นายภูผา บัวบุญ หัวหน้าสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดแพร่ กล่าวว่า ส้มเขียวหวานเป็นผลไม้ขึ้นชื่อประจำอำเภอลอง และอำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ มีชื่อเสียงด้านรสชาติดีไม่เหมือนถิ่นอื่นคือ หวานกลมกล่อมและหวานอมเปรี้ยวในบางฤดู ผลใหญ่ กลมแป้น ผิวเนียน สีผิวเขียวอมเหลือง เส้นใยไม่ติดเนื้อ หรือส้มเปลือกล่อนเนื้อ สีเหลืองส้มฉ่ำน้ำ น้ำในผลสม่ำเสมอ เนื้ออวบมีพื้นที่ปลูกรวม 17,422 ไร่ ให้ผลผลิตแล้ว 14,294 ไร่ เกษตรกร 2,460 ครัวเรือน ผลผลิตออกสู่ตลาดปีละ 3 รุ่น รุ่นที่ 1 ช่วงเดือนตุลาคม-มกราคม จะมีปริมาณมากที่สุด ส้มมีรสหวาน รุ่นที่ 2 ช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ปริมาณระดับปานกลาง ส้มมีรสหวานนำเปรี้ยว และรุ่นที่ 3 ช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคมมีปริมาณน้อย และส้มมีรสเปรี้ยวนำ ซึ่งแต่ละปีผลผลิตจะออกมาพร้อมกัน เกษตรกรขาดการวางแผนการผลิต ตัดราคากันเองทำให้พ่อค้าคนกลางกดราคา ปัจจุบันส้มเขียวหวานเบอร์ใหญ่สุดคือ 000, 00 และ 0 ซื้อราคาเดียวกันที่ไม่เกินกิโลกรัมละ 20 บาท เบอร์ 1 ขายได้ราคา 10 บาท เบอร์ 2-3 ราคา 3 บาท และเบอร์ 4 ราคา 1 บาท ถึงแม้เกษตรกรชูส้มปลอดสารพิษเป็นจุดขาย แต่ราคายังไม่ขยับขึ้น ส้มขนาดใหญ่ที่เคยมีราคากิโลกรัมละ 20 บาท ปัจจุบันลดต่ำลงเหลือไม่ถึงครึ่งซึ่งตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เกษตรกรประสบภาวะขาดทุนต่อเนื่อง ยิ่งปีนี้รุนแรงกว่าเดิมด้วยสถานการณ์ภัยแล้งโดยเฉพาะการระบาดไวรัสโควิด-19 สวนส้มที่ไม่มีระบบน้ำดีพอ หรือขาดแหล่งน้ำต้นทุนไม่มีน้ำหล่อเลี้ยงใบเหี่ยวแห้งเสียหายประมาณร้อยละ 20 ของพื้นที่ปลูกส้ม มีผลต่อคุณภาพผลผลิต เช่น ขนาดเล็กหรือใหญ่เกินไปไม่สามารถนำเข้าตลาดได้ แม้ยังคงรสชาติดีก็ตาม รวมทั้งราคาตกต่ำจากเฉลี่ยกิโลกรัมละ 30 บาท เหลือเพียง 10 บาท อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าคือ จัดการน้ำ ซึ่งตำบลนาพูนมีพื้นที่เกษตรจำนวนมาก แต่เป็นพื้นที่มีโฉนดเพียง 4,000 ไร่เท่านั้น ดังนั้น การช่วยเหลือด้านน้ำต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ก่อน เช่น พื้นที่ป่า ต้องได้รับความเห็นชอบจากกรมป่าไม้
อย่างไรก็ตาม สภาเกษตรกรจังหวัดแพร่ลงพื้นที่เปิดเวทีฟังปัญหาเกษตรกรเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลนาพูน เป็นเวทีแสดงความเห็นนำเสนอปัญหาของเกษตรกร เช่น ปัญหาราคาตกต่ำ ขาดการรวมกลุ่ม ไม่มีการวางแผนการผลิต ภัยแล้งและโรคแคงเกอร์ ดินอุดมสมบูรณ์ต่ำ ปุ๋ยและสารเคมี พื้นที่ปลูกไม่มีเอกสารสิทธิ ผลผลิตเก็บได้ไม่นาน ให้หน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องรับทราบปัญหาช่วยป้องกันแก้ไขตรงจุด โดยสภาเกษตรกรจังหวัดแพร่ยื่นข้อเสนอเชิงนโยบายแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาให้เกษตรกรต่อไป
ขณะที่นายสมบูรณ์ ล่ายวน อายุ 64 ปี เกษตรกรเจ้าของ “สวนแม่แขมหลง” เปิดเผยว่า ปัญหาส้มที่เกิดขึ้นหนักสุดคือภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง บวกกับปัญหาไวรัสโควิด-19ระบาดปีนี้ ราคาร่วงมากจะเก็บผลผลิตเอาไว้ก็ยื้อไม่ไหวงอมจัดลม/ฝนมาก็ร่วงหมดไม่ได้ขาย พยายามหาตลาดโดนกดราคา ส้ม 20 ลัง ขายได้แค่ 2 พันกว่าบาท ไม่คุ้มกับค่าแรง/ค่าน้ำมัน ตลาดท้องถิ่นปิดเช่นเดียวกับตลาดต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย อย่างไรก็ตาม ในการทำสวนส้มนั้นไม่ได้ขายแค่ผลสดอย่างเดียว ที่สวนยังตอนกิ่งพันธุ์ ชำกับพื้นดินจำหน่าย ลำต้นเท่านิ้วก้อย สูงประมาณ 50-60 เซนติเมตร ราคากิ่งละ 50 บาท รอบหนึ่งผลิตได้ประมาณ 100-200 กิ่ง แต่ก็ไม่พอขาย อยากให้สภาเกษตรกรจังหวัดแพร่เข้ามาช่วยเป็นพี่เลี้ยงเรื่องของการแปรรูป การตลาด การอบรมให้ความรู้ ด้วยพืชเศรษฐกิจผัก ผลไม้ ยางพารา อื่นๆต่างก็มีพี่เลี้ยง มีตัวช่วย แต่ส้มนั้นไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาดูแลช่วยเหลือ สภาเกษตรกรเป็นปากเสียงตัวแทนของเกษตรกรจึงหวังพึ่งต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี