เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2563 ที่ รร.เอเชีย ย่านราชเทวี กรุงเทพฯ คณะอนุกรรมาธิการศึกษาพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรมสุรา ในคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร จัดสัมมนาเรื่อง “ทิศทางและอนาคตธุรกิจสุราไทย” โดยงานในภาคเช้ามีการอภิปรายหัวข้อ “สุนทรียะเสวนาหาทางออกและจุดร่วมในการขับเคลื่อนธุรกิจอุตสาหกรรมสุราไทย’ ซึ่ง นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ระบุว่า ตนเห็นด้วยหากจะมีการส่งเสริมอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับชุมชนท้องถิ่น เพราะสอดคล้องกับการที่พื้นฐานของประเทศไทยเป็นสังคมเกษตรกรรม
“เราไม่มีทางผลิตรถแข่งกับญี่ปุ่น ที่เราเห็นว่า Export (ส่งออก) รถ เราเอามาแค่ Assembly (ประกอบ) เท่านั้น ไม่ได้ผลิตตั้งแต่ราก แต่ผมเชื่อว่าสุราเราใช้วัตถุดิบทุกอย่าง ไม่ต้องไปเอา Knowhow (องค์ความรู้) มาจากญี่ปุ่น ไม่ต้องเอาอะไรทั้งหลายเพื่อมาทำ เราอาจจะทั้ง 100% เลย แล้วถ้าเกิดการส่งเสริมแล้วเอาไปขายเหมือนที่บอกว่าขวดหนึ่งเป็นล้านเป็นแสน แล้วใครมาตรงนี้ก็ต้องชิม ทำให้มันเป็นธุรกิจ แต่ต้องควบคุมให้ดี ส่งเสริมแล้วควบคุม ส่งเสริมให้มีการผลิต ทำอย่างไรจะผลิตได้ง่ายๆ มันต้องส่งเสริมก่อนแล้วถึงมาควบคุม” นพ.แท้จริง ระบุ
เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยนั้นเน้นออกกฎหมายเพื่อควบคุมแต่ไม่เอื้อโอกาสให้กับชนชั้นรากหญ้า โดยขอให้ไปดูมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทยว่าเขาทำธุรกิจอะไร นั่นหมายถึงธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สร้างความมั่งคั่งได้จริง และตนเชื่อว่าคนไทยมีศักยภาพในการแข่งขันกับนานาชาติหากได้รับการส่งเสริมที่ดี ขณะที่การควบคุมก็ต้องระมัดระวังไม่ให้กลายเป็นการเอื้อประโยชน์กับคนบางกลุ่ม ส่วนจะควบคุมอย่างไรให้เป็นธรรมก็ต้องฝากสภาผู้แทนราษฎรช่วยหาหนทาง
ส่วนปัญหาพฤติกรรมไม่เหมาะสมที่เกิดจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสังคมไทยนั้น ตนเห็นว่าเป็นผลสืบเนื่องมาจากปัญหาการบังคับใช้กฎหมายซึ่งเป็นทุกเรื่องไม่ใช่เพียงการเมาแล้วขับ ยกตัวอย่างเหตุใดคนไทยไปขับรถในสหรัฐอเมริกาหรือประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียถึงสามารถปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดได้ แต่พอคนฝรั่งหรือคนมาเลเซียมาอยู่เมืองไทยแม้แต่ขี่มอเตอร์ไซค์ก็ยังไม่สวมหมวกกันน็อก ทั้งที่คนต่างชาติเหล่านี้เติบโตมาในประเทศที่มีกฎระเบียบเข้มงวด นั่นเพราะที่ต่างประเทศนั้นผู้คนจะรู้สึกว่าไม่คุ้มค่าหากฝ่าฝืนกฎหมาย
“คนมาเลย์เขาไม่ขับ ขับได้อย่างไร เสร็จแน่ ผมถามเขา เขาบอกว่าไม่มีทางหรอกครับในมาเลเซียกินเหล้าแล้วขับรถ แต่ถ้าอยากทำจริงๆ ง่ายครับ ขับรถข้ามแดนไปที่หาดใหญ่ เขาบอกผมอย่างนี้ว่าถ้าจะกินเหล้าแล้วขับรถก็ไม่ยาก แค่ข้ามแดนก็ทำได้เลย นี่ขนาดคนมาเลย์ยังรู้สึกเลยว่าถ้าอยากทำแบบนี้ให้ไปที่ประเทศไทย แล้วถามว่าทำไมมันง่าย เขาบอกว่าไปประเทศไทยไปทำอะไรก็ได้ ถามว่าไม่กลัวหรือ ประเทศไทยมีกฎหมายเข้มพอๆ กับมาเลย์ เขาบอกอยู่มาเลเซียเขาจัดการกับกฎหมายไม่ได้ แต่ถ้าเขาไปประเทศไทยเขาจัดการได้” นพ.แท้จริง กล่าว
ขณะที่ ผศ.ดร.นิสิต อินทมาโน ผู้อำนวยการหลักสูตรนิติศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีปทุม ในฐานะที่เคยไปเรียนและใช้ชีวิตในสหรัฐอเมริกา เล่าว่า ที่สหรัฐฯ เมื่อลูกค้าสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พนักงานเสิร์ฟต้องขอดูบัตรประชาชนก่อนทุกครั้งโดยไม่มีข้ออ้างประเภทลูกค้าหน้าเด็กหรือหน้าแก่กว่าอายุหรือไม่ เพราะหากจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับผู้มีอายุต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนดจะถือเป็นความผิดทันทีและไม่มีการให้แก้ตัวใดๆ
เช่นเดียวกัน เมื่อพนักงานร้านอาหารเข้าห้องน้ำจะมีข้อกำหนดให้ล้างมือทุกครั้งก่อนจะออกไปเสิร์ฟอาหาร ตนเห็นป้ายนี้ในร้านอาหารครั้งแรกก็หัวเราะพร้อมกับคิดว่าถ้าไม่ทำจะเป็นอย่างไรเพราะใครจะมาเห็น แต่พนักงานก็ปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้จริงๆ และกฎหมายสหรัฐฯ ก็บังคับให้ติดป้ายนี้ด้วย ดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ไม่ใช่ทั้งเรื่องกฎหมายและอุตสาหกรรม แต่เป็นเรื่องของพฤติกรรม
“ถามว่าถ้าไม่ทำโดนไหม โดนครับแล้วโดนหนักด้วย เอาง่ายๆ เสิร์ฟ โทษปรับแล้วก็ร้านต้องปิดไป 7 วัน แต่ถ้าเมาแล้วขับวันนี้คุกพรุ่งนี้เจอศาล ไม่ว่าคุณจะเป็นลูกประธานาธิบดีหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ไม่ได้เหมือนกับประเทศเราที่ต้องรู้จักใคร” ผศ.ดร.นิสิต กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี