ดีเดย์13สค.
เปิดเรียนเต็มรูปแบบทั่วปท.
กำชับเข้ม5มาตรการสธ.
แนะงดกิจกรรมรวมตัว
ไม่มีป่วยโควิดวันที่สอง
ไทยติดเชื้อเป็นศูนย์ต่อเนื่องวันที่สอง ป่วยสะสมยังคงที่ 3,351 ราย หายป่วยเพิ่ม 3 ราย ด้านสพฐ.ส่งหนังสือแจ้งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศให้สถานศึกษาทุกแห่งทดลองเปิดเรียนเต็มรูปแบบ เริ่ม13 ส.ค. ย้ำให้ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขเคร่งครัด แนะจัดกิจกรรมรวมตัวจำนวนมากควรงด หากจำเป็น ให้ประสานสาธารณสุขในพื้นที่และแจ้งผู้ว่าฯทราบ ขณะที่โควิดทั่วโลกยังหนัก สหรัฐ-บราซิล-อินเดียครอง3อันดับสูงสุด ขณะที่จีนเริ่มทดลองวัคซีน“ชิโนวัค”ระยะสุดท้ายในคนที่อินโดนีเซีย
เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสรุปข้อมูลสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยประจำวัน และการระบาดในหลายประเทศทั่วโลกที่ยังน่าเป็นห่วง
ติดเชื้อเป็นศูนย์-หายเพิ่ม3
ข้อมูลจาก ศบค.ระบุว่า วันนี้ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นทั้งในสถานที่กักตัวของรัฐ และการตรวจหาเชื้อเชิงรุกในประเทศ ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสมยังอยู่ที่ 3,351 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 2,444 ราย และตรวจพบในสถานที่กักตัวของรัฐ 414 ราย รักษาหายป่วยเพิ่ม 3 ราย ยอดหายป่วยสะสมรวม 3,163 ราย มีผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล 130 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 58 ราย
สำหรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อทั่วโลก จนถึงเวลา 17.00 น.นั้น จากจำนวนผู้ติดเชื้อรวม 213 ประเทศ มีผู้ติดเชื้อรวม 20,273,569 ราย อาการรุนแรง 64,542 ราย รักษาหายแล้ว 13,201,059 ราย เสียชีวิต 738,490 ราย อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดยังเป็น 1.สหรัฐอเมริกา 5,251,446 ราย เสียชีวิต 166,192 ราย 2. บราซิล 3,057,470 ราย เสียชีวิต 101,857 ราย 3.อินเดีย 2,269,052 ราย เสียชีวิต 45,361 ราย 4.รัสเซีย 897,599 ราย เสียชีวิต 15,313 ราย และ5. แอฟริกาใต้ 563,598 ราย เสียชีวิต 10,621 ราย ส่วนประเทศไทย อยู่ในอันดับ 112 จำนวน 3,351 ราย ทั้งนี้ มีเที่ยวบินนำคนไทยกลับประเทศวันที่ 11 สิงหาคม 367 ราย จากสหรัฐและเยอรมนี ส่วนวันที่ 12 สิงหาคมมี 123 ราย จากเกาหลีใต้
ไฟเขียวเปิดเรียนปกติ13สค.
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)ว่า นายสนิท แย้มเกษร รองเลขาธิการ ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีหนังสือแจ้งผู้อำนวยการสำนักเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ เรื่อง การทดลองเปิดเรียนแบบ On-site ในสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด -19 เต็มรูปแบบทั่วประเทศ โดยระบุว่า จากการประชุม ศบค. วันที่ 7 สิงหาคม นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ แถลงหลังประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการการเฝ้าระวังของโรคดังกล่าว โดยทดลองเปิดเรียนแบบ On-site ของสถานศึกษาเต็มรูปแบบ แต่นักเรียนต้องจดบันทึกการเดินทางไปสถานที่ต่างๆ หลังเลิกเรียน เพื่อเป็นมาตรการติดตามนักเรียน หากเกิดการระบาดในสถานศึกษา และสถานศึกษาต้องปรับการจัดการเรียนการสอน โดยเน้นจัดกิจกรรมนอกห้องเรียน เพื่อใช้ห้องเรียนให้น้อยที่สุด ซึ่งการทดลองครั้งนี้ได้รับการอนุมัติจากนายกรัฐมนตรีและสามารถทดลองเปิดเรียนแบบ On-site เต็มรูปแบบทั่วประเทศได้ ตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2563 เป็นต้นไป จึงขอให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่งแจ้งสถานศึกษาในสังกัดให้จัดการเรียนการสอนเต็มรูปแบบ ทุกรูปแบบ ให้ทดลองเปิดเรียนแบบ On-Site ทั่วประเทศ ทั้งนี้ ให้ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข ทั้ง 5 ข้ออย่างเคร่งครัด
เข้ม5มาตรการเว้นระยะห่าง
หนังสือดังกล่าวยังย้ำถึงการดำเนินมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม โดยให้โรงเรียนจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในห้องเรียนได้ หากสถานศึกษาจำเป็นต้องจัดกิจกรรมที่ทำให้เกิดการรวมตัวจำนวนมาก เช่น ประชุม หรือจัดกิจกรรมรื่นเริงที่มีคนจำนวนมากในสถานศึกษา ควรงดเว้นหรือถ้าจำเป็นต้องจัดให้สถานศึกษาประสานสาธารณสุขในพื้นที่หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบการเฝ้าระวังให้ความเห็นชอบ และแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทราบ
คิวบากลับมาล็อคดาวน์อีก
อีกด้านหนึ่ง สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่ยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้รัฐบาลต้องกลับมาใช้มาตรการที่เข้มข้นในการควบคุมการระบาดอีกครั้ง เช่น รัฐบาลคิวบากลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์ ควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 หลังวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อรายใหม่วันเดียวถึง 93 ราย มากสุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ครั้งใหม่ ที่มีการการออกคำสั่งปิดชายหาด ร้านเหล้า ภัตตาคาร คุมเข้มการเดินทางทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจะคงมาตรการล็อกดาวน์นี้ไปจนกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่มีแนวโน้มลดลง สำหรับตัวเลขผู้ติดเชื้อขณะนี้มีอยู่ 3,046 ราย เสียชีวิต 87 ราย
เม็กซิโกตายพุ่งที่3-ติดเชื้ออื้อ
ขณะที่เม็กซิโกยังเผชิญการระบาดรุนแรงของเชื้อโควิด-19 ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งเกิน 53,000 คน เป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐ และบราซิล โดยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตเกือบ 5,000 คน ขณะที่แต่ละวันยังมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มจำนวนหลายพันคน ล่าสุด เม็กซิโกมีผู้ติดเชื้อสะสม 485,836 คน มากเป็นอันดับ 6 ของโลก รัฐบาลพยายามถ่วงดุลระหว่างการใช้มาตรการควบคุมโรคกับการเปิดเศรษฐกิจ เพื่อพยุงไม่ให้มีผลกระทบมากไปกว่านี้
จีนทดลองวัคซีนระยะสุดท้าย
ส่วนความคืบหน้าการศึกษาพัฒนาวัคซีน บริษัท ซิโนวัค ไบโอเทค ของจีนเริ่มทดลองวัคซีนโควิด-19 ระยะสุดท้ายในมนุษย์ ในอินโดนีเซีย โดยใช้ผู้เข้าร่วมทดลอง 1,620 คน วัคซีนดังกล่าว บริษัทซิโนวัคฯพัฒนาร่วมกับบริษัท ไบโอ ฟาร์มา ของรัฐบาลอินโดนีเซีย เป็นวัคซีนทางเลือกอีกชนิดในการใช้ป้องกันโรคโควิด-19 โดยมีชื่อว่า โคโรนาวัค (CoronaVac) หรือ พิโควัค (PiCoVacc) เป็นหนึ่งในวัคซีนที่มีศักยภาพไม่กี่ชนิดที่ผ่านเข้าสู่การทดลองระยะสุดท้าย เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพ ก่อนรออนุมัติให้ใช้ นอกจากอินโดนีเซียแล้ว โคโรนาวัคยังอยู่ระหว่างทดลองขั้นสุดท้ายในบราซิลด้วย โดยมีผู้เข้าร่วมทดลองมากถึง 9,000 คน สำหรับการทดลองในอินโดนีเซียมีขึ้นช่วงที่อินโดนีเซียกำลังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้ป่วยมากกว่า 127,000 คน นับจนถึงวันนี้ และจนถึงขณะนี้มีผู้สมัครเข้าร่วมทดลองวัคซีนแล้ว 1,215 คน โดยจะใช้เวลาทดลอง 6 เดือน ส่วนสาเหตุที่ซิโนวัคต้องทดสอบวัคซีนในต่างประเทศ ก็เพราะจีนไม่ได้เป็นประเทศที่เหมาะกับการทดลองระยะสุดท้ายอีกต่อไป เพราะผู้ติดเชื้อใหม่มีจำนวนน้อย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี