13 กันยายน 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งว่ามีสองสามีภรรยาถูกฝูงผึ้งหลวง ที่ทำรังอยู่บนต้นไม้ในรั้วของเพื่อนบ้านซึ่งอยู่ติดกัน ไล่ต่อยได้รับบาดเจ็บปูดบวมทั้งตัว อยากให้ตำรวจมาช่วยพูดคุยกับเจ้าของที่ และประสานหน่วยกู้ภัยฯ มาช่วยเอารังผึ้งหลวงดังกล่าวออกเพื่อความปลอดภัย 

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง เป็นบ้านพักหลังหนึ่งตั้งอยู่ บริเวณชุมชนโรงฆ่าสัตว์ ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ พบว่าผู้ที่ถูกผึ้งไล่ต่อย คือ พ.ต.ท.พัชรวัฒน์ ศักดิ์คณาพงษ์ ปัจจุบันเป็นสารวัตร สังกัดสถานีตำรวจภูธรจัตุรัส จ.ชัยภูมิ เป็นเจ้าของบ้าน และภรรยาอยู่ในสภาพตื่นตกใจ ตามร่างกาย ใบหน้า ศรีษะมีรอยแดง และปูดบวมจากการถูกผึ้งต่อย    

เมื่อตรวจสอบบริเวณต้นมะม่วงซึ่งอยู่ในเขตรั้วของเพื่อนบ้าน ก็พบรังผึ้งหลวงขนาดใหญ่อยู่ในกิ่งมะม่วง เบื้องต้นจึงได้ประสานหน่วยกู้ภัยฯ ให้มาช่วยเอารังผึ้งดังกล่าวออก เพื่อความปลอดภัยของผู้ที่อาศัยอยู่ใกล้เคียง

จากการสอบถาม พ.ต.ท.พัชรวัฒน์ ศักดิ์คณาพงษ์ สารวัตรเจ้าของบ้าน เล่าให้ฟังว่า ช่วงสายวันนี้ตนเองได้ออกมาตัดหญ้าและพุ่มไม้บริเวณหน้าบ้าน เพราะคนที่ตัดให้ประจำไปธุระต่างจังหวัด  ระหว่างที่กำลังใช้เครื่องตัดบริเวณพุ่มดอกไม้ทางเข้า-ออกบ้าน  โดยไม่ได้สังเกตว่ามีผึ้งกำลังดูดกินน้ำหวานเกสรดอกไม้อยู่ แล้วจู่ๆผึ้งก็บินมาต่อยที่หน้า 1 ตัวจึงใช้มือปัดออก สักพักฝูงผึ้งนับร้อยก็บินตามมาตนจึงวิ่งหนีออกไปหน้าบ้าน แต่ผึ้งก็ยังไล่ตามจึงวิ่งหนีต่อไปจนถึงร้านอาหารซึ่งอยู่ห่างจากบ้านกว่า 100 เมตร ก็ยังไม่หยุดตามตนจึงตัดสินใจท่องคาถา “จะ ภะ กะ สะ”  ซึ่งเป็นคาถาที่หลวงปู่เพชร  วัดชื่อดังแห่งหนึ่งที่ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งมรณภาพไปแล้วเคยสอนเอาไว้ว่า หากเจอภัยอันตรายให้ท่องคาถานี้แล้วจะปลอดภัย   

พอตนเองท่องคาถา “จะ ภะ กะ สะ” หลายๆรอบ จู่ๆฝูงผึ้งก็บินหนีไป ตนจึงเดินไปที่ร้านค้าซึ่งอยู่ตรงข้ามบ้าน เพื่อรอดูว่าผึ้งบินหนีไปหมดหรือยัง และขณะที่ตนเองกำลังจะโทรศัพท์ไปบอกภรรยา ว่าไม่ต้องออกมาเพราะก่อนหน้านี้บอกให้ภรรยาเอาน้ำให้มาดื่ม แต่ยังไม่ทันได้โทรไปบอก ฝูงผึ้งก็บินไล่ต่อยภรรยาแล้ว ซึ่งภรรยาก็วิ่งหนีเข้าไปในบ้าน แล้วพยายามใช้เสื้อผ้าปัดผึ้งออกแต่ก็ถูกผึ้งต่อยไปหลายตัวแล้ว เบื้องต้นก็ได้ใช้ยาทาก่อน หากไม่หายก็จะไปหาหมอเพราะไม่รู้ว่าจะมีอาการแพ้หรือไม่      

สารวัตรพัชรวัฒน์ ยังระบุอีกว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมาตนเองไม่คิดว่าในเมืองจะมีรังผึ้งหลวงใหญ่ขนาดนี้  ปกติจะเห็นอยู่แต่ในป่า จึงอยากจะฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์ว่าหากใครเจอรังผึ้งให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผึ้งหลวง และอย่าเข้าใกล้เด็ดขาดให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่หรือผู้เชี่ยวชาญช่วยเอาออก เพราะอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ แต่ครั้งนี้ตนและภรรยาถือว่าโชคดีที่แค่มีรอยปูดบวมตามตัว