รายการโหนกระแสวันที่ 11 ส.ค. "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.20 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 เกาะติดการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อผิดพลาดคดี "นายวรายุทธ อยู่วิทยา" หรือ "บอส กระทิงแดง" ตอนนี้เรื่องเดินหน้าไปไกล โดยได้เปิดใจสัมภาษณ์ "ประยุทธ เพชรคุณ" รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด
มีคนวิพากษ์วิจารณ์กันมากเรื่องสำนักงานอัยการสูงสุดเรื่องการสั่งไม่ฟ้องกรณีคุณบอส เรื่องนี้ที่มาที่ไป ท่านมองยังไง ประชาชนมองว่าเป็นบรรทัดฐานใหม่ในสังคมหรือเปล่า?
"เรียนว่าหลักการทำงานของพนักงานอัยการ หลักโดยปฏิบัติกันเลยคือดูพยานหลักฐานในสำนวน ประกอบกับดูข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายในข้อนั้นๆ โดยหลักก็เป็นอย่างนี้ คดีนี้ก็เป็นแบบนั้น แต่มันมีความผิดปกติในคดีนี้คือมันทอดเวลายาวนาน และมีความพยายามของฝ่ายผู้ต้องหายื่นขอความเป็นธรรม เรียนว่าเรื่องนี้จริงๆ สำนวนเข้ามาอัยการเรา วันที่ 4 มี.ค. 56 อัยการก็สั่งฟ้องเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเลย 2 พ.ค.56"
ทำไมเรื่องทั้งหมดมาอยู่ที่อัยการสูงสุด?
"จริงๆ แล้วทางอธิบดีอัยการอาญากรุงเทพใต้ เขาส่งฟ้องไปตั้งแต่ 2 พ.ค. 56 ทำไมไม่เอาไปฟ้องให้มันเข้าสู่กระบวนการของศาลไป ก็ปรากฎว่าหลักกฎหมายมีอยู่ข้อนึงว่าถ้าจะฟ้องต้องมีตัว แต่นายบอสไม่มา"
"พอไม่มาก็ไม่มีตัวอัยการยื่นฟ้องไม่ได้ เพราะตัวกฎหมายเขียนว่าถ้าจะฟ้องไม่ส่งตัวกรณีเดียวคือพนักงานสอบสวนเอาตัวไปฝากไว้กับทางท่านผู้พิพากษา นั่นคืออยู่ในการควบคุมของศาล แต่กรณีนายบอสเขาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ตั้งแต่ชั้นสอบสวน มาถึงอัยการก็มาพร้อมสำนวน โดยหลักจะสั่งฟ้องต้องมีตัวนายบอส แต่พอถึงนัดเขาไม่มา ช่วงประมาณมิ.ย. ปีนั้นเขาไม่มา แล้วแจ้งมอบให้ผู้มีอำนาจมาขอเลื่อน อ้างติดอยู่สิงคโปร์ ป่วยอยู่ต่างประเทศบ้าง"
"และร้องขอความเป็นธรรมให้สืบพยาน เวลาอัยการเรารับหนังสือรับความเป็นธรรมเราก็สอบให้ แต่ว่าระเบียบของเรา การดำเนินการไม่เป็นเหตุชะลอการฟ้อง แต่เรื่องนี้ฟ้องไม่ได้เพราะนายบอสไม่มา ก็ร้องมาหลายขั้นหลายตอน แล้วก็เรียนว่าหากมีกรณีความเห็นสั่งฟ้องไปแล้ว ถ้าจะเปลี่ยนความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ต้องเป็นคำสั่งที่เหนือขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง อย่างอธิบดีสั่งฟ้องไว้ ก็ต้องเป็นรองอัยการสูงสุด เป็นทอดมา"
"แต่เรื่องนี้ที่เกี่ยวข้องกับนายเนตร นาคสุข เพราะมีการร้องขอความเป็นธรรม แล้วคดีร้องขอความเป็นธรรมของสำนักงานอัยการสูงสุด จะอยู่ในสำนักงานคดีกิจการ ซึ่งนายเนตร ควบคุมดูแลอยู่ เขาเป็นคนดูแลสำนวนตรงนั้น"
พอมีการสั่งไม่ฟ้อง มีคดีถูกยก หมดอายุความ จนสุดท้ายเหลือแค่ขับรถชนตายโดยประมาท ตรงนี้เหมือนกับมีบางอย่างทำให้คนเข้าใจว่าสำนักงานอัยการสูงสุดอาจมีการเอื้อกันหรือเปล่า?
"เรียนว่าไม่เอื้อหรอกครับ ที่เรายังไม่ฟ้องแต่ต้นเพราะตัวนายบอสไม่มา กระบวนการเอื้อไม่มี เพราะถ้าไปดูไล่เรียง ทำไทม์ไลน์ก่อนนายเนตรสั่งไม่ฟ้อง มีหนังสือเตือนของพนักงานอัยการ ให้พนักงานสอบสวนนำตัวมาส่งให้ฟ้องเป็นระยะๆ ถ้านำตัวไม่ได้ ก็ให้ไปออกหมายจับ ซึ่งก็มีการออกหมายจับ และประสานงานไปถึงพนักงานสอบสวนต้องประสานกับตำรวจสากล ในการนำตัวมาให้เราฟ้อง แต่ประเด็นอยู่ตรงนี้ ระหว่างกระบวนการไปตามจับ เขาก็ร้องขอความเป็นธรรมคู่ขนานมาเป็นระยๆ แต่เรียนย้ำว่าการร้องขอความไม่เป็นธรรมให้ชะลอหรือหยุดยั้งการฟ้อง เพียงแต่ตัวเขาไม่มา เราเลยสั่งฟ้องไม่ได้"
สำนวนที่ส่งมาให้เห็น สำนวนมันเอื้อหรือเปล่า?
"มันไม่ใช่เอื้อ ต้องดูพยานหลักฐาน อัยการเราพิจารณาพยานหลักฐานจากสำนวนเป็นหลัก ประการที่สองพยานหลักฐานที่อยู่ในสำนวนคดีนี้มันจะมี 2 ส่วน ส่วนแรกส่วนที่พนักงานสอบสวนรวบรวมส่งให้เรา ชุดนี้มันมีอยู่เดิม เราดูว่ามีเพียงพอ ไม่ต้องสอบเพิ่มอะไร สั่งฟ้องได้เลย แล้วหลังจากสั่งฟ้องไม่ได้สอบเพิ่ม เพราะมีชุดความเร็วตร.บอกว่า 177 กิโลเมตรต่อชม. มันอยู่ในนั้น การไปชนคนอื่น พฤติการณ์มันประมาทแน่นอน พอสั่งฟ้องเพราะเราเชื่อหนึ่ง 177 ปรากฎว่าตัวไม่มาให้สั่งฟ้อง สองผู้ต้องหาร้องขอความเป็นธรรมให้สอบคนที่บอก 177 พอสอบสวนเสร็จมันกลายเป็น 79 ซึ่งกลายเป็นพยานปากเดิม ณ เวลาที่นายเนตรสั่งเป็นพยานที่อยู่ในสำนวนเป็นหลัก และมาสอบเพิ่มเติม 2 ปากแล้วมาควบรวมทั้งหมด เห็นเป็นทำนองนั้นไป คณะทำงานเรามองอย่างนั้น เรามองว่าโดยหลักการสั่งของอัยการเป็นหลักการชั่งน้ำหนัก ไม่สามารถไปแทรกแซงก้าวล่วงได้"
"แต่มีข้อสังเกตบางประการ ว่าการใช้ดุลยพินิจของนายเนตรรอบคอบมั้ย แต่การบอกว่าอัยการคนไหนทำงานบกพร่องมั้ย รอบคอบรัดกุมมั้ยเป็นเรื่องคณะกรรมการอัยการ ซึ่งเป็นคนควบคุมดูแล เราเป็นเพียงคณะทำงานที่อัยการสูงสุดให้มาตรวจสอบข้อเท็จจริง เราก็ตรวจสอบข้อเท็จจริง จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงเราเห็นว่าหนึ่งสำนวนคดีนี้ยังมีข้อหาที่ตรวจพบแต่แรก แต่ไม่แจ้งข้อหาอีก 1 ประเด็นคือโคเคน"
เขาไม่ใช้ทำฟันเหรอ?
"เอาประเด็นโคเคน วันแรกที่ตรวจเจอสารโคเคนในเลือดเลย แต่สำนวนที่สอบมาแต่แรก สอบคุณหมอหลายปาก บอกว่าสารนี้อาจเกิดจากการไปลดความบวมจากการทำฟัน หรือเหงือก สองมีหมอมาลงให้ความเห็นในสำนวน ที่พนักงานสอบสวน สอบมาตั้งแต่แรก ถ้าจะให้มั่นใจต้องตรวจอย่างน้อย 2 ครั้ง ไม่งั้นค่ามันไม่เสถียร ประการที่สามท่านบอกว่าหากมีการใช้ยาตัวอื่นประกอบก็อาจทำให้เกิดค่าลวงได้ อาจไม่ใช่โคเคนแท้ๆ ก็ได้ อันนี้เป็นความเห็นของสำนวนที่มีอยู่ อาจเป็นเหตุปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้พนักงานสอบสวน ไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา"
"แต่ทีนี้ในชั้นคณะเรา ซึ่งผมเป็นหนึ่งในคณะทำงาน เราก็คิดว่าเรามีประสบการณ์การตรวจสำนวนคดีอาญามาทุกคน แต่ละคนเป็นอธิบดีทั้งนั้น ผมอาวุโสน้อยสุดในคณะ ผมทำมา 28 ปี เราก็เห็นว่าการตรวจยาเสพติด ยาบ้า ใบรายงานตัวเดียวก็พอ แต่ทำไมตรวจเลือดนายบอสเจอโคเคนในเลือด ทำไมจะไม่พอ คณะทำงานเราเห็นอย่างนั้น"
"แล้วยิ่งมีความเห็นทางโซเชียล มีการกระจายไป นักวิชาการเฉพาะด้านให้ความเห็นผ่านสื่อมากมาย ว่าเหตุผลที่คุณหมออ้างในสำนวน เป็นหลักที่เขาอ้างเมื่อ 150 ปีที่แล้ว พอไม่มีแล้วก็เป็นประเด็นทั้งหลายว่าลำพังการตรวจและมีรายงาน คณะทำงานเรา 7 คนมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ เพียงพอที่จะดำเนินคดี เราจึงเห็นว่าต้องให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีนายวรายุทธไปในข้อหาเสพยาเสพติดหรือโคเคน ตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษปี 22"
ฉะนั้นตรงนี้คือคดีใหม่?
"เป็นคดีใหม่ เป็นหลักฐานที่มีอยู่ในสำนวน แต่ไม่แจ้งข้อกล่าวหามาตั้งแต่ต้น"
ท่านเนตรได้เห็นมั้ย?
"ท่านเนตรเห็น พนักงานสอบสวนเห็น พนักงานอัยการอาญาใต้ตลอดสายเห็นมั้ย เห็น แต่มีความเห็นทางวิชาการของนักวิชาการมาแย้งในสำนวนนั่นแหละ ก็อาจเป็นเหตุปัจจัยที่ทำให้พนักงานสอบสวนไม่แจ้งข้อกล่าวหา แต่ถ้าเป็นดุลยพินิจหรือชั่งน้ำหนักหรือความเห็นการส่งสำนวนของพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการเบื้องต้น แต่คณะทำงานของเราเห็นว่าตรงนี้มันพอ ประกอบกับมีหลักฐานที่มาสนับสนุน สรุปคือส่วนนี้เราก็แจ้งให้ไปดำเนินคดีเสีย ส่วนที่สองกฎหมายบอกว่ากรณีนายเนตร นาคสุขสั่งไม่ฟ้องแล้วเสนอทางผบ.ตร. รองผบ.ตร. ไม่แย้ง กฎหมายจะบอกว่าถ้าจะสอบผู้ต้องหาเรื่องนั้นอีกไม่ได้ เว้นแต่มีปัจจัย 3 ประการ คือมีพยานหลักฐานใหม่เกิดขึ้น สองพยานนั้นเป็นพยานสำคัญ ไม่ใช่พยานปลีกย่อยเป็นพยานหลัก สามพยานนั้นสามารถนำสืบลงโทษผู้ต้องหาได้ อย่างที่เรียนว่าตอนแรกบอกว่ามี 177 ปากเดียว แต่ต่อมาให้การใหม่ว่าไม่มี 177 แล้ว เวลานายเนตรสั่งจึงไม่มี 177"
"ความเห็นดร.สายประสิทธิ์ที่บอกว่า 79 เป็นความเห็นที่ไปสนับสนุนกับพยานหลักฐานที่มีอยู่เดิมที่มีอยู่ 3-4 ปากที่่มีอยู่ในกลุ่มก้อนนี้ในสำนวน ที่เสียชีวิตไป 1 ที่นายเนตรสั่ง ทีนี้ความเห็นเมื่อสั่งเสร็จ เป็นประเด็นทางสังคม ประเด็นท่านดร.สธน ขึ้นมาปรากฎหลังจากอัยการสั่งไม่ฟ้อง ท่านบอก ท่านบอกสาระสำคัญว่าขณะเกิดเหตุท่านเป็นที่ปรึกษาของพิสูจน์หลักฐานกลาง พอเกิดเหตุคดีนี้ได้รับการประสานท่านก็ไปตรวจด้วย แต่คณะของเราตรวจสำนวนโดยละเอียดแล้ว ไม่ปรากฎหลักฐานนี้ในสำนวน สองพยานหลักฐานอื่นๆ ในสำนวนที่จะเชื่อมโยงให้กับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติมก็ไม่มีอยู่ในสำนวน และเพิ่งมาปรากฎภายหลังและเป็นเรื่องสำคัญ เราถึงเอาประเด็นนี้มาเป็นประเด็นหลักบอกว่าให้แจ้งท่านพนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนคดีนี้ต่อไป เพราะเข้าหลักเกณฑ์ ป.วิอาญามาตรา 147"
อ.สธนต้องมาเป็นพยาน?
"เป็นกระบวนการที่เราสั่งให้พนักงานสอบสวนไปสอบท่านเป็นพยาน ถ้าหากกระบวนการมาถึงอัยการ เราสั่งฟ้องไป ท่านสุธนก็ต้องมาเป็นพยาน"ความเร็วและโคเคน ถ้าพิสูจน์มาแล้ว เท่ากับสั่งฟ้องใหม่?
"เดิมทีเดียวตามกฎหมาย เมื่อนายเนตร นาคสุขสั่งไม่ฟ้อง ผบ.ตร.ไม่แย้ง ความหมายคือเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เท่ากับว่าจบกระบวนการไปแล้ว แต่เมื่อเรามาตรวจสำนวนตามคำสั่งอัยการสูงสุด เราพบว่ามันเข้าเงื่อนไขกฎหมาย คณะทำงานของเราเป็นชุดที่เอาสำนวนนี้มาพิจารณา ร่วมกันดูแลสำนวนคดีนี้ เราเห็นทางคดีว่าต้องแจ้งให้พนักงานสอบสวนไปดำเนินคดีนายบอสข้อหาเสพโคเคน ไปนำตัวมาและแจ้งข้อกล่าวหา"
จะนำตัวมาจากที่ไหน 7 ปีก็นำตัวมาไม่ได้?
"เป็นเรื่องที่สังคมต้องติดตาม เมื่อทางเราสั่งให้ดำเนินการก็ต้องดำเนินการ สองเรื่องขับรถชนคนตาย อายุความอีก 7 ปี ส่วนนี้ให้ไปสอบสวนเนื่องจากมีพยานหลักฐาน คืออ.สุธน ดร.สามารถ ทั้งสองท่านยืนยันเรื่องการคำนวณความเร็ว ทั้งสองท่่านเป็นผู่เชี่ยวชาญ เป็นนักฟิสิกส์ ในความเห็นตรงนี้แตกต่างจากสำนวน ถ้ารวบรวมพยานหลักฐานได้ การแจ้งข้อกล่าวหาขับรถประมาทมันมีอยู่แล้ว เราเอามาชั่งน้ำหนักดู ถ้าเพียงพอก็สั่งฟ้อง 2 ข้อหา ให้พนักงานไปนำตัวมาให้เราฟ้อง"
เป็นคดีอะไร?
"ก็คดีเก่านั่นแหละ เว้นแต่มีพยานหลักฐานใหม่ ซึ่งอันนี้เป็นพยานหลักฐานใหม่ กรณีนายเนตรสั่งไม่ฟ้อง ตร.เห็นชอบสั่งไม่ฟ้อง ไม่ได้หมายความว่าคดีเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไปเสียทีเดียว มันต่างจากคำตัดสินของผู้พิพากษา การยกฟ้องหรือลงโทษ จะมาฟ้องคนๆ นั้นซ้ำอีกไม่ได้ แต่คำสั่งอัยการที่ไม่ฟ้องไม่ได้มีกฎหมายห้ามว่าไม่ให้พิจารณาสำนวนแล้วสั่งฟ้องอีก ถ้ามีพยานหลักฐานใหม่ นี่แหละคือพยานหลักฐานใหม่ เดิมเข้าใจว่าคุณบอสจบแล้ว คณะทำงานชุดของเรานี่แหละเห็นว่าไม่จบ เพราะมีพยานหลักฐานใหม่ ก็เริ่มดำเนินคดีใหม่ ฟื้นคืนชีพมาว่ากันต่อ"
มุมโคเคน มันเป็นเพราะตรงนี้ไม่มีการฟ้องเข้าไป ทำให้กลายเป็นสำนวนดูอ่อนหรือเปล่า?
"เหตุผลหรือการชั่งน้ำหนักของพนักงานอัยการผู้ตรวจสำนวนหรือคนดูแลสำนวนมาก่อนหน้า ต้องบอกว่าแต่ละท่านเป็นนักกฎหมาย ไม่ใช่นักนิติเวช ถ้ามาจากตำรวจต้องแน่นหนา ท่านอาจเชื่อเช่นนั้น แต่เหตุผลในการชั่งน้ำหนักของคณะทำงานเรา 7 คนเบื้องต้นเราเห็นว่ามันพอ มีความเห็นของนักวิชาการที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ มันมีเหตุผลเพียงพอที่จะดำเนินคดี หากตรวจเลือดแล้วพบสารโคเคนในเลือด แสดงว่าเขาเสพเข้าสู่ร่างกาย โดยวิธีไหนก็แล้วแต่"
ภาษาชาวบ้าน ตร.เอื้อหรือเปล่า?
"อันนี้ไม่มีความเห็น ผมไปก้าวล่วงไม่ได้ แต่ส่วนของเรา มีความเห็นและสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามที่ผมเรียน"
ว่าไปตามเนื้อผ้า ผิดกระดุมผิดเม็ดแรก เม็ดต่อมาก็ต้องผิดไปเรื่อยๆ ตร.ต้องทำสำนวนให้แน่น แล้วให้ท่านพิจารณา แต่สำนวนอ่อนท่านก็มองแบบนี้ ก็ว่ากันไป?
"ก็เป็นส่วนหนึ่ง ผมเชื่อตั้งแต่ต้นว่าคณะทำงานเราทั้ง 7 ท่าน ล้วนเป็นผู้มีประสบการณ์ ทำคดีมานาน คดีทำนองนี้ไม่ใช่เรื่องพิศดารอะไร สำนวนคดีนี้ มีรีพอร์ตของคุณหมอออกมาว่ามีโคเคนในเลือด ผมว่ามันก็เพียงพอในการทำงานของเรา"
เวลาถูกคนแจ้งความ ยื่นสู่อัยการ อัยการมองว่าอ่อนให้ไปทำสำนวนเพิ่มมาใหม่ กรณีแบบนี้อัยการดูข้อมูลมีสิทธิ์บอกมั้ยมีเรื่องโคเคน เรื่องความเร็วที่ไม่ตรงกัน ไปสอบมาใหม่ให้ชัดเจน ควรมีตรงนี้มั้ย?
"กรณีนี้ หนึ่งตรวจพบ พอตรวจพบโคเคนในเลือด แต่ในสำนวนที่พนักงานสอบสวนทำมาแต่ต้น อย่างน้อยมีหมอ 3 ปาก ที่ให้การว่ายังไม่แน่ชัดว่าเป็นโคเคน อัยการที่ดูในสำนวนท่านอาจมองว่าเป็นผลลวง พอคุณหมอบอกว่ารักษาฟัน ใช้ตัวนี้ได้ พอเกิดเรื่องทันตแพทย์ทั่วประเทศก็ฮือเลยว่ามันไม่ใช่ ใบเดียวที่ตรวจเลือดก็พอแล้ว ยิ่งมีประเด็นผู้เชี่ยวชาญมาสนับสนุนด้วย"
อัยการก็มองตามเนื้อผ้าที่ส่งมาให้ มีหมอมาการันตีให้ ไปถามตร.แล้วกันว่าทำไมส่งมาให้แบบนี้?
"ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี