‘ส.ว.’ลงพื้นที่น่าน ติดตามปัญหา-พบประชาชนที่ได้รับประโยชน์จากโครงการ คทช.
27 สิงหาคม 2563 ที่ห้องประชุมเจ้าอนันตวรฤทธิเดช ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดน่าน สมาชิกวุฒิสภา โดยคณะกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ (ตอนบน) นำโดย พล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการโครงการคนที่หนึ่ง และนายสมชาย หาญหิรัญ ส.ว. ในฐานะรองประธานกรรมการ คนที่สาม ประชุมหารือร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง นำโดยนายสัมฤทธิ์ สวามิภักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เพื่อรับฟังข้อมูล ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ พร้อมทั้งรับฟังสรุปความคืบหน้าการดำเนินงาน ในประเด็นการบริหารจัดการน้ำ การแก้ไขปัญหาภัยแล้ง การเตรียมการรับอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม
จากนั้นเวลา 14.00 น. คณะ ส.ว.ฯ ลงพื้นที่บ้านพี้กลาง อำเภอย้านหลวง จังหวัดน่าน เพื่อพบปะและรับฟังความคิดเห็นประชาชนที่ได้รับประโยชน์จากโครงการของคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติ (คทช.) โดยมีนายสัมฤทธิ์ สวามิภักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นำคณะหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ให้ข้อมูล พร้อมกับชาวบ้านในพื้นที่
นายอิสรภาพ คำฟู นายกองค์การบริหารส่วนตำบล บ้านพี้ กล่าวว่าพื้นที่นี้เป็นชุมชนจัดการตนเอง พื้นที่ของหมู่บ้านอยู่ในป่าสงวนแห่งชาติ ป่าน้ำยาวและป่าน้ำสวกเนื้อที่กว่า 12,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 4 ตำบล ประกอบด้วยตำบลตาลชุม ตำบลบ้านพี้ ตำบลบ้านยอด และตำบลเปีย เมื่อปี 2559 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีโครงการออกหนังสืออนุญาต คทช. ให้ราษฎรเข้าทำประโยชน์ 19 กลุ่ม เนื้อที่กว่าสามพันไร่ ประชาชนได้ประโยชน์ 103 ครัวเรือน ราษฎรมีสิทธิ์ทำกินในที่ดินที่ถือครองมาก่อนหน้านี้ แต่ไม่สามารถซื้อขายได้ มีการส่งเสริมให้ทำอาชีพต่างๆ ทั้งปลูกพืชล้มลุกพืชยืนต้นผลไม้ต่างๆ แต่ที่ผลประกอบการอยู่ในระดับดีคือ นาขั้นบันไดและเลี้ยงไก่ ส่วนพืชชนิดอื่นๆนั้นมีปัญหาเรื่องระบบน้ำที่ไม่เพียงพอ ขณะที่การเลี้ยงปลาและพืชอื่นๆยังหาตลาดไม่ได้ ชาวบ้านยึดหลัก ดูแลพื้นที่ "สวมหมวกให้ภูเขา สวมรองเท้าให้ตีนดอย" ไม่บุกรุกทำได้เลื่อนลอย
นายแทน สุขยิ่ง ผู้ใหญ่บ้าน บ้านพี้กลาง ตัวแทนของชาวบ้านกล่าวว่า รู้สึกขอบคุณรัฐบาล ที่ทำให้ชาวบ้านมีที่ทำกินโดยไม่ต้องหวาดระแวง ชาวบ้านมีอาชีพมีรายได้ที่มั่นคง หน่วยงานของรัฐในพื้นที่เข้าไปส่งเสริมอาชีพ และส่งเสริมปลูกพืชชนิดต่างๆ อย่างไรก็ตาม อยากจะขอแหล่งน้ำ เพื่อใช้สำหรับการเกษตรตัวแทนชาวบ้านยังได้กล่าวถึงข้อดีของ คทช. คือเกษตรกรได้รับอนุญาตทำกินโดยไม่หวาดระแวง และได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามก็มีข้อเสีย คือ เกิดความเหลื่อมล้ำ ในเชิงพื้นที่แต่ละประเภท โดยมีปัญหาอุปสรรค คือความล่าช้า ไม่ต่อเนื่อง ไม่ชัดเจนในการดำเนินงาน การพัฒนาโครงการตามนโยบายข้ามขั้นตอน หน่วยงานเจ้าหน้าที่ภาครัฐไม่พยายามเข้าร่วมการขับเคลื่อนการพัฒนาที่แท้จริง หน่วยงานที่รับผิดชอบในการพัฒนาระบบน้ำไม่ทำงานตามแผนที่วางไว้ และขาดการสร้างความเข้าใจกระบวนการขั้นตอนและยุทธศาสตร์การพัฒนาและขับเคลื่อนโครงการการออกคู่มือ ขาดการจัดระเบียบของสมาชิก คทช.ยังไม่มีความชัดเจนในการผลิตและการพัฒนาและการใช้พื้นที่แท้จริง ซึ่งคณะวุฒิสภารับที่จะนำปัญหาไปเสนอส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการแก้ไขต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี