DSIเตรียมเคาะ
รับ‘บอส’คดีพิเศษหรือไม่
นัดประชุมปปท.11กันยาฯ
พิจารณา2ประเด็นสำคัญ
อธิบดีดีเอสไอเผยให้บอร์ด กคพ.ชี้ขาด รับ“บอส”เป็นคดีพิเศษหรือไม่ หลังป.ป.ท.ส่งรายงานคณะกรรมการสอบสวนฯ ชุด“วิชา”มาให้ ไม่มีรายชื่อผู้เกี่ยวข้อง นัดถกหาแนวทาง 11 กันยายนนี้
เมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ต.ท.กรวัชร์ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงคดีที่นายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ทายาทนักธุรกิจชื่อดัง ขับรถหรูชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต ว่าเมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้ส่งรายงานผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ ของนายวิชา มหาคุณ มาให้แล้ว เบื้องต้นได้หารือกับรองอธิบดีฯ และคณะทำงานด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยมีเรื่องที่จะต้องพิจารณาใน 2 ประเด็น คือคดีอาญาดังกล่าวเป็นคดีพิเศษหรือไม่ โดยแยกเป็น 2 ส่วน คือการขับรถชน ด.ต.วิเชียร จนเสียชีวิต และการตรวจพบสารโคเคนในร่างกาย และการสรุปภาพรวมของคดีว่าอาจจะมีหรือน่าเชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐ เข้าไปร่วมกระทำความผิดหรือไม่ อย่างไร ซึ่งประเด็นนี้ได้พิจารณาแล้วว่าไม่อยู่ในอำนาจการสอบสวนของดีเอสไอ แต่อยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช.หรือ ป.ป.ท.ที่จะต้องดำเนินการ
พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวอีกว่า ในส่วนข้อหาขับรถโดยประมาทจนทำให้มีผู้เสียชีวิต และการเสพโคเคนจะเป็นคดีพิเศษหรือไม่นั้น จะต้องส่งให้คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เป็นผู้พิจารณา อย่างไรก็ดี ในวันที่ 11 กันยายนนี้ จะมีการเชิญเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.เข้ามาหารือในรายละเอียด ว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง เนื่องจากหนังสือของ ป.ป.ท.ที่ส่งมา เป็นการสรุปเนื้อความ ไม่ได้มีรายละเอียดรายชื่อของบุคคลที่เกี่ยวข้อง
“คดีดังกล่าวไม่อยู่ในบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.คดีพิเศษ จึงไม่สามารถดำเนินการได้ทันที ต้องเสนอให้บอร์ด กคพ.เป็นผู้ชี้ขาด เนื่องจากดีเอสไอ ไม่สามารถพิจารณาและรับคดีได้เอง อย่างไรก็ดี เนื่องจากคดีดังกล่าวอยู่ในความสนใจของประชาชน ดีเอสไอ จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด” อธิบดีดีเอสไอ กล่าว
ด้าน ว่าที่ ร.ต.ดร.ถวัลย์ รุยาพร นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยถึงกรณีการทำหน้าที่ของสภาทนายความฯ กรณีที่มีทนายความ คือนาย ธ.เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ ว่าในส่วนของคณะกรรมการฯ ชุดของนายวิชา มหาคุณ ได้ตรวจสอบพบว่ามีผู้มาให้ปากคำหลายปากพาดพิงไปถึงทนายความ 1 คน หรือมากกว่านั้นที่เข้าไปเกี่ยวข้อง โดยมีชื่อนาย ธ.ทางคณะกรรมการฯ จึงมีหนังสือเชิญ แต่นาย ธ.ไม่ได้เข้าไปให้ปากคำกับคณะกรรมการดังกล่าว จึงมีการขอให้ทางสภาทนายความฯ ช่วยดำเนินการในส่วนของวิชาชีพทนายกับ นาย ธ.ซึ่งคณะทำงานสภาทนายความฯ มีนายนิพนธ์ จันทเวช เลขาธิการสภาทนายความฯ เป็นหัวหน้าชุด รวบรวมข้อมูลเตรียมเรื่องและมีหนังสือเชิญ นาย ธ.มาให้ปากคำ แต่ก็ยังไม่มาและไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด หากมาให้การก็จะพิจารณาว่าจะตั้งเรื่องส่งคณะกรรมการมรรยาททนายความพิจารณาโทษทางวิชาชีพหรือไม่
ว่าที่ ร.ต.ดร.ถวัลย์ เปิดเผยด้วยว่า การทำงานหรือการพิจารณารับงานของทนายความ ต้องคำนึงถึงวิชาชีพ จริยธรรม ความเหมาะสม และถูกหลักกฎหมาย ทนายความมีหน้าที่ปกปักษ์รักษาผลประโยชน์แก่ตัวลูกความก็ถูก แต่ต้องยึดมั่นในหลักกฎหมาย ถ้าทำงานอย่างมีความระมัดระวัง รอบคอบ ก็จะได้รับการยอมรับจากสังคม เพราะทนายความเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรม ถ้าทำผิดก็จะมีผลร้ายตามเงื่อนไขของคณะกรรมการมรรยาททนายความ
“ในฐานะที่ผมเป็นครูกฎหมาย อยากฝากไปยังนักศึกษากฎหมาย ผู้อบรมวิชาชีพทนายความ เพื่อนทนายความ ว่าการทำงานทนายความ ขอให้ยึดหลักความถูกต้องเป็นธรรม เป็นรากฐานของความยุติธรรม ทนายความเป็นหลักในการสร้างความยุติธรรมแก่สังคม สำหรับทนายความที่ถูกพาดพิงถึงนั้น ขอให้มาพบคณะกรรมการฯ เราจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย” นายกสภาทนายความฯ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี