ปส.ทลายเครือข่าย
ขนเฮโรอีนข้ามชาติ
ยึดทรัพย์สิน18ล้าน
เร่งสอบขยายผลคดี
ปส.ทลายเครือข่ายค้าเฮโรอีนข้ามชาติ ยึดทรัพย์สินต่างๆ รวมมูลค่ากว่า 18 ล้านบาท เร่งสอบปากคำ 2 ผู้ต้องหา ขยายผลทางคดี ส่วน 1 ใน 2 ผู้ต้องหาปฏิเสธไม่เกี่ยวข้อง แค่เคยรับว่าจ้างให้ไปส่งคนจีนเท่านั้น
เมื่อวันที่ 27สิงหาคม พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส. พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.กฤษณ์ วาฤทธิ์ ผบก.ปส.1 พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบก.ปส.3 พร้อมคณะ ร่วมกับนายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ผู้แทน ปปง.ผู้แทน กอ.รมน.และตำรวจ สน.อุดมสุข เข้าตรวจค้นและจับกุมคนร้ายรายสำคัญเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดข้ามชาติชาวไต้หวัน
พล.ต.ท.ชินภัทร กล่าวว่าการจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากทาง บช.ปส.ได้รับการประสานจากทางการไต้หวัน ว่ามีการเข้าจับกุมผู้ต้องหา พร้อมกับยึดของกลางเฮโรอีน 22 กิโลกรัม ได้ที่สนามบินไต้หวัน โดยพบข้อมูลว่าเฮโรอีนดังกล่าวมีต้นทางจากประเทศไทย ภายหลังรับการประสานจึงสั่งการให้มีการสืบสวนสอบสวนจนพบข้อมูลผู้กระทำผิด และสามารถขออำนาจศาลออกหมายจับ ซึ่งพบว่าเป็นผู้ต้องหารายสำคัญ ประกอบด้วย นายเป็นไทย คำหอม อายุ 36 ปี ดำเนินคดีในความผิดฐานสนับสนุนช่วยเหลือผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปกระทำผิดเกี่ยวกับเสพติด และนายชัยวัฒน์ ชีวินวงศ์สถาพร อายุ 28 ปี ในข้อหาเดียวกัน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมทั้งสองไว้ได้ พร้อมกับเข้าตรวจยึดทรัพย์สินต่างๆ ได้แก่ บ้าน 1 หลัง มูลค่าประมาณ 12 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 1 ห้องพัก ราคาประมาณ 2.3 ล้านบาท รถยนต์ 3 คัน มูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท จักรยานยนต์ 4 คัน มูลค่าประมาณ 8 แสนบาท จักรยาน 1 คัน ราคาประมาณ 1.5 แสนบาท ทองรูปพรรณ มูลค่าประมาณ 3.5 แสนบาท และทรัพย์สินอื่นๆ รวมอีกประมาณ 5.38 แสนบาท รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดประมาณกว่า 18 ล้านบาท
พล.ต.ท.ชินภัทร กล่าวต่อว่า จากการสืบค้นข้อมูลทำให้ทราบว่า นายเป็นไทย มีความเชื่อมโยงกับขบวนการค้าเฮโรอีนข้ามชาติ โดยทำหน้าที่เป็นผู้คอยรับ-ส่งชาวไต้หวัน และชาวจีน ซึ่งเป็นตัวการสั่งยาเสพติดดังกล่าว รวมถึงนำยาเสพติดไปส่งให้กับกลุ่มผู้ที่มีหน้าที่บรรจุใส่กระป๋องแป้ง และบางส่วนก็ใส่ในซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพื่ออำพรางการตรวจสอบ ก่อนจะถูกนำส่งไปยังไต้หวัน
สอบสวนนายเป็นไทย ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่ารู้จักกับนายสมคิด ทวีอภิรดีบำรุง ผู้ต้องหาในเครือข่ายดังกล่าว จากการเล่นฟุตบอลด้วยกันมานานกว่า 1 ปี แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติด โดยช่วงต้นปีที่ผ่านมา ได้รับว่าจ้างจากนายสมคิด ให้ไปรับชาวจีน จากหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง แวะที่ย่านลาดกระบัง ก่อนจะไปส่งสนามบินสุวรรณภูมิ โดยจะได้ค่าจ้าง 2 แสนบาท แต่ระหว่างนั้นมีการขนล้อรถต้องสงสัย ตนจึงเปลี่ยนใจไม่ไปส่ง ทำให้ยังไม่ได้เงินค่าจ้างดังกล่าว และไม่ได้ติดต่อกับนายสมคิด อีก กระทั่งมาถูกจับกุมตัว อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ โดยจะสืบสวนขยายผลทางคดีต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี