วันที่ 18 ก.ย.63 ความคืบหน้ากรณีที่ นางธัญนันท์ อาจเอื้อม อายุ 45 ปี ชาวบ้านคลองต้อ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ได้นำเอกสารเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล พร้อมรูปถ่ายขณะที่นายสมชาย อายุ 47 ปีพี่ชาย ซึ่งประสบอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจ.บุรีรัมย์ เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ออกมาร้องขอความเป็นธรรม เนื่องจากไม่พอใจหมอ พยาบาล ที่ทำการรักษาพี่ชาย โดยอ้างว่าทาง รพ. ปกปิดข้อมูลอาการของผู้ป่วย แจ้งเพียงว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก และไม่ยอมส่งต่อไปรักษายังโรงพยาบาลที่มีแพทย์เฉพาะทาง หรือเครื่องมือทางการแพทย์ที่พร้อมมากกว่า ปล่อยให้พี่ชายอาการทรุดลง ถึงยอมส่งต่ออีกทั้งไม่พอใจพยาบาลที่ปฏิบัติกับผู้ป่วยรุนแรง จนพี่ชายที่นอนรักษาตัวอยู่ทนความเจ็บปวดไม่ไหว ถึงขั้นเอ่ยปาก “ขอกลับไปตายที่บ้านดีกว่า”
ล่าสุดทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ชี้แจงเป็นเอกสารเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า จากกรณีนางธัญนันท์ อาจเอื้อม ได้ร้องเรียนผ่านสื่อว่า โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ขาดจรรยาบรรณปกปิดข้อมูลการรักษา มีเจตนาเลี้ยงไข้ไม่ส่งต่อรักษาในโรงพยาบาลที่มีแพทย์เฉพาะทางนั้น จากการตรวจสอบพบว่านายสมชาย อาจเอื้อม ซึ่งเป็นพี่ชายของผู้ร้องได้เข้ารับบริการ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 โดยผู้ป่วยประสบอุบัติเหตุจักรยายนต์ล้ม และได้รับการส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลชุมชน (รพ.ประจำอำเภอ) แพทย์ให้การรักษาโดยการใส่สายระบายลมเลือดในช่องอกข้างซ้าย จากกระดูกซี่โครงหักหลายท่อน และมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน คือมีเลือดออกในช่องเนื้อหุ้มปอด การรักษาก็คือการใส่สายระบายทรวงอก สังเกตการหายใจ ตรวจความเข้มข้นของเลือดให้ออกซิเจน และสังเกตปริมาณเลือดออกทุกวันตามคำแนะนำโดยแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยศาสตร์ประจำโรงพยาบาลนางรอง
และในส่วนของกระดูกไหปลาร้าข้างซ้ายหัก ไม่มีแผลภายนอก แผนการรักษาคือเป็นการใส่สายคล้องแขนพยุง ไม่ต้องรักษาด้วยการผ่าตัดและสามารถติดได้เองภายใน 6-8 สัปดาห์ แต่เนื่องด้วยผู้ป่วยยังมีสายระบายที่ใส่ในช่องอก จึงยังไม่ได้ให้สายพยุงแขนเพื่อรักษาภาวะกระดูกไหปลาร้าหักในตอนนั้นได้ เพราะต้องรักษาภาวะกระดูกซี่โครงหักก่อน ซึ่งต่อมาหากเมื่อลุกนั่ง/เดินได้ จึงจะรักษาภาวะกระดูกไหปลาร้าหักต่อไป
ทั้งนี้ แพทย์ที่ทำการรักษาแจ้งว่าได้ชี้แจงสภาวะของโรค และแนวทางการรักษาให้ผู้ป่วยและญาติฟังในเบื้องต้นแล้วแต่ก็ไม่พอใจในประเด็นการแจ้งการวินิจฉัยที่ไม่ครบถ้วน ทั้งการพบว่ากระดูกไหปลาร้าหักมาตรวจสอบพบภายหลัง มีความแตกต่างระหว่างโรงพยาบาลชุมชนและโรงพยาบาลบุรีรัมย์ในประเด็นที่กระดูกซี่โครงพบว่าหักเพิ่มขึ้น ซึ่งพยายามอธิบายว่าเกิดขึ้นได้เนื่องจาก ศักยภาพ เครื่องมือ การให้การรักษาของโรงพยาบาลบุรีรัมย์ที่สูงกว่า และแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์สูง อาจเป็นประเด็นการวินิจฉัยที่เพิ่มเติมเข้ามาในรายละเอียดได้ ซึ่งไม่ถือว่าโรงพยาบาลดังกล่าวไม่ได้ปกปิดข้อมูลใด ๆ และการรักษายังเป็นไปตามมาตรฐานซึ่งได้ปรึกษาทั้งในโรงพยาบาลนางรอง และบุรีรัมย์ ตลอดการรักษาในโรงพยาบาลชุมชนจนกระทั่งได้ส่งต่อการเคลื่อนย้ายขณะให้บริการก็จะมีความเจ็บปวดได้มากเพราะกระดูกหักย่อมเจ็บปวดได้ตามลักษณะปกติทั่วไปของตัวโรค แพทย์ก็ได้ให้ยาบรรเทาปวดเป็นช่วง ๆ
ต่อมาเมื่อผู้ป่วยมีเลือดออกมาจากสายระบายทางช่องอกมากขึ้น มีค่าความเข้มข้นเลือดลดลง จึงได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ตามแผนการรักษาที่ปรึกษาไว้ต่อไป ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ให้การรักษาจนผู้ป่วยกลับบ้านได้และมีความเห็นว่ากระดูกซี่โครงหัก และภาวะเลือดออกภายในช่องอก โดยได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลชุมชนด้วยการใส่สายระบายทรวงอกนั้นเหมาะสมแล้ว และดูแลเบื้องต้นได้ถูกต้องส่วนภาวะซี่โครงหัก กระดูกจะติดกันใช้เวลาประมาณ 8 สัปดาห์
จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่าผู้ป่วยได้รับบริการ ทางการแพทย์ที่ถูกต้องและเป็นไปตามมาตรฐานการรักษาแล้ว มิได้มีเจตนาเลี้ยงไข้ หรือปกปิดข้อมูลการรักษาแต่อย่างใด และในกรณีนางธัญนันท์ อาจเอื้อม ได้ยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นกรณีได้รับความเสียหายจากการรักษาตามมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 2545 แล้ว และคณะอนุกรรมการได้พิจารณาคำร้องประกอบความเห็นของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้วเห็นว่า กรณีดังกล่าว โรงพยาบาลดังกล่าวได้ให้บริการตามมาตรฐานการให้บริการภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้ว และการบาดเจ็บดังกล่าวเป็นไปตามพยาธิสภาพของโรค ไม่ใช่เกิดจากการรักษา จึงมีมติไม่ให้การช่วยเหลือกรณีดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี