 20 วัน ในขณะที่ทีมสอบสวนฝ่ายตำรวจ แย้มงานนี้มีสีกากาทำผิดแต่ยังไม่ขอเปิดเผยชื่อ รอสรุปให้ ผบ.ตร.จัดการ
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ที่ห้องประชุมสำนักงานอัยการสูงสุงสุด ศูนย์ราชการฯ ถ .แจ้งวัฒนะ นายอิทธิพร แก้วทิพย์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา, นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองอธิบดีอัยการสูงสุด และนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าหลังอัยการสูงสุดมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาคำสั่งคดีอาญาคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อดัง ขับรถชนตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต เมื่อปี 2555 ว่า คณะทำงานพิจารณาแล้วให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นความเร็ว และแจ้งข้อหาเสพสารเสพติดให้โทษประเภท 2 กับนายวรยุทธ แยกออกไปอีกสำนวน
นายอิทธิพร กล่าวว่าในประเด็นกรณีพบสารโคเคนในร่างกาย นายวรยุทธ นั้นเห็นว่าในสำนวนมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดี ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดได้ จึงให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับนายวรยุทธ เป็นคดีใหม่ โดยประเด็นทั้งหมดให้พนักงานสอบสวนดำเนินการให้เสร็จภายใน 20 สิงหาคมนี้
ขณะเดียวกัน จากการที่คณะทำงานฯ ได้ตรวจสอบกรณีความเร็วรถของนายวรยุทธ ปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่าความเร็วที่ปรากฏในสำนวนอาจไม่ใช่ความเร็วที่จะทำให้สำนวนยุติได้ คณะทำงานฯพิจารณาแล้วจึงมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนสอบสวนพยานเพิ่มเติม คือ ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในประเด็นที่เคยร่วมตรวจสอบความเร็วของรถ ณ จุดที่ชนหรือไม่ หากเคยความเร็ว ณ จุดที่ชนอยู่ที่เท่าไร ,มีวิธีการคำนวณความเร็วรถอย่างไร และเคยส่งรายงานให้กับพนักงานสอบสวนหรือไม่ ทั้งนี้หากมีเอกสารการคำนวณให้จัดส่งมาเพื่อประกอบสำนวนด้วย
นอกจากนี้ คณะทำงานฯ ยังให้สอบเพิ่มเติม นายกสภาวิศวกร ประเด็นใบประกอบวิชาชีพของ รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ที่ขาดการต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ จะมีผลต่อการออกเอกสารรับรองมากน้อยเพียงใด และการคำนวณของ รศ.ดร.ประสิทธิ์ มีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด
ด้านนายชาญชัย กล่าวเสริมว่า กรณีดังกล่าวพนักงานอัยการมีความเห็นให้พนักงานสอบสวนสอบสวนเพิ่มเติมใน 2 ประเด็นสำคัญ คือ ประเด็นการตรวจวัดความเร็ว เนื่องจากมีเหตุเชื่อได้ว่า หากได้พยานหลักฐานใหม่จะสามารถดำเนินคดีหรือลงโทษผู้ต้องหาได้ ส่วนพยานหลักฐานในการตรวจวัดความเร็ว จะใช้ผลตรวจที่เผยแพร่ตามสื่อมวลชนหรือใช้วิธีการอื่นในการคำนวณความเร็วใหม่ก็สามารถทำได้ รวมทั้งหากพบคลิปภาพความเร็วของรถ ซึ่งจะสามารถนำมาตรวจวัดใหม่ ก็สามารถทำได้เช่นกัน เพราะจะถือเป็นพยานหลักฐานใหม่ และว่าการที่ความเร็วเปลี่ยนแปลงไม่ได้หมายความว่า ความเห็นเดิมจะเป็นเท็จ ทั้งหมดนี้ เป็นกระบวนการเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติในการคำนวณความเร็วที่น่าเชื่อถือได้ พร้อมยืนยันว่า ไม่มีธงในการทำสำนวน แต่จะเป็นการแสวงหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ
นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.)กล่าว ว่าพร้อมจะไปชี้แจงกับคณะกรรมการชุดต่างๆ ที่ตรวจสอบคดีบอส แต่ตอนนี้ยังไม่มีการติดต่อมา
วันเดียวกัน พล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องเด็ดขาดของอัยการคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต เมื่อปี 2555 กล่าวภายหลังประชุมว่า คณะกรรมการฯอยู่ระหว่างเร่งพิจารณาสรุปผลการตรวจสอบกรณีดังกล่าวให้เสร็จสิ้นในวันนี้ เบื้องต้นพบว่ามีผู้กระทำผิดกฎหมาย ส่วนจะเป็นใครและทำผิดถึงขั้นไหน ยังไม่ขอพูดในรายละเอียด
ส่วนรายงานชี้แจงเหตุไม่เห็นแย้งคำสั่งอัยการ จาก พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ลงนามคำสั่ง ขณะนี้ยังไม่ได้รับโดยยังมีเวลา คาดว่าจะได้ภายในวันนี้(10 ส.ค.) และเมื่อได้เอกสารต่างๆครบถ้วน จะเสนอผลการตรวจสอบต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาได้ในวันที่ 11 สิงหาคมนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี