‘ตาก’ปิดด่าน
สกัดโควิดเมียนมาลาม
ประจวบฯ-กาญจน์โล่ง
ผลตรวจไม่พบโควิด
สธ.เตือนงดรับต่างด้าว
ในไทย100วันไม่ติดเชื้อ
ศบค.สรุปไทยพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ใหม่เพิ่ม 8 ราย กลับจากสหรัฐ-ออสเตรเลีย-ญี่ปุ่น ด้านผู้ว่าฯตากสั่งปิดจุดผ่านแดนถาวรห้ามคนเข้า-ออก สกัดโควิดข้ามพรมแดน เช่นเดียวกับ ประจวบฯแม้จะเบาใจญาตินร.5 คนข้ามไปเมียนมากลับมามีไข้ผลตรวจไม่พบเชื้อ แต่ผู้ว่าฯสั่งปิดด่านสิงขรและด่านธรรมชาติ 47 ช่องทางคุมเข้มคนเข้า-ออกป้องกันเชื้อระบาด ส่วนเมืองกาญจน์โล่ง 2 หนุ่มเมียนมาลอบเข้าเมืองไม่พบไควิด ขณะที่สถานการณ์โควิดระบาดในเมียนมายังน่าห่วง รัฐบาลสั่งล็อคดาวน์ 7 เขตในย่างกุ้ง หลังผู้ป่วยพุ่ง
เมื่อวันที่ 2 กันยายน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. รายงานสถานการณ์ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยว่า มีผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้น 8 ราย ในสถานที่กักกันโรคของรัฐ ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,425 ราย จำนวนผู้ที่หายป่วยสะสม 3,274 ราย ยังมีผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล 93 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 58 ราย
100วันติดเชื้อในไทยเป็น0-ป่วยใหม่8
อย่างไรก็ตาม ผู้ติดเชื้อโควิด-19 เข้าสถานกักกันของรัฐ 8 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากสหรัฐอเมริกา 6 ราย ออสเตรเลีย 1 และญี่ปุ่น 1 ราย ในส่วนการติดเชื้อในประเทศ ไม่มีรายงาน หรือเป็น “0” เป็นวันที่ 100
สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 6 ราย เดินทางมาจากสหรัฐอเมริกา เป็นชาย 2 ราย อายุ 15 ปี และ อายุ 48 ปี และหญิง 2 ราย อายุ 13 ปี และ 49 ปี ทั้งหมดสัญชาติอเมริกัน เป็นสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน เดินทางมาถึงไทยวันที่ 19 สิงหาคม เข้าพักสถานที่กักกันของรัฐที่จ.สมุทรปราการ ผลตรวจครั้งที่ 2 ในวันที่ 31 สิงหาคม พบเชื้อแต่ไม่มีอาการ ส่วนรายที่ 5-6 เป็นชายไทยอายุ 34 ปี อาชีพรับจ้าง และหญิงไทย อายุ 36 ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางถึงประเทศไทยวันที่ 27 สิงหาคม เข้าพักสถานที่กักกันของรัฐที่ จ.ชลบุรี ผลตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 วันที่ 27 สิงหาคม พบเชื้อแต่ไม่มีอาการ
ส่วนผู้ป่วยรายที่ 7 เดินทางมาจากออสเตรเลีย เป็นนักศึกษาชายไทย อายุ 27 ปี เดินทางมาถึงไทยวันที่ 24 สิงหาคม เข้าพักสถานที่กักกันของรัฐที่ จ.ชลบุรี ผลตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 วันที่ 27 สิงหาคม พบเชื้อแต่ไม่มีอาการ และผู้ป่วยรายที่ 8 เดินทางมาจากญี่ปุ่น เป็นหญิงไทย อายุ 29 ปี อาชีพว่างงาน เดินทางมาถึงประเทศไทยวันที่ 28 สิงหาคม เข้าพักสถานที่กักกันของรัฐที่ จ.ชลบุรี ผลตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 วันที่ 31 สิงหาคมพบเชื้อแต่ไม่มีอาการ
ย้ำ10จว.รับมือผู้ติดเชื้อจากเมียนมา
ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรคแถลงสถานการณ์ระบาดของไวรัสควิด-19 ในเมียนมาว่า จะเป็นอย่างไรก็ตาม ไทยต้องเตรียมการป้องกันรับมืออย่างดีกับการมีผู้ป่วยกระเซ็นเข้ามา โดยเน้นคุมเข้ม 10 จังหวัดที่มีชายแดนติดเมียนมาคือ จ.ระนอง ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี ตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย และกลุ่มจังหวัดที่มีแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายมักไปทำงาน ส่วนใหญ่เป็นจังหวัดที่มีโรงงานอุตสาหกรรมคือ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ชลบุรี ซึ่งจังหวัดเหล่านี้ต้องเตรียมพร้อมซักซ้อมจัดระบบป้องกันค้นหา เตรียมระบบรักษาพยาบาล และทีมสอบสวนโรค เรื่องนี้เป็นหน้าที่ฝ่ายมั่นคง ปกครอง ภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) อาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าว (อสต.) ช่วยสอดส่อง
เตือนนายจ้างงดรับแรงงานต่างด้าว
“การเฝ้าระวังไม่เฉพาะชาวเมียนมาที่เดินทางเข้าไทยเท่านั้น แต่ต้องเฝ้าระวังกลุ่มคนไทยที่เดินทางไป – กลับ ไทย เมียนมาด้วย ไม่ว่าจะเข้าไปที่ฝั่งเมียนมานานแค่ไหนก็ตาม ลักษณะอย่างนี้สาธารณสุขจังหวัดต้องเข้าไปจัดการ ต้องระบุให้ได้ว่าเป็นใคร เฝ้าระวังเพื่อค้นหาผู้ป่วยอย่างเข้มข้น เพื่อนำสู่การตรวจจับ ตรวจวินิจฉัยโรคให้ได้โดยเร็ว”นพ.ธนรักษ์กล่าว และว่า สำหรับ อสต.ต้องช่วยสอดส่องว่ามีแรงงานต่างด้าวแปลกหน้าเข้ามาหรือไม่ ผู้ประกอบการต้องไม่รับแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายเข้าทำงาน หากฝ่าฝืน สถานประกอบการของท่านเองจะได้รับผลกระทบไปด้วย เพราะหากเจอติดเชื้อทีมสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทยต้องเข้าไปสอบสวนโรค และกำหนดพื้นที่เสี่ยง นำมาซึ่งการปิดสถานประกอบการและกักตัวผู้ที่มีความเสี่ยงทั้งหมด
ห่วงระบาดรอบ2ในกลุ่มบุคลากรแพทย์-รร.
นพ.ธนรักษ์กล่าวต่อว่า วันที่ 1 กันยายน สมาพันธ์แพทย์อินโดนีเซียออกมาเปิดเผยว่ามีแพทย์เสียชีวิตจากการควบคุมป้องกันโควิด-19 แล้ว ประมาณ 100 ราย ส่วนใหญ่อายุ 28-39 ปี และถ้าดูการกลับมาระบาดรอบ 2 ในนิวซีแลนด์ เวียดนาม พบติดเชื้อในกลุ่มบุคลากรการแพทย์จำนวนมาก ดังนั้น ในส่วนของไทย ถ้าจะกลับมาเจอผู้ป่วยอีกระยะแรกอาจก่อให้เกิดการระบาดในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ได้ ตรงนี้คือ จุดแตกหักของการระบาด ดังนั้น สธ.กำชับโรงพยาบาลทั่วประเทศให้คงมาตรการป้องกันติดเชื้อให้เข้มข้นต่อไป เช่นเดียวกับโรงเรียนที่ต้องเข้มงวดการคัดกรองวัดไข้เด็กนักเรียน และต้องนำมาตรการที่สธ.กำหนดกลับมาใช้อีก
นพ.ธนรักษ์ยังย้ำว่า รอบนี้ต้องขอความร่วมมือทุกฝ่าย อย่าปล่อยให้การควบคุมป้องกันโรคเป็นหน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง ผมเชื่อมั่นว่าคนไทยทุกคนเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุข และทุกหน่วยงานที่ทำงานร่วมกันจะจัดการปัญหานี้ได้ เพราะทุกคนลงเรือลำเดียวกัน สำหรับการท่องเที่ยว ภูเก็ตโมเดล และหลายจังหวัดที่มีความพร้อมนั้น อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมรับมือ บริหารสถานการณ์ กรณีมีผู้ป่วย เพื่อเพิ่มศักยภาพควบคุมโรค ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นเตรียมการในภาพใหญ่ หากพร้อมและเห็นภาพชัดจึงจะเริ่ม
อย่าแตกตื่นยังไม่เปิดรับนทท.ต่างชาติ
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.ศก.) ถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยว่า วันนี้เราเน้นท่องเที่ยวในประเทศ จะเห็นว่าเศรษฐกิจท่องเที่ยวในประเทศมีมากขึ้น โรงแรมต่างๆมีการจองกันมากขึ้น แต่ยังไม่เพียงพอที่จะทดแทนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่รัฐบาลยืนยันว่าเพียงศึกษาไว้ก่อนเท่านั้น ในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ยังไม่ดำเนินการเรื่องเหล่านี้ ทุกคนอย่าตื่นตระหนกไปหมด เราต้องให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพและเศรษฐกิจ ถ้าเศรษฐกิจจะเดินหน้าต้องกลับมาดูสุขภาพ ให้ไปพร้อมกัน ไม่เช่นนั้นจะฉุดกันไปมาในวันข้างหน้า
“วันนี้เป็นโอกาสดีครบ 100 วันที่เราไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศ เป็นสิ่งที่เราช่วยกันมาตลอด ช่วยรัฐบาล ช่วยนายกฯทำให้ประเทศปลอดภัย เราต้องช่วยกันคิด ช่วยกันทำ และเสนอแนะในสิ่งที่เป็นประโยชน์ หากไม่ช่วยกันตรงนี้ ก็ไปไม่ได้กันทั้งหมด ติดไปหมด ทำอะไรไม่ได้ แล้วประเทศชาติจะอยู่กับที่ ประชาชนเดือดร้อนยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบัน ขอฝากไว้ด้วย”นายกรัฐมนตรี กล่าว
จ.ตากห้ามเข้าออกผ่านจุดผ่านแดน
ส่วนสถานการณ์ 10 จังหวัดที่มีพรมแดนติดประเทศเมียนมา ซึ่งการระบาดของไวรัสโควิด-19 รุนแรงมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่องนั้น ได้มีการประกาศมาตรการควบคุมสกัดการระบาดของไวรัสโควิด-19 เข้มข้น โดยนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ลงนามคำสั่ง เรื่อง “ระงับการเดินทางเข้า-ออก ของบุคคล ณ จุดผ่านแดนถาวรจังหวัดตาก” มีสาระสำคัญคือ จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในเมียนมา จึงจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการเข้มงวดการเข้า-ออกตามจุดผ่านแดน เพื่อลดโอกาสระบาดของไวรัสโควิด-19 เข้ามายังประเทศไทย จ.ตากจึงกำหนดกรณียานพาหนะไม่เกิน 4 ล้อ ขนส่งสินค้าข้ามแดน ณ จุดผ่านแดน สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 อนุญาตให้มีพนักงานขับรถ 1 คนเท่านั้น และต้องผ่านการคัดกรองโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ที่จุดผ่านแดน สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 แล้ว ตั้งแต่วันที่ 3 กันยายนเป็นต้นไป
ประจวบฯปิดด่านสิงขรกั้นรั้วช่องธรรมชาติ
เช่นเดียวกับ นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ได้สั่งระงับการเข้าออกของบุคคลตลอดแนวชายแดนไทย-เมียนมา ทั้งช่องทางหลักคือ จุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมืองประจวบฯ และช่องทางธรรมชาติ 47 ช่องทางใน 8 อำเภอ พร้อมสั่งการให้จ.อ.แก้ว คงวงศ์ ป้องกันจังหวัดนำรั้วลวดหนามปิดกั้นช่องทางธรรมชาติและจัดชุดเจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวนเฝ้าระวังไม่ให้มีการลักลอบเดินเท้าข้ามแดนเข้ามาไทยโดยผิดกฎหมาย แต่ยอมรับว่าพื้นที่กว้างอาจทำให้การดูแลของเจ้าหน้าที่ไม่ทั่วถึง จึงกำชับให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านบริเวณชายแดน ร่วมจัดเวรยามเฝ้าระวัง
“ขณะที่ด่านสิงขรแม้ระงับการเข้าออกของบุคคล แต่อนุญาตให้ผู้ประกอบการนำเข้าส่งออก สินค้าประเภทแห้งได้ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด โดยกำหนดจุดขนถ่ายสินค้าในแนวสันแดนบริเวณศาลเจ้าพ่อหินกอง ไม่อนุญาตให้ยานพาหนะจากฝั่งเมียนมาเข้ามาฝั่งไทย และมีเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานของไทยร่วมตรวจสอบสินค้าและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการระบาดของโควิด 19 อย่างเข้มงวด” นายพัลลภ กล่าว
โล่งผลตรวจ5รายไปเมียนมาไม่ติด
และว่า ส่วนการปิดโรงเรียนระดับประถม 2 แห่งในต.ห้วยสัตว์ใหญ่ และต.บึงนคร อ.หัวหินถึงวันที่ 7 กันยายน เนื่องจากพบมีผู้ปกครองเด็กนักเรียนชาติพันธุ์ ลักลอบเดินเท้าข้ามไปฝั่งเมียนมาและกลับเข้ามาประเทศไทย จึงต้องปิดโรงเรียนชั่วคราวและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรค และคัดกรองบุคคลกลุ่มชาติพันธุ์ที่เดินทางข้ามไปฝั่งเมียนมา พบว่ามี 5 ราย เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้เก็บตัวอย่างไปตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด 19 แล้วไม่พบผู้ติดเชื้อ จากรายงานการสอบสวนโรคพบบุคคลดังกล่าวเดินทางไปบ้านมูด่อง ภาคตะนาวศรีของเมียนมา ห่างรัฐยะไข่จุดที่มีการระบาดของไวรัสโควิด 19 มากกว่า 1000 กิโลเมตร
3ต้องสงสัยที่เมืองกาญจน์ไม่ติดเชื้อ
ส่วนกรณีโรงเรียนบ้านกุยแหย่ หมู่ 2 ต.ลิ่นถิ่น อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ประกาศปิดโรงเรียนชั่วคราว 3 วันถึงวันที่ 3 สิงหาคม เนื่องจากมีนักเรียน 3 ราย สัมผัสบุคคลกลุ่มเสี่ยงที่มีอาการไข้สูง 39-40 องศาเซลเซียส ประกอบด้วย นายเชิด ชาวเมียนมา อายุ 20 ปี นายแดง ชาวเมียนมา อายุ 17 ปี และเด็กชายอายุ 1 ขวบ โดยทั้ง 3 ราย ถูกนำตัวมาเฝ้าระวังอาการและตรวจหาเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา
ซึ่งผลตรวจเชื้อโควิด 19 เมื่อวันที่ 1 กันยายน ประกฎว่า นายเชิด อายุ 20 ปี และเด็กชายอายุ 1 ขวบ ไม่ติดเชื้อโควิด-19 ส่วนนายแดง อายุ 17 ปี ผลตรวจหาเชื้อจะรู้ผลวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้โทรสารในราชการกระทรวงมหาดไทย ด่วนที่สุด ที่ กจ 0017.2/1517 ถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย ระบุ “ตามที่จ.กาญจนบุรีรายงานข้อมูลกรณีโรงเรียนบ้านกุยแหย่ อ.ทองผาภูมิ ปิดโรงเรียนชั่วคราวเนื่องจากพบชายและเด็กที่พักอาศัยอยู่ใกล้กับโรงเรียน 3 คน มีไข้สูง และโรงพยาบาลทองผาภูมิส่งบุคคลดังกล่าวไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 นั้น บัดนี้ ผลตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 ออกมาแล้วว่าบุคคลทั้ง 3 ไม่พบติดเชื้อไวรัสโควิด-19แต่อย่างใด
เมียนมาล็อคดาวน์เพิ่ม7เขตในย่างกุ้ง
วันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ของเมียนมาว่า กระทรวงสาธารณสุขของเมียนมารายงานสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงว่า ผู้ป่วยสะสมมีจำนวนอย่างน้อย 919 คน เพิ่มขึ้น 32 คน รักษาหายแล้ว 357 คน เพิ่มขึ้น 3 คน และเสียชีวิตอย่างน้อย 6 คน ยังเป็นสถิติคงที่ ทั้งนี้ ผลสอบสวนโรคในผู้ป่วยกลุ่มใหม่พบว่า เกือบทุกคนได้รับเชื้อมาจากในประเทศ กระจายในเขตพะโค เมืองเอกคือ เมืองหงสาวดี รัฐยะไข่ รัฐมอญ และเมืองย่างกุ้ง โดยพบมากที่สุด 15 คน ที่เขตติ่นอ่านหย่นของเมืองย่างกุ้ง ถือเป็นการพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและมีนัยสำคัญ ฉะนั้น กระทรวงสาธารณสุขเมียนมาจึงมีคำสั่งล็อกดาวน์เขตติ่นอ่านหย่น และอีก 6 เขตซึ่งอยู่ใกล้กัน ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายนจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง โดยข้อบังคับพื้นฐานเหมือนมาตรการที่ใช้กับรัฐยะไข่ ซึ่งล็อกดาวน์ไม่มีกำหนด ซึ่งนอกจากห้ามเดินทางเข้าออกแล้ว ทางการยังจำกัดให้แต่ละครัวเรือนส่งตัวแทนออกจากบ้านได้คนเดียว เพื่อไปซื้อสิ่งของกรณีจำเป็นเท่านั้น ส่วนการเดินทางไปพบแพทย์กำหนดโควตาให้ครัวเรือนละ 2 คน และบังคับให้รสวมหน้ากากอนามัย เมื่อใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ บุคคลที่ฝ่าฝืนต้องรับโทษตามกฎหมาย
สำหรับเมียนมาพบติดเชื้อในประเทศล่าสุดเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ในรัฐยะไข่ ปัจจุบันมีผู้ป่วยสะสมอย่างน้อย 561 คน รองลงมาคือ ย่างกุ้ง มีผู้ติดเชื้อสะสมอย่างน้อย 70 คน
เกาหลีใต้ติดเชื้อในปท.เป็นเลข3หลัก
ส่วนที่กรุงโซล ของเกาหลีใต้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเกาหลี (เคซีดีซี) รายงานว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงมีผู้เสียชีวิตอีก 2 คน ทำให้ผู้เสียชีวิตสะสมเป็นอย่างน้อย 346 คน วันเดียวกันยังมีการยืนยันผู้ติดเชื้อใหม่ 267 คน เพิ่มสถิติผู้ติดเชื้อสะสมจากโควิด-19 ในเกาหลีใต้เป็นอย่างน้อย 20,449 คน ถือเป็นวันที่ 21 ติดต่อกัน หรือนับตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเกาหลีใต้รายงานการพบผู้ป่วยรายวันเป็นเลข 3 หลัก
โดยผลสอบสวนโรคของผู้ป่วยกลุ่มใหม่พบว่า 14 คนเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ เท่ากับว่าอีก 253 คนได้รับเชื้อจากในประเทศ พบมากที่สุดในกรุงโซล 98 คน ด้านกองทัพเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์ว่า กองทัพเตรียมแพทย์พยาบาลทหารรวมอย่างน้อย 68 นาย ให้พร้อมลงพื้นที่ทันที เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงสาธารณสุข
ติดเชื้อทั่วโลก25.9ล.-มะกันรั้งแชมป์6.2ล.
วันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ประจำวันที่ 2 กันยายน จนถึงเวลา 17.30 น.ตามเวลาในประเทศไทยว่า มีผู้ติดเชื้อสะสม 25,932,510 ราย ใน 213 ประเทศ เสียชีวิตรวม 861,874 ราย รักษาหายสะสม 18,215,128 ราย
ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกา ยังเป็นประเทศอันดับที่ 1 ที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตสูงที่สุดในโลก โดยมีผู้ติดเชื้อสะสม 6,258,028 ราย เสียชีวิตสะสม 188,907 ราย บราซิลมาเป็นอันดับที่ 2 ผู้ติดเชื้อรวม 3,952,790 ราย เสียชีวิต 122,681 ราย ส่วนอันดับ 3 เป็นอินเดีย มีผู้ติดเชื้อรวม 3,773,483 ราย เสียชีวิตรวม 66,491 ราย อันดับ 4 รัสเซีย มีผู้ติดเชื้อ 1,005,000 ราย เสียชีวิต 17,414 ราย และอันดับที่ 5 ยังเป็น เปรู มีผู้ติดเชื้อ 657,129 ราย เสียชีวิต 29,068 ราย โดยประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 121 ติดเชื้อสะสม 3,425 ราย เสียชีวิตคงที่ 58 ราย รักษาหายแล้ว 3,274 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี