พายุ‘โนอึล’ยังไม่หมดฤทธิ์
22จังหวัดอ่วม
น้ำท่วมหนัก-บ้านพัง222หลัง
‘ภูกระดึง’ฝายขาดเสียหาย
‘ตรัง’สั่งงดวิ่งเรือข้ามฟาก
ผบ.ทบ.เร่งช่วยทหารใหม่
ปภ.ชี้ “โนอึล” พัดถล่มเสียหาย 22 จังหวัด ประชาชนเดือดร้อน 1.4 พันครัวเรือน ด้าน “บิ๊กแดง” สั่งกองทัพเร่งช่วยเหลือชาวบ้าน-ครอบครัวทหารใหม่ได้รับผลกระทบจากพายุ ส่วนที่“ตรัง”หยุดบริการเรือข้ามฟากชั่วคราว หลังจากฝนกระหน่ำ ทะเลคลั่ง อุทยานฯ หาดเจ้าไหม โร่ปักธงแดง เตือนห้ามเล่นน้ำทะเล
เมื่อวันที่ 20 กันยายน นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า จากอิทธิพลพายุ‘โนอึล’และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่พัดปกคลุมอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรงบางพื้นที่ ทำให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก วาตภัยและดินสไลด์ โดยมีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ 22จังหวัด ได้แก่ จ.ตาก เพชรบูรณ์ อุดรธานี ขอนแก่น ชัยภูมิ มุกดาหาร อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด มหาสารคาม สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ นครราชสีมา ลพบุรี ปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด ชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ตและตรัง รวม77อำเภอ 139ตำบล 224หมู่บ้าน 1 เขตเทศบาล ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,400ครัวเรือน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ2ราย (เพชรบูรณ์)
ทั้งนี้ แยกเป็นพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำไหลหลาก 17จังหวัด ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ 4จังหวัด ประชาชนได้รับผลกระทบ 807ครัวเรือน ได้แก่ จ.บุรีรัมย์ อ.ดงแคน 1 ตำบล 4 หมู่บ้าน นครราชสีมา 8 อำเภอ ได้แก่ อ.ปากช่อง อ.เทพารักษ์ อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.ชุมพวง อ.ห้วยแถลง อ.โชคชัย อ.เมืองนครราชสีมา และอ.พิมาย รวม 14 ตำบล 21 หมู่บ้าน ลพบุรี 5 อำเภอ ได้แก่ อ.ชัยบาดาล อ.สระโบสถ์ อ.ลำสนธิ อ.โคกสำโรง และอ.โคกเจริญ รวม 20 ตำบล 46 หมู่บ้าน ชุมพร อ.เมืองชุมพร รวม 1 ตำบล 8 หมู่บ้าน ปัจจุบันระดับน้ำลดลงทุกจังหวัด
นายชยพล กล่าวต่อว่า พื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบจากวาตภัย 12จังหวัด 42อำเภอ 66 ตำบล 94 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 222หลัง ได้แก่ จ.เพชรบูรณ์ อ.วิเชียรบุรี รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน อุดรธานี อ.น้ำโสม รวม 1ตำบล 1หมู่บ้าน มุกดาหาร 7อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองมุกดาหาร อ.หว้านใหญ่ อ.ดอนตาล อ.นิคมคำสร้อย อ.คะชะอี อ.ดงหลวง และอ.หนองสูง รวม 7 ตำบล 7 หมู่บ้าน อุบลราชธานี 6อำเภอ ได้แก่ อ.เดชอุดม อ.น้ำยืน อ.โขงเจียม อ.เมืองมุกดาหาร อ.ตะการพืชผล และอ.ดอนมดแดง รวม 12 ตำบล 14 หมู่บ้าน ร้อยเอ็ด 2 อำเภอ ได้แก่ อ.ตะโพนแล อ.เชียงขวัญ รวม 4 ตำบล 9หมู่บ้าน
มหาสารคาม 7 อำเภอ ได้แก่ อ.กุดรัง อ.นาเชือก อ.ชื่นชม อ.วาปีปทุม อ.ยางสีสุราช อ.กันทรวิชัย และอ.บรบือ รวม 8 ตำบล 8 หมู่บ้าน สุรินทร์ 4อำเภอ ได้แก่ อ.ปราสาท อ.เมืองสุรินทร์ อ.จอมพระ และอ.รัตนบุรี รวม 4 ตำบล 5 หมู่บ้าน ศรีสะเกษ4อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองศรีสะเกษ อ.กันทรลักษ์ อ.ราษีไศล อ.เบญจลักษ์ รวม 7 ตำบล 7หมู่บ้าน ตราด อ.เกาะกูด 1ตำบล 1หมู่บ้าน พังงา 5อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองพังงา อ.ตะกั่วป่า อ.ท้ายเหมือง อ.ตะกั่วทุ่ง และอ.กระปง รวม 16ตำบล 34หมู่บ้าน ภูเก็ต อ.ถลาง รวม 1ตำบล 2หมู่บ้าน ตรัง 3อำเภอ ได้แก่ อ.หาดสำราญ อ.สิเกา และอ.กันตัง รวม 3ตำบล 4หมู่บ้าน พื้นที่ได้รับผลกระทบจากดินสไลด์ 1จังหวัด ได้แก่ จ.ระนอง อ.กระบุรี
นายชยพล กล่าวอีกว่า ทาง ปภ.ได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยขนย้ายสิ่งของไปไว้ในที่สูงและเร่งระบายน้ำท่วมขัง รวมถึงแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย พร้อมจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม โดยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
วันเดียวกัน พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก (ทบ.) กล่าวถึงการปฏิบัติการเข้าช่วยเหลือประชาชน และคลี่คลายอุทกภัยจากอิทธิพลพายุโซร้อน ‘โนอึล’ที่ส่งผลกระทบต่อหลายพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา เป็นวันที่ 3 โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือว่า ทบ.ได้ส่งกำลังพล ยุทโธปกรณ์ โดยเฉพาะรถบรรทุกขนาดใหญ่และเครื่องมือทางด้านการช่าง เข้าช่วยเหลือประชาชน ในการขนย้ายสิ่งของเครื่องใช้ของผู้ประสบอุทกภัยขึ้นที่สูง
นอกจากนี้ได้สร้างแนวกระสอบทรายเพื่อป้องกันน้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน การเคลื่อนย้ายสิ่งของ เศษซากวัสดุที่กีดขวางทางน้ำ เปิดเส้นทางและอำนวยความสะดวกด้านการสัญจร อพยพประชาชนสู่พื้นที่ปลอดภัย เพิ่มความแข็งแรงของแนวกั้นน้ำ หน่วยทหารได้ส่งชุดประเมินภัยพิบัติ เข้าติดตามสถานการณ์น้ำและสภาพอากาศโดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงหรือน้ำท่วมซ้ำซาก
ทั้งนี้ ทุกกองทัพภาคให้ความสำคัญกับการเข้าตรวจสอบและได้วางกำลังในพื้นที่เสี่ยง และการพักแรมอยู่เป็นเพื่อนประชาชนในชุมชน พร้อมให้การสนับสนุนทุกภาคส่วนเมื่อเกิดเหตุการณ์ ตามนโยบายของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ผบ.ทบ.
สำหรับการช่วยเหลือประชาชนในแต่กองทัพภาคมีดังนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบอันดับแรก กองทัพภาคที่ 2ได้จัดกำลังพร้อมยุทโธปกรณ์เข้าช่วยการระบายน้ำ, ทำพนังกั้นน้ำ, นำเรือท้องแบนเข้าช่วยเหลือในเส้นทางสัญจร, หรือถอนซากปรักหักพัง ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง ตัดและย้ายต้นไม้ที่ล้มทับอาคารบ้านเรือนในหลายจังหวัด ได้แก่ จ.นครราชสีมา อุบลราชธานีศรีสะเกษ สกลนคร สุรินทร์ขอนแก่น และบุรีรัมย์
ภาคเหนือ มีพื้นที่ประสบภัยใน จ. นครสวรรค์และตาก ซึ่งกองทัพภาคที่3 ได้นำกำลังพลและเครื่องมือ เข้าติดตั้งเครื่องสูบน้ำและขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง ภาคใต้ มีพื้นที่ประสบภัยใน จ.ตรังสตูลพังงาและระนอง ขณะนี้หน่วยทหารของกองทัพภาคที่4 ได้เข้าช่วยบรรจุกระสอบทรายแจกจ่ายประชาชน รื้อถอนซากปรักหักพัง ซ่อมแซมหลังคาบ้านเรือน และขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง ภาคกลาง กองทัพภาคที่1 ได้จัดกำลังเข้าอำนวยความสะดวกด้านการสัญจร บรรจุกระสอบทรายป้องกันน้ำท่วมแจกจ่ายประชาชนและขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง ใน 5 จังหวัด คือ จ.ปราจีนบุรีนครนายกสมุทรสาครลพบุรี และ กทม.
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวด้วยว่า ทาง พล.อ.อภิรัชต์ มีความห่วงใยต่อทหารใหม่และทหารกองประจำการที่ปฏิบัติหน้าที่ทั้งพื้นที่ชายแดนและภารกิจช่วยเหลือประชาชนอยู่ในขณะนี้ จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยทหารตรวจสอบทหารกองประจำการ โดยเฉพาะทหารใหม่ ที่ครอบครัวอาจประสบภัยพิบัติในช่วงนี้ ให้ทหารใหม่ได้ติดต่อกับครอบครัว เพื่อสอบถามสถานภาพความเป็นอยู่ และหากมีครอบครัวทหารกองประจำการได้รับผลกระทบจากพายุดังกล่าว หน่วยทหารในจังหวัดนั้นๆจะเข้าดูแลและประสานความช่วยเหลือกับครอบครัวทหารกองประจำการในทันที เพื่อให้ได้คลายความกังวลสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ส่วนที่ จ.เลย ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ อ.ภูกระดึง ตลอดทั้งคืนวันที่ 19กันยายนที่ผ่านมา และบนยอดภูกระดึง มีฝนตกจนทำให้น้ำป่าจากยอดภูไหลลงน้ำพองเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ 3 หมู่บ้าน กว่า 25-30 หลังคาเรือน โดยเฉพาะที่บ้านห้วยเดื่อหมู่8 หมู่12ต ศรีฐาน อ.ภูกระดึง มีบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วมขังแล้วจำนวนมาก ขณะนี้ระดับน้ำพองที่ไหลผ่านในบริเวณดังกล่าวกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถนนสายนายางเหนือไปบ้านน้ำพองถูกตัดขาด จนไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ส่วนฝายบ้านห้วยเดื่อน้ำได้กัดเซาะเป็นรูและพังลงบางส่วน โดยน้ำได้ไหลเข้าสู่พื้นที่เกษตรและเข้าบ้านเรือนแล้ว
ขณะที่บริเวณท่าเทียบเรือบ้านหาดยาว , ท่าเทียบเรือเกาะลิบง ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง รวมทั้งท่าเทียบเรือควนตุ้งกู ต.บางสัก อ.กันตัง และท่าเทียบเรือตะเสะ ต.ตะเสะ อ.ปะเหลียน พบว่าเรือโดยสารที่วิ่งรับส่งผู้โดยสารระหว่างเกาะลิบง เกาะมุก อ.กันตัง และเกาะสุกร อ.ปะเหลียน ต้องหยุดบริการรับส่งผู้โดยสารเป็นการชั่วคราว เนื่องจากสภาพคลื่นลมในทะเลที่ยังคงมีกำลังแรง โดยบริเวณใกล้ฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2-3 เมตร แต่ห่างฝั่งคลื่นยังคงรุนแรงสูงมากกว่า 3-4 เมตร ทำให้เรือโดยสารไม่น้อยกว่า 50 ลำ ซึ่งวิ่งไปมาระหว่างฝั่งกับเกาะดังกล่าว ต้องหยุดให้บริการ เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
เช่นเดียวกับเรือประมงขนาดเล็กยังต้องหยุดออกทำการประมงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยเป็นไปตามคำประกาศแจ้งเตือนของเจ้าหน้าที่ โดยจะรอจนกว่าสถานการณ์คลื่นลมในทะเลจะคลี่คลาย ทำให้ขาดรายได้ไปตามๆกัน
ด้านนายณรงค์ คงเอียด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ได้ระดมเจ้าหน้าที่อุทยานฯนำธงแดงไปปักเตือนประชาชนและนักท่องเที่ยวบริเวณชายหาด โดยห้ามลงเล่นน้ำในบริเวณดังกล่าว เนื่องจากคลื่นลมมีกำลังรุนแรง เกรงจะเกิดอันตรายกับนักท่องเที่ยว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี