เมื่อวันที่ 15 ก.ย.2563 ปัจจุบันประเทศไทยและเมียนมามีการปิดพรมแดนระหว่างกันเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทางด้านชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย แจ้งว่าปัจจุบันโดยเปิดเฉพาะจุดผ่านแดนถาวรตรงสะพานมิตรภาพไทย-เมียน มา ข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 เพื่อใช้สำหรับขนส่งสินค้าระหว่างกันมาตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค.2563 ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ก.ย.2563 นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอแม่สาย ได้จัดประชุมร่วมระหว่างส่วนท้องถิ่นของไทยกับ จ.ท่าขี้เหล็กประเทศเมียนมา ณ ห้องประชุมที่ว่าการ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อแจ้งถึงมาตรการใหม่ในการป้องกันไวรัสโควิด-19 จากการการขนส่งสินค้า
โดยมีฝ่ายปกครอง ทหารกองกำลังผาเมือง ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ศุลกากร สาธารณสุข หอการค้า ฯลฯ เข้าร่วม ส่วนฝ่ายเมียนมา ได้มีนายซาน เมี่ยซอ นายอำเภอท่าขี้เหล็ก นำผู้บริหารระดับสูง เช่น นายด่านศุลกากร สาธารณสุข หอการค้า ฯลฯ เข้าร่วมประชุม
โดยทางฝ่ายไทยแจ้งว่าในปัจจุบันการขนส่งสินค้าจากฝั่งไทยมีการใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่นำสินค้า เช่นน้ำมันเชื้อเพลิง วัสดุก่อสร้าง ฯลฯ ข้ามไปยังฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก โดยมีข้อกำหนดให้คนขับรถบรรทุกสามารถอยู่ในเมืองท่าขี้เหล็กได้ไม่เกิน 7 ชั่วโมงหรือห้ามค้างแรมซึ่งยังไม่พบปัญหาใดๆ อย่างไรก็ตามยังพบมีการใช้รถบรรทุกสินค้าประเภทรถยนต์ตู้มากกว่า 200 คัน ขับมาจากฝั่งประเทศเมียนมาข้ามมาขนสินค้าจากฝั่งไทย โดยมีการขับผ่านด่านพรมแดนตรงสะพานเข้ามารับสินค้าตามโกดังต่างๆ ในเขต อ.แม่สายก่อน จะขนสินค้ากลับฝั่งประเทศเมียนมาไป
ล่าสุดทางนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจ.เชียงราย ได้มีประกาศฉบับที่ 35 กำหนดให้มาตรการใหม่โดยจะจัดให้มีลานเปลี่ยนถ่ายสินค้าตรงด่านพรมแดนใกล้สะพาน โดยจะไม่อนุญาตให้รถยนต์ตู้ดังกล่าวขับล้ำเข้ามาชั้นในของประเทศไทยอีก และจะมีการตั้งชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบการขนถ่านสินค้าดังกล่าวเป็นการเฉพาะด้วย
ด้านนายซาน เมี่ยซอ นายอำเภอท่าขี้เหล็ก และคณะอ้างว่าปัจจุบันที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ไม่ได้มีการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่อย่างใด และรถยนต์หรือแม้แต่ผู้คนก็ถูกตรวจสอบด้วยมาตรการที่เข้มงวดโดยเฉพาะตามถนนสายเมืองเชียงตุง ซึ่งเป็นเมืองใหญของรัฐฉานไปยัง จ.ท่าขี้เหล็ก แล้ว ส่วนการจะกันไม่ให้รถตู้ขนสินค้าเข้ามาลึกในฝั่งไทยและให้ขนถ่ายสินค้ากันตรงด่านพรมแดนนั้นจะทำให้เกิดต้นทุนสูงขึ้น เพราะต้องใช้ทั้งรถบรรทุกเพิ่มเติม ใช้แรงงานขน ฯลฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าของไทยและยังทำให้ราคาสินค้าอาจพุ่งสูงขึ้นตามต้นทุนดังกล่าวอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอแม่สาย ยังคงยืนยันที่จะให้ใช้มาตรการใหม่ดังกล่าว ทำให้ทางการท้องถิ่นเมียนมาแจ้งว่าหากจะคุมเข้มเช่นนั้นทางฝ่ายประเทศเมียนมา ก็จะดำเนินการในลักษณะเดียวกันด้วยการห้ามไม่ให้รถบรรทุกสินค้าไทยห้ามเข้าไปชั้นในเมืองท่าขี้เหล็กโดยให้มีการเปลี่ยนถ่ายคนเป็นชาวเมียนมาตรงบริเวณสะพานข้ามลำน้ำสาย
รายงานข่าวแจ้งว่าการหารือไม่ได้ข้อยุติทำให้นายซาน เมี่ย ซอ นายอำเภอท่าขี้เหล็ก ได้หยิบยกข้อตกลงระหว่างกระทรวงการต่างประเทศไทย-เมียนมา ที่ระบุว่าหากการหารือระหว่างประเทศตกลงกันไม่ได้ทางการเมียนมาก็อนุญาตให้ส่วนท้องถิ่นสามารถปิดด่านพรมแดนได้เลย ซึ่งกรณีนี้หากไม่สามารถใช้มาตรการเดียวกันเขาก็จะแจ้งให้มีการปิดด่านพรมแดนตรงสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 ฝั่งประเทศเมียนมาได้เลย ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้ตกลงจะนำข้อหารือไปแจ้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัดของแต่ละฝ่ายเพื่อจะกลับไปหารือสำหรับหาข้อตกลงกันอีกครั้งต่อไป
ทางด้าน น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย และเป็นกรรมการในการประชุมดังกล่าวของฝ่ายไทยด้วย กล่าวว่าที่ผ่านมาแม้จะมีการปิดด่านพรมแดนไทย-เมียนมา แต่มูลค่าการค้าที่สะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 ก็ถือว่ามีมากเป็นอันดับต้นๆ ของจุดส่งออกสินค้าของประเทศไทย ดังนั้นจึงถือเป็นเรื่องสำคัญและเรื่องใหญ่ที่จะต้องมีการหารือเพื่อตกลงกันให้ลงตัวก่อนจะดำเนินการจริง โดยเฉพาะหากมีการใช้ลานเปลี่ยนถ่ายสินค้าด่านพรมแดนก็จะต้องใช้แรงงานขนอย่างน้อย 300-400 คน และมีความยุ่งยากด้านอื่นๆ อีกหลายอย่าง กระนั้นมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ก็เป็นสิ่งจำเป็น
ดังนั้นล่าสุดทั้ง 2 ฝ่ายจึงจะนำข้อหารือไปแจ้งต่อระดับจังหวัดและคาดว่าจะมีการหารือกันอีกครั้งในระดับจังหวัดอีก 3-4 วันข้างหน้าต่อไป.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี