วันที่ 8 กันยายน 2563 ที่หอประชุมคุรุสภา (ด้านหลังกระทรวงศึกษาธิการ) กรุงเทพฯ มีการจัดงาน “วันที่ระลึกสากลแห่งการรู้หนังสือ” ประจำปี 2563 โดย นายประเสริฐ บุญเรือง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการจัดการศึกษา เช่น การเลื่อนการเปิดภาคเรียน ทำให้ทางกระทรวงฯ ต้องปรับการเรียนการสอนในรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ตามแนวปฏิบัติของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อาทิ มีการเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย รวมถึงทำความสะอาดฆ่าเชื้ออย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการระบาดในสถานศึกษา
ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการ ในหลักคิดว่า แม้โรงเรียนจะหยุดแต่การศึกษาไม่อาจหยุดได้ นำไปสู่การจัดการเรียนการสอน 3 รูปแบบ ได้แก่ สอนในสถานศึกษา (On Site) สอนผ่านโทรทัศน์ทางไกล (On Air) และสอนผ่านอินเตอร์เน็ต (Online) รวมถึงจัดทำดิจิทัลแพลตฟอร์มของกระทรวงฯ เพื่อให้ผู้เรียนกับผู้สอนสื่อสารกันได้ ซึ่งทางสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ก็ได้จัดการเรียนการสอนผ่านทาง ETV ทีวีดิจิทัลเพื่อการศึกษา ช่อง 52 ทั้งสายสามัญและสายอาชีพ เพื่อผู้คนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลได้มีโอกาสเรียนรู้ตลอดเวลา
“ทางกระทรวงศึกษาธิการ โดยเฉพาะทาง กศน. ได้เล็งเห็นความจำเป็นในการเรียนรู้อย่างมาก โดยเฉพาะวันนี้ก็ได้บรรจุข้าราชการครูที่ทำหน้าที่การเรียนการสอนบนดอยบนเกาะ โดยเฉพาะ ครู กพด. ของเราเป็นพนักงานราชการ วันนี้ก็ได้บรรจุเป็นข้าราชการครูแล้วจำนวน 210 คน แล้วเพื่อให้การเรียนการสอนเกิดคุณภาพทางการศึกษา เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ให้ทั่วถึงทั้งประเทศไทย ทาง กศน. เองก็จัดให้มีการสอบบรรจุเพื่อแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูจำนวน 1,370 คน ซึ่งจะบรรจุวันสุดท้าย วันที่ 29 ก.ย. 2563 นี้” นายประเสริฐ กล่าว
ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ไม่ว่าจะเป็นช่วงวิกฤติไวรัสโควิด-19 หรือช่วงเวลาปกติ การทำหน้าที่ของ กศน. เป็นการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านการเรียนรู้ไม่ว่าจะในระบบหรือนอกระบบ โดยเฉพาะการศึกษานอกระบบมุ่งเน้นให้เข้าถึงพื้นที่ทุรกันดาร ตนต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่สังกัด กศน. รวมถึงสังกัดกระทรวงศึกษาธิการทุกคน ที่ได้ช่วยกันลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา
ขณะที่ นายณัฐพงษ์ นวลมาก รองเลขาธิการ กศน. ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ยังรุนแรง กศน. ได้ปรับรูปแบบไปเป็นการให้ครูสอนและสื่อสารทางออนไลน์ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เว็บไซต์ยูทูป กลุ่มไลน์ รวมถึงการสอนผ่านช่อง ETV ที่เป็นสถานีโทรศัศน์ของ กศน. พร้อมกับมีมาตรการคัดกรองผู้เดินทางมาเรียนในห้องเรียน อาทิ ลดจำนวนผู้เรียนเหลือครึ่งหนึ่งจากความจุเดิม ที่นั่งมีการเว้นระยะห่าง
กระทั่งเมื่อสถานการณ์โรคระบาดบรรเทาความรุนแรงลง จึงกลับมาสู่การจัดการเรียนการสอนในห้องเรียนตามปกติ แต่มาตรการลดความเสี่ยงโรคระบาดยังคงถือปฏิบัติอยู่ เช่น การวัดอุณหภูมิ การใส่หน้ากากปิดปาก-จมูกระหว่างเรียน ถึงกระนั้นก็ยอมรับว่าวิกฤติครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อทั้งผู้เรียน อาทิ ผู้อยู่ในพื้นที่ห่างไกลไม่สะดวกในการเรียนออนไลน์ผ่านโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน และทั้งผู้สอนโดยครู กศน. เองก็ต้องพยายามปรับตัวทำความเข้าใจกับเครื่องมือใหม่ๆ ที่ใช้จัดการเรียนการสอนออนไลน์
นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวอีกว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ยังไม่รู้ว่าจะมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกที่ 2 หรือไม่ ซึ่งหากมีก็จะต้องปรับรูปแบบการเรียนการสอนโดยอาศัยทั้ง 3 รูปแบบข้างต้น แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดหลักการสำคัญคือต้องเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุม อย่างไรก็ตาม อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญต่อภารกิจของ กศน. คือการทำให้ครู กศน. ที่ทำงานอยู่ทั่วประเทศมีความก้าวหน้าในอาชีพ เพื่อจะได้มีแรงสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนต่อไป
“หากปีหน้า หรือ 2564 สถานการณ์โควิดยังเบาบางลงจนอาจเรียกได้ว่าเข้าสู่ภาวะปกติ กศน. ก็จะกลับมา On Site (สอนในห้องเรียน) ตามปกติในการจัดการเรียนการสอน เพราะเราถือว่ารูปแบบนี้เหมาะสมที่สุด เข้าถึงเป้าหมายได้มาก และลงไปถึงรากหญ้าได้มากที่สุด” รองเลขาธิการ กศน. ระบุ
สำหรับวันที่ระลึกสากลแห่งการรู้หนังสือ (International Literacy Day) นั้น องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) กำหนดให้ตรงกับวันที่ 8 กันยายน ของทุกปี โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 2508 เพื่อให้ประชาคมโลกเห็นความสำคัญของการรู้หนังสือของบุคคล เพราะการอ่านออกเขียนได้เป็นเสมือนกุญแจดอกแรกที่ช่วยปลดปล่อยผู้คนจากพันธนาการแห่งความลำบากยากจน
ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลประเทศต่างๆ ต้องระดมทรัพยากรที่มีเพื่อแก้ไขปัญหาการไม่รู้หนังสือ อ่านไม่ออก-เขียนไม่ได้ของประชาชน อนึ่ง กิจกรรมวันที่ระลึกสากลแห่งการรู้หนังสือ ในประเทศไทยทุกปีนั้น ยังมีการมอบรางวัลประกาศเกียรติคุณ กศน. ให้กับบุคลากรของ กศน. รวมถึงภาคีเครือข่าย ที่โดดเด่นในการทำหน้าที่อย่างขยันขันแข็งเพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาสู่ประชากรทุกกลุ่มอย่างกว้างขวางด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี