พี่สาวพร้อมญาติๆ ของ นศ.ปี 1 ม.ดังที่เสียเป็นลมชีวิต ระหว่างซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ เข้าแจ้งความที่สภ.เมืองภูเก็ต ขอตร.ช่วยสอบสวนข้อเท็จจริง หลังข้อมูล 2 ด้านไม่สอดคล้อง ขณะที่อธิการบดีมรภ.ภูเก็ต พร้อมคณะอาจารย์ แถลงเสียใจ กรณีนศ.ปี 1 เสียชีวิตหลังเกิดอาการช๊อกหมดสติขณะซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ ยันแค่เตรียมแข่งกีฬาสี ไม่ใช่กิจกรรมรับน้อง ไม่นิ่งนอนใจเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง เบื้องต้นเตรียมช่วยเหลือเยียวยาครอบครัว จำนวน 1 แสนบาท
วันที่ 21 สิงหาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกโซเชียลมีเดียมีการแชร์ภาพพร้อมข้อความ แสดงอาลัยและเรียกร้องให้มีการสอบสวนกรณีการเสียชีวิตของนางสาวพรพิพัฒน์ เอียดดำ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต หลังจากที่เกิดอาการช็อกหมดสติและเข้ารับการรักษาตัวที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ก่อนจะเสียชีวิต เมื่อเวลาประมาณ 18.20 น.วานนี้ ( 20 ส.ค.63 )
ทั้งนี้ ผู้ใช้เฟสบุ๊กรายหนึ่งระบุว่า นางสาวพรพิพัฒน์ เสียชีวิตจากการที่รุ่นพี่ลงโทษด้วยการให้วิ่งจนช็อก เหตุมาจากการซ้อมหลีด (เชียร์ลีดเดอร์) และเสียชีวิตในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตาม ได้มีผู้เข้าไปแสดงความเห็นเป็นจำนวนมากรวมทั้งมีการโพสต์ข้อความเปิดเผยภาพโปรไฟล์เฟสบุ๊กของรุ่นพี่ที่สั่งให้น้องวิ่งจนเกิดเหตุ
ความคืบหน้าล่าสุด ที่สภ.เมืองภูเก็ต บรรดาญาติๆของ นางสาวพรพิพัฒน์ ผู้เสียชีวิต นำโดย น.ส.วิลาวรรณ เอียดคำ ซึ่งเป็นพี่สาว เดินทางเข้าพบพ.ต.ท.ชน สุทธิมาศ รองผกก.(สอบสวน)สภ.เมืองภูเก็ต เพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวันพร้อมขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิตนางสาวพรพิพัฒน์ หลังพบว่าข้อมูลจากที่อาจารย์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตแจ้ง กับ ข้อมูลที่ได้ๆจากเพื่อนๆผู้เสียชีวิต ไม่สอดคล้องกัน
น.ส.วิลาวรรณ เอียดดำ พี่สาวผู้เสียชีวิต เล่าว่า เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมาทางมหาวิทยาลัยฯ ได้แจ้งกับครอบครัวว่า น้องเป็นลมและได้นำส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ทางครอบครัวจึงรีบเดินทางไปที่โรงพยาบาล เมื่อไปถึงก็พบว่าน้องอยู่ในห้องฉุกเฉิน ซึ่งมีหมอและพยาบาลให้การช่วยเหลืออยู่ โดยทางหมอแจ้งว่าว่าน้องมีอาการหนัก ซึ่งขัดแย้งกับอาการเป็นลม และทางหมอแจ้งว่าน้องมีเลือดออกในช่องปอด ซึ่งอาการนี้มันยังหาสาเหตุไม่ได้ตามที่ทางมหาวิทยาลัยฯแจ้งว่าเกิดจากอาการเป็นลม จากนั้นวันที่ 20 ส.ค.หมอก็ยังสอบถามว่าสาเหตุของน้องเกิดจากอะไรกันแน่ และในวันนั้น เพื่อนๆ รุ่นพี่และอาจารย์ของมหาวิทยาลัยได้เดินทางมาถึง ทางเราจึงได้สอบถามว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไรซึ่งดูจากอาการแล้วไม่น่าจะใช่เป็นลม ซึ่งทางอาจารย์ได้แจ้งว่าก่อนเกิดเหตุน้องได้ไปซ้อมหลีด(เชียร์ลีดเดอร์) ซึ่งก่อนการซ้อมหลีดจะมีการวิ่งวอร์มร่างกายซึ่งน้องวิ่งได้เพียง 1 รอบก็เกิดอาการเป็นลม จากนั้นเพื่อนๆเลยนำน้องมาส่งทางโรงพยาบาล ซึ่งอาจารย์และรุ่นพี่น้องๆ เพื่อนๆ เล่าข้อมูลมาเพียงเท่านี้ กระทั่งเมื่อเวลา 18.20 น วานนี้(20 ส.ค.63) น้องได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต
ทั้งนี้ น.ส.วิลาวรรณ เอียดดำ กล่าวต่อว่า จากข้อมูลที่พบในเพจต่างๆเเละจากการสอบถามความจริงกับเพื่อนๆของน้อง พบว่ามีข้อมูลที่ขัดแย้งกับอาการเป็นลมที่ระบุ ซึ่งเพื่อนของน้องให้ข้อมูลว่าน้องได้ถูกทำโทษ หลังจากที่น้องได้มาซ้อมหลีดสาย เนื่องจากต้องทำงานอยู่ที่อีกตึกหนึ่ง โดยรุ่นพี่ได้สั่งให้วิ่งจำนวน 8 รอบ ซึ่งน้องวิ่งได้ในรอบที่ 7 ก่อนจะมีอาการช๊อก ตาเหลือก ตาค้าง
อย่างไรก็ตามในตอนนี้น้องเสียชีวิตไปแล้ว ก็ต้องทำใจ ทางครอบครัวเองและทางญาติพี่น้องไม่ได้ต้องการให้มหาวิทยาลัยเสียชื่อเสียง แต่ยังติดใจว่าทำไมทางมหาวิทยาลัยไม่ได้ให้ข้อมูลที่แท้จริงกับทางครอบครัวและหมอ เพื่อเป็นประโยชน์การรักษา วันนี้จึงเดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวันเพื่อต้องการข้อเท็จจริงจากปากของอาจารย์และรุ่นพี่ โดยอยากให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์สุดท้ายของน้องๆ และไม่อยากให้มีการกระทำเช่นนี้ก็อีก เพราะบุตรหลานใคร ใครก็รัก
ทั้งนี้ น.ส.วิลาวรรณ ยื่นยันว่า น้องสาวเป็นคนที่ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงเป็นเด็กกิจกรรมของโรงเรียนตั้งแต่ชั้นประถม จนเข้ามหาลัยชั้นปีหนึ่ง หลังจากที่เสียชีวิตทางมหาวิทยาลัยได้ติดต่อมาขอจัดการในเรื่องค่าใช้จ่ายในการทำศพซึ่งตอนนี้ศพของน้องยังอยู่ที่โรงพยาบาลคาดว่าจะนำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดท่าเรือ อำเภอถลางจังหวัดภูเก็ต
ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน ที่บริเวณลานด้านหน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติฯ (ตึกสีม่วง) มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต ผศ.ดร.หิรัญ ประสานการ อธิการบดีมหาลัยราชภัฏภูเก็ต พร้อม ผศ.ดร.นพดล จันระวัง รองอธิการบดี ฝ่ายกิจกรรม, นายธีรพงษ์ หนูไชยแก้ว คณบดี คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ ตลอดจนผู้เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแถลงข่าวกรณีการเสียชีวิตของนางสาวพรพิพัฒน์ เอียดดำ (น้องมิ้นท์) นักศึกษาสาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 หลังจากเกิดอาการช็อกหมดสติและเข้ารับการรักษาตัวที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต
โดย ผศ.ดร.หิรัญ กล่าวว่า ก่อนอื่นทางมหาวิทยาลัย ฯ ขอแสดงความเสียใจความเสียใจเป็นอย่างสูงต่อครอบครัวของนักศึกษา และทางมหาวิทยาลัยฯ มิได้นิ่งนอนใจ โดยจะให้ความช่วยเหลือเยียวยาในเบื้องต้น จำนวนเงิน 100,000 บาท และได้ติดต่อประสานงานกับครอบครัวของนักศึกษาแล้วพร้อมกันนี้จะได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน และขอทำความเข้าใจด้วยว่า การสูญเสียครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากกิจกรรมการรับน้องใหม่ตามที่เป็นข่าว เป็นเพียงส่วนหนึ่งกิจกรรมกีฬาสีของคณะฯ ซึ่งจะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ โดยเป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากการเตรียมกิจกรรมกีฬาสีเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา ส่วนผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น เมื่อได้ข้อเท็จจริงที่ยุติก็จะมีการแถลงให้ทราบกันอีกครั้ง โดยคณะกรรมการฯ จะประกอบด้วยฝ่ายบริหารฯ และนิติการ เป็นไปตามองค์ประกอบของการสอบหาข้อเท็จจริง หากผลการสอบพบมีความผิดจะมีการลงโทษทางวินัยต่อไป
ด้านนายธีรพงษ์ หนูไชยแก้ว คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ฯ กล่าวว่า ในส่วนของสาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้น ทางฝั่งของพ่อแม่ของน้องได้มีการพูดคุยกับเพื่อนคนที่ควบคุม คือ มีรุ่นพี่ที่คอยควบคุมและอาจารย์ได้อยู่ที่โรงพยาบาลคอยที่จะดูแลในส่วนนี้ ก็ได้มีการพูดคุยเบื้องต้นแล้ว โดยที่เราทราบเบื้องต้นว่า มีการซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ ทำให้น้องมีอาการวูบก่อนที่จะมีการนำส่งโรงพยาบาลและเข้าไอซียู ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต้องรอผลการชันสูตรที่ชัดเจนของทางแพทย์
ขณะที่ ผศ.ดร.นพดล จันระวัง รองอธิการบดี ฝ่ายกิจกรรมฯ กล่าวน้ำว่า กิจกรรมดังกล่าวไม่ใช่กิจกรรมรับน้องใหม่ แต่เป็นกิจกรรมกีฬาของคณะฯ ซึ่งจะมีการแข่งขันเชียร์ลีดเดอร์ ซึ่งจะมีผู้สมัครใจเข้าร่วม และมีผู้สนใจเข้าร่วมจำนวนมาก และกิจกรรมนี้จะมีการฝึกซ้อม เบื้องต้นได้มีการซักถามอาจารย์ประจำสาขา และรุ่นพี่ ทราบว่า เป็นการซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ เพื่อไปแข่งขันในระดับคณะ และทางอาจารย์ได้มีการควบคุมอย่างเข้มงวด เป็นกิจกรรมกีฬา ไม่ใช่กิจกรรมรับน้อง ซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้ประกาศห้ามชัดเจน โดยในส่วนรุ่นพี่ก็มีความเสียใจเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ทางมหาวิทยาลัยฯ จะต้องเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพื่อให้ความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี