ตลอดระยะเวลามากกว่า 55 ปี ที่กรมชลประทานดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริมาแล้วมากกว่า 3,000 โครงการ เก็บกักน้ำได้เพิ่มขึ้น 6,743 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่รับประโยชน์ 4.88 ล้านไร่ และมีราษฎรได้รับประโยชน์กว่า 576,000 ครัวเรือน ขยายพื้นที่ชลประทานได้ 3.37 ล้านไร่ พร้อมทั้งยังนำมากำหนดแนวทางขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ภายใต้กรอบแนวคิด “RID No.1” โดยให้ความสำคัญในการเร่งรัดดำเนินงานโครงการอันเนื่ิองมาจากพระราชดำริเป็นอันดับแรก นอกจากนี้ ยังนำพระราชกระแสของ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ที่ทรงให้ สืบสาน รักษา ต่อยอด และเร่งรัดงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรรัชกาลที่ 9 ให้แล้วเสร็จ เพื่อให้สามารถบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรได้ตามพระราชประสงค์มาดำเนินการ
ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า โครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่กรมชลประทานดำเนินการนั้น สามารถแก้ไขความเดือดร้อนให้ประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม ผลประโยชน์ที่ได้รับนอกจากเป็นการเพิ่มพื้นที่ชลประทาน เพิ่มแหล่งน้ำอุปโภคบริโภค บรรเทาอุทกภัย และนำน้ำที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลเข้าระบบเพื่อการจัดการที่เกิดประโยชน์สูงสุดแล้ว ยังเป็นการพัฒนาแหล่งน้ำที่สอดคล้องเและเชื่อมโยงกัน นำไปสู่การวางแผนพัฒนาแต่ละลุ่มน้ำให้เกิดประสิทธิภาพชัดเจน
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงริเริ่มโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ เมื่อครั้งยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยมีพระราชดำริให้กรมชลประทานพิจารณาจัดทำโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในตำบลยางหักอันเนื่องมาจากพระราชดำริขึ้น เพื่อช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ดังกล่าว
โครงการพัฒนาแหล่งน้ำในตำบลยางหักอำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี จึงนับเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริโครงการแรกของพระองค์ โดยก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขึ้น 5 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำห้วยแม่ประจัน 2 อ่างเก็บน้ำบ้านพุกรูดอ่างเก็บน้ำเขาหัวแดง อ่างเก็บน้ำห้วยพุกรูด และอ่างเก็บน้ำหินสีตอนบน ในปัจจุบันอ่างเก็บน้ำทั้ง 5 แห่งดังกล่าว ส่งน้ำให้พื้นที่เพาะปลูกในตำบลยางหัก มากกว่า 7,300 ไร่ได้ทั่วถึง ช่วยส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรม สร้างฐานะรายได้ที่ดีขึ้น ราษฎรที่เคยอพยพทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดไปเพราะการประกอบอาชีพที่ไม่ได้ผล พากันกลับสู่บ้านเกิดด้วยความหวังในชีวิตที่เกิดขึ้นจากน้ำพระราชหฤทัย เมื่อครั้นพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์ พระองค์ให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาแหล่งน้ำและปัญหาในด้านน้ำมากเป็นพิเศษ เช่น เมื่อครั้งพายุโซนร้อนเซินกา พัดถล่มภาคอีสานทำให้ อ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น ตำบลพังขว้าง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร เสียหาย พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รีบปรับปรุงอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น ให้ใช้การได้โดยเร็ว และทรงรับโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น ไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
กรมชลประทานดำเนินการปรับปรุงอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้นอันเนื่องมาจากพระราชดำริ แล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 2561 ทำให้ราษฎรบ้านห้วยทรายหมู่ที่ 4 บ้านพังขว้างเหนือ หมู่ที่ 2 ตำบลพังขว้าง และบ้านขมิ้น หมู่ที่ 2บ้านพาน หมู่ที่ 8 ตำบลขมิ้น อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร รวม 1,223 ครัวเรือน 4,584 คน มีน้ำใช้ทำเกษตรและอุปโภคบริโภคเพียงพอ และส่งน้ำสนับสนุนพื้นที่ทำการเกษตรในฤดูแล้ง 1,000 ไร่ และฤดูฝน 3,000 ไร่ ปัจจุบันมีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศกว่า 100 โครงการ รวมทั้งยังทรงห่วงใยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จึงมีพระราชกระแสให้สืบสาน รักษา ต่อยอด และเร่งรัดงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ของรัชกาลที่ 9 ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ บังเกิดประโยชน์สูงสุดกับราษฎร
ดร.ทองเปลวกล่าวด้วยว่า ปีนี้ (2563) กรมชลประทานได้ดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่สำคัญ เช่น โครงการประตูระบายน้ำศรีสองรักอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9ทรงมีพระราชดำรัสเมื่อปี 2520 มีความสำคัญตอนหนึ่งว่า “....ควรพิจารณาสร้างฝายทดน้ำหรือเขื่อนทดน้ำตามความเหมาะสมในลำน้ำเลยตอนล่าง เพื่อส่งน้ำให้กับพื้นที่เพาะปลูกผืนใหญ่สองฝั่งแม่น้ำเลย ในเขตอำเภอเชียงคาน โดยระบายน้ำจากเขื่อนเก็บกักน้ำในลุ่มน้ำเลยตอนบนลงมาเสริมปริมาณน้ำธรรมชาติที่ฝายทดน้ำหรือเขื่อนทดน้ำเลยตอนล่างดังกล่าว....”
กรมชลประทานสนองพระราชดำริ โดยก่อสร้างประตูระบายน้ำศรีสองรักอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ปิดกั้นแม่น้ำเลยก่อนที่จะไหลลงสู่แม่น้ำโขง ที่อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ประกอบด้วยงานสำคัญๆ ได้แก่ การก่อสร้างปตร.ศรีสองรักปิดกั้นระหว่างลำน้ำเลยกับลำน้ำโขง ระบายน้ำได้สูงสุด 2,500 ลบ.ม.ต่อวินาที โดยช่วงน้ำหลากจะยกบานประตูเพื่อเร่งระบายน้ำในแม่น้ำเลยลงแม่น้ำโขง ส่วนช่วงน้ำโขงหนุน ประตูจะปิดบานกั้นน้ำโขงไม่ให้ไหลเข้ามาในแม่น้ำเลย รวมทั้งทำหน้าที่สำคัญในการทดน้ำเพื่อเก็บกักน้ำในแม่น้ำเลยไว้ใช้ในฤดูแล้ง การก่อสร้างประตูระบายน้ำในลำน้ำเลยแบบให้เรือสัญจรผ่านได้ ระบายน้ำได้สูงสุด 400 ลบ.ม.ต่อวินาที นอกจากนี้ ยังจะขุดช่องลัดเชื่อมแม่น้ำเลยที่บ้านคกมาก หมู่ 3 อำเภอเชียงคาน ความยาว 1 กิโลเมตร เพื่อย่นระยะเวลาระบายน้ำด้านท้ายแม่น้ำเลยให้เร็วขึ้น พร้อมทั้งก่อสร้างระบบส่งน้ำ สถานีสูบน้ำถาวรอีกด้วย
ทั้งนี้ เมื่อแล้วเสร็จจะช่วยเก็บน้ำส่งให้พื้นที่การเกษตรสองฝั่งของแม่น้ำเลยกว่า 90,600 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 44 หมู่บ้าน 7 ตำบล มีประชากรได้รับประโยชน์รวมกว่า 9,287 ครอบครัว อีกทั้ง ยังช่วยเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเพื่ออุปโภค-บริโภคให้ภาคการท่องเที่ยวเมืองเชียงคานได้อีกปีละ 1.02 ล้านลบ.ม. และช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยซ้ำซากในอำเภอวังสะพุง อำเเภอเมือง และอำเภอเชียงคาน โดยใช้งบประมาณก่อสร้างทั้งสิ้น 5,000 ล้านบาทคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้ คือ ปี 2565
นอกจากนี้ ในปี 2563 กรมชลประทานยังดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำลำน้ำชีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งโครงการนี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานพระราชดำริ สรุปความว่า “..ควรพิจารณาเลื่อนเขื่อนเก็บกักน้ำลำน้ำชีมาก่อสร้างใต้ลงไปที่พิกัด 47PQT984-485 ซึ่งอ่างเก็บน้ำอาจเล็กลง แต่ปัญหาเรื่องที่ดินภายในอ่างเก็บน้ำมีน้อย สามารถทำการก่อสร้างได้...”
กรมชลประทานได้น้อมนำพระราชดำริ ไปศึกษาความเหมาะสม พร้อมเปิดโอกาสให้ประชาชนและผู้เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น ซึ่งประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่ให้การสนับสนุน กระทั่งวันที่ 2 ธันวาคม 2562 คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำลำน้ำชีอันเนื่องมาจากพระราชดำริณ บริเวณพื้นที่บ้านยางนาดี ตำบลชีบน อำเภอบ้านเขว้า และพื้นที่บ้านละหานค่ายตำบลโคกสะอาด อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ งบประมาณ 3,100 ล้านบาท
โครงการอ่างเก็บน้ำลำน้ำชีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดกลาางความจุ 70.21 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับพื้นที่เกษตร เมื่อแล้วเสร็จจะเพิ่มพื้นที่ชลประทานในฤดูฝน 75,000 ไร่ และฤดูแล้ง 30,000 ไร่ รวมทั้งยังบรรเทาปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ชุมชนและเขตเกษตรกรรม เป็นแหล่งน้ำด้านการอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรม และสนับสนุนการประมง ตลอดจนรองรับแผนพัฒนาที่เพิ่มขึ้นให้เต็มศักยภาพในลุ่มน้ำชีอีกด้วย
โครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริมากกว่า 3,000 โครงการที่ผ่านมา และกำลังจะเกิดขึ้นอีกหลายโครงการในอนาคต ล้วนแต่สร้างประโยชน์ สร้างฐานะทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับพสกนิกร ขณะเดียวกันก็สร้างความมั่นคงในด้านน้ำให้กับประเทศชาติอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี