17 ก.ย. 2563 น.ส.วราภรณ์ แช่มสนิท ผู้จัดการแผนงานสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ สมาคมเพศวิถีศึกษา ในฐานะตัวแทนภาคีเครือข่ายเมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง เปิดเผยว่า หลังจากที่เครือข่ายฯ ได้จัดกิจกรรมรณรงค์ให้ประชาชนใช้แอพพลิเคชั่นที่พัฒนาโดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ส่งพิกัดและรายละเอียดจุดเสี่ยงต่อภัยคุกคามทางเพศเข้ามา พบมีผู้ส่งข้อมูลจุดเสี่ยงเข้าระบบกว่า 611 จุด และในช่วง 1 ปีที่ผ่านมายังมีประชาชนส่งข้อมูลจุดเสี่ยงเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่องกว่า 100 จุด
อาทิ ใต้ทางด่วน อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถนนฉลองกรุง เขตลาดกระบัง ถนนรัชดาภิเษก ซอยจรัญสนิทวงศ์3 ซอยโยธี เขตราชเทวี จนปัจจุบันทางเครือข่ายฯ มีข้อมูลจุดเสี่ยงในพื้นที่ กทม. และปริมณฑลถึงกว่า 700 จุด ซึ่งที่ผ่านมา เครือข่ายฯ ได้เข้าพบและเสนอข้อมูลต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรุงเทพมหานคร (กทม.) และสถานีตำรวจท้องที่บางแห่ง แต่มาตรการแก้ไขยังมีจำกัด
เช่น ตำรวจท้องที่เพิ่มความถี่ในการออกตรวจตราพื้นที่จุดเสี่ยง แต่มาตรการเหล่านี้เกิดเพียงบางจุดบางพื้นที่ ไม่ครอบคลุมจุดที่มีปัญหาทั้งหมด และยังไม่ถูกกำหนดเป็นนโยบายที่หน่วยงานต้องให้ความสำคัญเร่งด่วน ดังนั้นเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม เครือข่ายฯ จึงขอเข้าพบ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.) เพื่อนำเสนอสภาพปัญหาและหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาความไม่ปลอดภัยทางเพศในพื้นที่สาธารณะดังกล่าว
โดย รมว.มหาดไทยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักเทศกิจ สำนักการโยธา และสำนักจราจรและขนส่งของกรุงเทพมหานคร ตลอดจนการไฟฟ้านครหลวง เข้าร่วมรับประชุมด้วย และมี ส.ส. กรุงเทพฯ ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วมการประชุมด้วย ในการเข้าพบดังกล่าว เครือข่ายเมืองปลอดภัยได้ยื่นข้อเสนอให้หน่วยงานต่างๆ ดำเนินการแก้ปัญหาความเสี่ยงการคุกคามทางเพศอย่างเป็นรูปธรรม 4 ข้อ ดังนี้
1.ให้กระทรวงมหาดไทยบูรณาการกับกรุงเทพมหานครสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรับปรุงพื้นที่ที่ขาดการบำรุงรักษาและพื้นที่ที่เปลี่ยวตามเเผนที่ปักหมุดจุดเสี่ยง 700 จุดที่จัดทำโดยเครือข่ายเมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิงอย่างเร่งด่วน อาทิ การเปลี่ยนหลอดไฟ เพิ่มเเสงสว่าง ปรับปรุงทางเท้าและทางเดินสัญจร เป็นต้น รวมถึงทำความสะอาดพื้นที่รกร้างให้ปลอดภัยเเละไม่เสี่ยงต่อการคุกคามทางเพศ
2.ให้กระทรวงมหาดไทยเเละกรุงเทพมหานคร ทำงานร่วมกับ NECTEC และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) จัดทำระบบรับเเจ้งเหตุการคุกคามทางเพศเพื่อให้เป็นศูนย์กลางเเละช่องทางหลักในการรับเรื่องร้องเรียน โดยใช้มุมมองของผู้หญิง (gender mainstream) ในการออกแบบการให้บริการและการแก้ปัญหา โดยอาจเชื่อมกับระบบเเจ้งเหตุที่มีอยู่เดิม
เเละนำข้อมูลระบบการทำงานของเเอพพลิเคชั่น Traffy Fondue (แผนที่ปักหมุดจุดเสี่ยง) ที่ NECTEC พัฒนาขึ้นให้ประชาชนสามารถเเจ้งเหตุผ่าน Line มาต่อยอด เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนได้ร้องเรียนการถูกคุกคามในเรื่องต่างๆ และให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที รวมถึงสื่อสารและประชาสัมพันธ์การให้บริการไปยังประชาชนทั่วไปอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อทำให้เกิดการใช้งานจริง ขณะเดียวกันเพื่อให้เกิดการเเก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องควรมีการสำรวจเเละเก็บข้อมูลเพื่อติดตามเเละปรับปรุงพื้นที่เป็นประจำแต่ต่อเนื่อง
3.จัดหาอาสาสมัครในเเต่ละพื้นที่เพื่อช่วยสอดส่อง ตรวจตราเเละดูเเลพื้นที่ คล้ายกับการทำงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เพราะหากคนในพื้นที่รู้สึกหวงเเหนเเละอยากมีส่วนร่วมแก้ปัญหาจะทำให้พื้นที่นั้นปลอดภัยได้มากขึ้น ยกตัวอย่างพื้นที่สะพานเขียว ชุมชนร่วมฤดีเเละลานกีฬาพัฒน์ ชุมชนเคหะคลองจั่น พื้นที่นำร่องที่ดึงชาวชุมชนเจ้าของพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมให้การดูเเลพื้นที่ เปลี่ยนที่รกร้างให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย
4.ให้กรุงเทพมหานครจัดสรรงบประมาณบำรุงรักษาพื้นที่เพิ่มเติม เนื่องจากการสำรวจข้อมูล พบว่า การคุกคามทางเพศที่เกิดขึ้นในที่สาธารณะ กว่า 50 % เกิดในพื้นที่ที่ขาดการบำรุงรักษา เเสงสว่างไม่เพียงพอเเละเป็นทางเปลี่ยว เนื่องจากการลงพื้นที่ในชุมชนที่ผ่านมา พบว่า เสาไฟฟ้าชำรุดหรือไฟไม่ติด เพราะไม่ได้เสียค่าไฟ เมื่อถามหาหน่วยงานที่รับผิดชอบในการซ่อมเเซมหรือชำระค่าไฟ หลายครั้งก็ไม่ได้รับคำตอบ เป็นต้น
"การทำงานจะต้องทำการจัดตั้งหน่วยงานหรือคณะทำงาน ซึ่งประกอบไปด้วยภาครัฐ วิชาการ และภาคสังคม เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม คล่องตัวเเละตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว ทั้งในเรื่องการรับเเจ้งเหตุ ช่วยเหลือ ปรับปรุงบำรุงรักษาพื้นที่ให้ปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา เพื่อส่งเสริมให้เกิดการทำงานแบบบูรณาการ เชื่อมประสานระหว่างหน่วยงานของกทม.ให้คล่องตัวและแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงที สั่งพัฒนาต่อยอดแอพฯคลุมพื้นที่ 50 เขตกทม." น.ส.วราภรณ์ กล่าว
ขณะที่ นายวสันต์ ภัทรอธิคม หัวหน้าทีมวิจัยระบบขนส่งและจราจรอัฉริยะ NECTEC ในฐานะผู้ออกแบบระบบรับแจ้งข้อมูล Traffy Fondue กล่าวว่า การปักหมุดได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเมื่อปีที่แล้วและมีการทำงานใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม มีการแจ้งเหตุ และเข้าไปแก้ไข เช่น ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ในขณะนี้ที่ได้มีการพูดคุยกับ ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดี มีการขอความร่วมมือจากนักศึกษาให้ร่วมกันปักหมุดแจ้งจุดเสี่ยงในพื้นที่มหาวิทยาลัย และตอนนี้ถือได้ว่ มธ. มีการใช้เทคโนโลยีปักหมุดนี้อย่างเต็มรูปแบบแล้ว
"หน่วยงานหลักอย่าง มท. และ กทม. เป็นหน่วยงานที่มีข้อมูลเชิงพื้นที่ชัดเจน เมื่อข้อมูลของพื้นที่เหล่านี้ได้เข้าสู่ระบบจะทำให้เราเห็นภาพรวมทั้งหมดของพื้นที่เสี่ยงว่าปัญหาอยู่ตรงจุดไหน ซึ่งขณะนี้ในส่วนของมหาดไทยได้มีนโยบายในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกว่า 350 เทศบาลที่นำแอพพลิเคชั่น Traffy Fondue ไปใช้ในการแจ้งเหตุในเทศบาลของตนเอง หากท้องถิ่นมีการเพิ่มโหมดของการปักหมุดจุดเสี่ยงภัยคุกคามทางเพศเข้าไปในระบบด้วย ก็จะแก้ปัญหาในท้องถิ่นได้อีกช่องทางหนึ่งด้วย โดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ ซึ่งมีการนำร่องไปแล้วเช่น เทศบาลนครอุบลราชธานี เทศบาลนครสุราษฏร์ธานี และเทศบาลเมืองแสนสุข เป็นต้น" นายวสันต์ ระบุ
นายวสันต์ ยังกล่าวอีกว่า การใช้แอพพลิเคชั่นฯ ถือว่ามีประโยชน์ในเรื่องการบริหารจัดการปัญหาเมือง และจุดเสี่ยงได้มาก โดยเฉพาะในเรื่องของการทำงานป้องกันภัยคุกคามทางเพศ จุดเสี่ยง ถือเป็นการแก้ไขปัญหาจากต้นตอปัญหา นอกเหนือจากเรืองจริยธรรม คือในส่วนของเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ที่อาจทำให้เกิดจุดเสี่ยง ไฟดับ พื้นที่เปลี่ยว ไม่มีแสงสว่าง ซึ่งจะทำให้มีการถูกค้นพบ มีการรายงาน มีการแจ้งเตือน เพื่อที่จะส่งต่อให้หน่วยงานรัฐ หรือ หน่วยงานที่รับผิดชอบมาปฏิบัติการแก้ไขโดยไม่ต้องนั่งรอเพียงมีคำสั่ง หรือ นั่งรอรับเรื่องร้องเรียน
ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาสำคัญ โดยเฉพาะในประเทศที่มีรายได้จากการท่องเที่ยว แต่กลับมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศแล้วถูกข่มขืน โดยเฉพาะใน กทม. ที่เหตุการณ์มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นได้ทุกแห่ง ขณะที่ในบางประเทศอย่างญี่ปุ่นคนเดินไปได้ทุกที่ ปลอดภัยเกือบ 100% ซึ่งเรื่องนี้ตนเข้าใจว่าเราจะต้องทำงานเชื่อมโยงกับ Response Team หรือทีมแก้ไขเมื่อเกิดปัญหา
"ต้องนำทุกเครือข่ายเข้ามาอยู Response Team ร่วมกับตำรวจที่มีทีมอยู่แล้ว หน่วยงานต่าง ๆ ต้องแบ่งบทบาทหน้าที่ว่าหน่วยไหนจะดูเรื่องอะไร รวมถึงงานเชิงป้องกันในส่วนของการไฟฟ้า เรื่องของการติดไฟในจุดเสี่ยงตามที่ประชาชนร้องเรียนมาให้มากขึ้น รวมทั้ง กทม. โดยเฉพาะสำนักเทศกิจ เราจะต้องมาทำงานในประเด็นนี้ร่วมกัน" รมว.มหาดไทย กล่าว
นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักเทศกิจเป็นเจ้าภาพดำเนินการปรับปรุงพื้นที่จุดเสี่ยง จากข้อมูลพื้นที่จุดเสี่ยงที่ กทม. มีข้อมูลอยู่แล้วกว่า 400 จุด บวกกับพื้นที่ปักหมุดของภาคีเครือข่ายเมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง อีกกว่า 700 หมุด และยินดีร่วมกับมหาดไทย การไฟฟ้า และตำรวจในการทำงานร่วมกันตามข้อเรียกร้องของภาคีเครือข่าย
น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ กมธ. เด็กสตรีเยาวชน ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ กล่าวว่า คาดหวังในระยะยาวให้พัฒนาแอพพลิเคชั่นให้เกิดผล เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูล เพื่อจะได้ช่วยเหลือกัน และอยากให้ กทม. เป็นจุดเริ่มต้นเมืองปลอดภัยผู้หญิง เพราะหากผู้หญิงปลอดภัย ทุกคนก็ปลอดภัย กรุงเทพฯ มีคนจำนวนมาก มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามามากมาย จึงอยากให้เป็นเมืองนำร่องทำในสิ่งนี้ ซึ่งตนขอชื่นชมภาคีเครือข่ายฯ ว่ามีความเข้มแข็ง ถือเป็นโมเดลที่จะผลักดันให้เป็นเมืองปลอดภัย และทำงานร่วมประสานกับภาครัฐ
อนึ่ง นอกจากการหารือร่วมกับภาครัฐแล้ว ภาคีเครือข่ายเมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง ยังได้เก็บข้อมูลและเสียงสะท้อนจากผู้หญิงที่เคยถูกคุกคามทางเพศในพื้นที่ที่มักเกิดเหตุอันตราย ได้แก่ พื้นที่ที่ขาดการบำรุงรักษา ไฟสว่างไม่เพียงพอ จุดอับสายตา ทางเปลี่ยวหรือทางแคบทางตัน พื้นที่ที่ไม่มีป้ายบอกทาง และพื้นที่ที่ไกลจากจุดบริการขนส่งสาธารณะ เพื่อนำมาถ่ายทอดในรูปแบบสารคดีเสียง “Sound Stories 6 เรื่องเล่าของผู้หญิงที่เคยถูกคุกคามทางเพศ” เพื่อใช้เป็นกระบอกเสียงในการผลักดันให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีนโยบายในการแก้ไขปัญหาการคุกคามทางเพศที่เกิดขึ้นในพื้นที่สาธารณะอย่างเป็นรูปธรรม โดยผู้สนใจสามารถคลิกรับฟังสารคดีเสียงทั้ง 6 เรื่องเล่าผ่านลิงค์ดังกล่าวนี้ http://www.soundstories.co/
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี