สั่งปิด3โรงเรียน
ประจวบคีรีขันธ์-กาญจนบุรี
สกัดโควิดลามจากเมียนมา
ศบค.รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในไทย พบป่วยใหม่ 5 คน กลับจากฟิลิปปินส์ ไม่แสดงอาการ จับตาเมียนมายอดติดเชื้อใหม่พุ่งวันเดียว 107 คน ด้านประจวบฯสั่งปิด 2 ในหัวหิน 1 สัปดาห์ หลังพ่อแม่นักเรียนกลับจากเมียนมาโดยใช้ช่องทางธรรมชาติ และพบนักเรียนมีไข้ กักตัวคนสัมผัส 14 วัน เช่นเดียวกับที่เมืองกาญจน์ ผอ.โรงเรียนบ้านกุยแหย่สั่งหยุดเรียน3 วัน เมื่อนักเรียน 3 คน ไปสัมผัส
2 หนุ่มเมียนมาที่ลักลอบเข้าไทยแล้วมีไข้สูง 40 องศา นายกฯรับกังวลย้ำสั่งคุมเข้มช่องทางชายแดนทุกจุด สกัดโควิดลามจากปท.เพื่อนบ้านเข้าประเทศ แจงปิดรร.ชั่วคราวป้องกันไว้ก่อน ชี้ไทยไร้ติดเชื้อมานาน 3 เดือนก็ใช่ว่าจะไม่มีระลอก 2
เมื่อวันที่ 1 กันยายน ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ในประเทศไทยรายวันว่า พบผู้ป่วยใหม่เพิ่ม 5 คน ในสถานที่กักตัวรัฐ ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยสะสม 3,417 คน กลับบ้านแล้ว 3,274 คน รักษาหายเพิ่ม 22 ราย ยังรักษาตัวในโรงพยาบาล 85 คน โดยเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศทั้งหมด สำหรับกลุ่มผู้ติดเชื้อในประเทศรักษาหายทั้งหมดแล้ว และเสียชีวิตคงที่ 58 คน
ไทยป่วยใหม่5กลับจากฟิลิปปินส์
สำหรับผู้ป่วยใหม่เดินทางมาจากฟิลิปปินส์ 5 คน โดย 3 คนแรกเป็นหญิง สัญชาติฟิลิปปินส์ อายุ 26 28 และ 37 ปี อาชีพครูสอนภาษา เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม เข้าพักสถานที่กักตัวรัฐในกรุงเทพมหานคร และตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม โดยไม่มีอาการ ส่วนคนที่ 4-5 เป็นเด็กชายสัญชาติฝรั่งเศส อายุ 3 ปี และนักเรียนหญิง สัญชาติฝรั่งเศส อายุ 15 ปี เดินทางมาพร้อมครอบครัวถึงไทยเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม เข้าพักในสถานที่กักตัวรัฐในกทม. และตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม โดยไม่มีอาการ
จับตาเมียนมาป่วยใหม่107/วัน
ส่วนสถานการณ์ระบาดของไวรัส โควิด-19 ในอาเซียนวันนี้ ฟิลิปปินส์ พบยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย จำนวนสะสมทะลุ 220,819 ราย มีผู้ป่วยใหม่ 3,423 คน ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์ขยายการใช้ข้อจำกัดอย่างหลวมๆออกไปอีกจนถึงสิ้นเดือนกันยายน อนุญาตให้ธุรกิจส่วนใหญ่ รวมถึงร้านอาหารเปิดให้บริการได้ ขณะที่กิจกรรมทางศาสนาอนุญาตให้มีผู้เข้าร่วมได้ไม่เกิน 10 คน ขณะที่สถานการณ์ระบาดของไวรัสในเมียนมายังน่าเป็นห่วง เนื่องจากมีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ทำสถิติสูงสุดที่ 107 รายทำให้ยอดสะสมทะลุ 882 รายแล้ว
ปิด2รร.ประจวบฯรอดูพ่อแม่นร.
ผู้สื่อข่าวผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในเมียนมา ที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จนทางการไทยต้องสั่งให้ 10 จังหวัดที่มีพรมแดนติดต่อกับเมียนมา เฝ้าระวังด่านชายแดนและด่านธรรมชาติทุกช่องทาง ป้องกันการเดินทางเข้าออกของคนต่างด้าว และการลักลอบเข้าประเทศ แต่ยังมีคนต่างด้าวบางส่วนที่เดินทางเข้าออกและมีอาการผิดปกติ โดยนายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ฝ่ายปกครองอำเภอหัวหินรายงานกรณีโรงเรียนอานันท์ หมู่ 2 ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ โรงเรียนบ้านห้วยไคร้ หมู่ 3 ต.บึงนคร อ.หัวหิน แจ้งหยุดการเรียนการสอนตั้งแต่วันที่ 1–7 กันยายน เนื่องจากทั้งสองโรงเรียนมีนักเรียนทั้งชาวไทยและชาติพันธุ์กะเหรี่ยงและเมียนมา พบมีผู้ปกครองนักเรียนเดินทางข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติจากเมียนมา ในช่วงนี้
นร.มีไข้กักตัว4คนในครอบครัว
“สำหรับโรงเรียนอานันท์มีนักเรียน 576 คน เป็นกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงและเมียนมา 300 คนที่ผ่านมา มีนักเรียนบางรายไม่มาเรียนหนังสือตามปกติ เนื่องจากมีอาการไข้ โดยตรวจสอบพบว่ามีบุคคลในครอบครัวเดินข้ามแดนจากเมืองมูดงของเมียนมา และกลับมาฝั่งไทยวันที่ 26 สิงหาคม 4 ราย นอกจากนั้น บุคคลที่เหลืออยู่ในพื้นที่ เจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ควบคุมโรคที่บ้าน”ผู้ว่าฯประจวบฯกล่าว
เก็บตัวอย่างกลุ่มเสี่ยงตรวจหาเชื้อ
และว่า ส่วนโรงเรียนบ้านห้วยไคร้มีนักเรียน 310 คน เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ 45 คน ไม่มีนักเรียนป่วยเป็นไข้ โดยเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ห้วยสัตว์ใหญ่และแพรกตะคร้อ ลงพื้นที่สอบถามข้อมูลจากประชาชนที่ข้ามประเทศผ่านช่องทางธรรมชาติ ให้ดำเนินมาตรการป้องกันควบคุมการระบาดของโควิด-19” นายพัลลภระบุ และว่า หลังปิดโรงเรียนทั้ง 2 แห่งแล้ว เจ้าหน้าที่สอบสวนควบคุมโรคจากสาธารณสุขอำเภอหัวหินและโรงพยาบาลหัวหินลงพื้นที่ไปตรวจสอบผู้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง และเก็บตัวอย่างไปทดสอบหาเชื้อ ซึ่งทราบผลได้ไม่เกิน 1วัน
กาญจน์ผวา2เมียนมาไข้สูงเข้าไทย
เช่นเดียวกับ นายนิล โชคสงวนทรัพย์ ผอ.ร.ร.บ้านกุยแหย่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี โพสต์เฟซบุ๊กแจ้งผู้ปกครองและนักเรียนให้ทราบว่าโรงเรียนปิดการเรียนการสอน 3 วัน ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 3 กันยายน เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ที่มีความเสี่ยงต่อนักเรียนโรงเรียนบ้านกุยแหย่ โดยก่อนหน้านี้มีบุคคลต่างด้าวชาวเมียนมา 2 รายคือ นายเชิด อายุ 20 ปี และนายแดง อายุ 17 ปี ข้ามจากเมียนมาร์ผ่านช่องทางธรรมชาติ ช่วงพื้นที่แปลง 5 ต.ห้วยเขย่ง มาพักอาศัยอยู่บ้านไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 3 บ้านพุล่อ ต.ลิ่นถิ่น อ.ทองผาภูมิ ซึ่งทั้งสองมีไข้สูง 39-40 องศา เข้าข่ายเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 เจ้าหน้าที่จึงส่งตัวไปที่ รพ.ทองผาภูมิ เพื่อดำเนินการตามมาตรการตรวจวินิจฉัยและเก็บตัวอย่างต่อไป
ปิดรร.บ้านกุยแหย่3วันนร.สัมผัส
นายนิลกล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน พบเด็กนักเรียน 3 ราย ของโรงเรียนบ้านกุยแหย่ ที่อยู่ใกล้กับบ้านหลังที่ชายชาวเมียนมาร์ทั้ง 2 คนป่วยเข้าไปอาศัย และเข้าไปใกล้ชิดชายชาวเมียนมาร์ 2 คน ดังนั้น โรงเรียนบ้านกุยแหย่ จึงแจ้งให้เด็กนักเรียนทั้ง 3 คน หยุดเรียนกักตัวอยู่บ้าน 14 วัน ตรวจวัดไข้ทุกวัน และสังเกตอาการผิดปกติต่อเนื่อง รวมถึงหยุดการเรียนการสอนของโรงเรียนถึงวันที่ 3 กันยายน และจะBig Cleanning Day ต่อไป หากผลตรวจเชื้อของชายชาวเมียนมาทั้งสองออกมาเป็นลบ โรงเรียนจะกลับมาเปิดเรียนตามปกติ
นายกฯกังวล-ย้ำคุมเข้มชายแดน
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมกล่าวถึงกรณีโรงเรียนตามแนวชายแดน เช่น จ.กาญจนบุรีและประจวบคีรีขันธ์ สั่งปิดโรงเรียน เนื่องจากพบชาวเมียนมาลอบเข้ามาในไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ และพบเด็กนักเรียนหลายคนมีไข้สูงว่า ตนวิตกกังวลทุกเรื่อง เพราะเป็นรัฐบาลที่ต้องดูแลประชาชนทั้ง 67 ล้านคน การป้องกันระบาดระลอก 2 ตนบอกไปแล้ววันนี้เราเพิ่มมาตรการเข้มข้นตามแนวชายแดนสกัดกั้น มีการตั้งจุดตรวจ วางกำลังเพิ่มเติม ตามแนวลำน้ำที่มีแรงงานต่างด้าวว่ายน้ำเข้ามา ก็มีเจ้าหน้าที่รอสกัดกั้นอยู่ ต้องดูด้วย เมื่อเจอก็นำมาตรวจคัดกรองรักษา เมื่อเจอในท้องถิ่นชุมชนจะมีรายงานเข้ามา ทุกคนต้องเป็นหูเป็นตา ทุกหน่วยงานก็ทราบดีอยู่ในการป้องกันระบาดรอบ 2
แจงปิดรร.ชั่วคราวเพื่อป้องกัน
นายกฯกล่าวต่อว่า ส่วนการปิดโรงเรียนเพื่อให้ตรวจสอบเด็กนักเรียน หากมีไข้สูง ขณะนี้ชาวบ้าน 2 รายที่มีไข้สูง โรงพยาบาลรับไปรักษาตัวแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นเรารักษาได้ ก็ต้องยอมรับกันว่าตรงนี้เราทำได้ เมื่อมีผู้ลักลอบผ่านเข้าเมืองทางช่องทางธรรมชาติผิดกฎหมาย กำชับให้ตรวจดูแล จับกุม และดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย เห็นได้ว่ามีการดำเนินคดีมาแล้วหลายคดี ทั้งนี้ ได้ปิดโรงเรียนชั่วคราวบางโรงเรียนเพื่อป้องกันไว้ก่อน เพราะเป็นโรงเรียนในพื้นที่ชายแดนใกล้กับประเทศเพื่อนบ้าน เรื่องการระบาดโควิด-19 ในประเทศเพื่อนบ้าน ตนติดตามสถานการณ์จาก ศบค.ตลอด และสั่งการไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทั้งเพิ่มกำลังตำรวจ ทหาร เพิ่มเติม และเพิ่มความเข้มงวด ช่องทางเข้าออกประเทศไทยทุกช่องทาง
ไร้คนติดเชื้อ3เดือนระบาดซ้ำได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ถึงแม้เราไม่มีผู้ติดเชื้อมา 3 เดือน ก็ไม่ใช่จะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น เพราะหลายประเทศก็เกิดมาแล้ว แต่ตนขอย้ำอีกด้านหนึ่งว่า เราเตรียมพร้อมไว้แล้ว ทั้งสถานพยาบาล อุปกรณ์การแพทย์ เรามีพร้อม และอยากให้ทุกคนช่วยกันเข้มงวดให้มากขึ้น เราต้องมอง 2 อย่างให้สมดุล ทั้งนี้ รัฐบาลเน้นการท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อให้เกิดรายรับ ไม่อย่างนั้นบริษัทต่างๆต้องลดลูกจ้างพนักงาน นี่คือสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญ แต่รัฐบาลจำเป็นต้องไปหางบประมาณจ้างงานเพิ่ม ทั้งนิสิต นักศึกษาและผู้ตกงาน ด้วยเหตุผลจากโควิด-19 หรือจากการขาดสภาพคล่อง ต้องดูทุกมิติ เรื่องการทำงาน ไม่ง่าย แต่ก็ต้องทำและทำให้ได้ก็แล้วกัน
ทั่วโลกพุ่งไม่หยุดตาย8.5แสนราย
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานสถานการณ์ติดเชื้อโควิด-19 ในหลายประเทศทั่วโลกประจำวัน จนถึงเวลา 17.30 น. ตามเวลาประเทศไทย พบว่า มีการติดเชื้อใน 213 ประเทศ มีผู้ป่วยสะสม 25,658,983 ราย เสียชีวิตสะสม 855,186 ราย รักษาหายสะสม 17,959,423 ราย โดยสหรัฐอเมริกายังครองอันดับ 1 มีผู้ป่วยสะสมมากสุด 6,212,174 คน เสียชีวิต 187,742 ราย รองลงมาคือ บราซิล อันดับ 2 มีคนติดเชื้อสะสม 3,910,901 ราย เสียชีวิต 121,515 ราย อันดับ 3 อินเดีย มีผู้ติดเชื้อ 3,694,878 เสียชีวิตสะสม 65,469 ราย อันดับ 4 รัสเซีย มีผู้ป่วย 1,000,048 ราย เสียชีวิตสะสม 17,299 ราย และอันดับ 5 เปรู ติดเชื้อสะสม 652,037 ราย เสียชีวิตสะสม 28,944 ราย ส่วนไทยอยู่อันดับ 121 ของโลก มีผู้ป่วย 3,417 ราย เสียชีวิต 58 ราย รักษาหาย 3,274 ราย
พม่าติดเชื้อวันเดียวพุ่ง107คน
โดยกระทรวงสาธารณสุขของเมียนมา รายงานสถานการณ์ระบาดของไวรัสคโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมง ของวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า มีผู้ป่วยสะสมอย่างน้อย 882 คน เพิ่มขึ้น 107 คน ส่วนใหญ่ติดเชื้อจากในประเทศ และเป็นสถิติรายวันสูงสุดครั้งใหม่ รักษาหายแล้ว 354 คน เพิ่มขึ้น 2 คน เสียชีวิตสะสมอย่างน้อย 6 คน ทั้งนี้ รายงานของรัฐบาลเมียนมาครั้งนี้ไม่ได้จำแนกข้อมูลเบื้องต้นของผู้ป่วยกลุ่มใหม่ว่า ติดเชื้อจากที่ใดบ้าง แต่เป็นไปได้สูงที่ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ยังอยู่ที่รัฐยะไข่ เนื่องจากมีการยืนยันสถิติผู้ป่วยสะสมเฉพาะที่เมืองซิตตเว เมืองเอกว่า เพิ่มเป็นอย่างน้อย 184 คน รองลงมาคือ เมืองเจ้าผิว ซึ่งเป็นเมืองท่าของรัฐยะไข่ มีผู้ป่วยสะสมอย่างน้อย 53 คน
เกาหลีใต้ติดไวรัสสะสมเกิน2หมื่น
ขณะที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้ หรือเคซีดีซีรายงานสถานการณ์โควิด-19ในรอบวันที่ผ่านมายังไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม สถิติยังอยู่ที่อย่างน้อย 324 ศพ หายป่วยแล้ว 15,198 คน เพิ่มขึ้น 225 คน ขณะที่สถิติผู้ติดเชื้อใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาอยู่ที่ 235 คน แบ่งเป็น 13 คนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และการติดเชื้อภายในประเทศ 222 คน เพิ่มสถิติผู้ป่วยสะสมจากการติดเชื้อโควิด-19 ในเกาหลีใต้เป็นอย่างน้อย 20,182 คน ทั้งนี้ เกาหลีใต้ยืนยันผู้ป่วยคนแรกเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน อายุ 35 ปี ถือเป็นประเทศที่ 3 นอกจีน ซึ่งพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต่อจากไทยและญี่ปุ่น
อาการโคม่าเพิ่มหวั่นเตียงไม่พอ
นอกจากนี้ ในการสอบสวนโรคของเคซีดีซี พบผู้ติดเชื้อในประเทศกลุ่มล่าสุด ยังกระจุกอยู่ในเขตเมืองหลวงและปริมณฑล โดย 93 คนอยู่ในกรุงโซล ตามด้วยจังหวัดคย็องกี 60 คน และเมืองอินชอน 22 คน ส่วนที่เหลืออกระจายไปเมืองอื่น อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ป่วยอาการหนักเพิ่มขึ้น 25 คนในรอบวันที่ผ่านมา ทำให้สถิติสะสมของผู้ติดเชื้ออาการหนักมีอย่างน้อย 104 คน เพิ่มขึ้น 25 คนภายในวันเดียว และเพิ่มมากกว่า 11 เท่าในระยะเวลา 2 สัปดาห์ล่าสุด และ 1 ใน 3 เป็นผู้มีอายุไม่ต่ำกว่า 60 ปี ซึ่งการที่ผู้ป่วยหนักมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้ทางการวิตกกังวลว่า เตียงสำหรับผู้ป่วยกลุ่มนี้ไม่พอ โดยสถิติเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาระบุว่า โรงพยาบาลในกรุงโซลและเมืองใกล้เคียงมีเตียงสำหรับคนไข้หนักจากติดเชื้อโควิด-19 รวมกัน 193 เตียง เหลือว่างเพียง 16 เตียงเท่านั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี