ผศ.ดร.บุหงา ชัยสุวรรณ รองคณบดีคณะนิเทศศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) แนะนำประชาชนให้ใช้เกณฑ์ 6 ข้อ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารที่ได้รับว่าอาจเข้าข่ายเป็นข่าวปลอม (Fake News) หรือไม่โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับประเด็นด้านสุขภาพ ซึ่งประกอบด้วย 1.มิติโครงสร้างข่าว ข่าวมีแนวโน้มที่จะเป็นข่าวปลอม หากข่าวมีโครงสร้างข่าวไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์การเขียนข่าวที่ดี เช่น ไม่ระบุวันที่เผยแพร่ ไม่ระบุผู้เผยแพร่เนื้อหา ไม่มีการอ้างอิงข้อมูล ไม่มีการอ้างแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ
2.มิติบริบท คือ ข่าวปลอมมักจะมีผู้ติดตามส่วนใหญ่แสดงความคิดเห็นต่อเนื้อหาข่าวไปในทางลบ หรือมีผู้แชร์เนื้อหาต่อในปริมาณน้อย 3.มิติเนื้อหา คือ ข่าวปลอมมีแนวโน้มในการนำเสนอเนื้อหาในลักษณะไม่เหมาะสม เช่น การนำเสนอเนื้อหาที่ไม่ตรงกับเรื่องในพาดหัวข่าว การใช้ข้อความเชิญชวนหรือกล่าวโทษผู้อื่นในพาดหัวข่าว การอ้างอิงหลักฐานความเชื่อที่พิสูจน์ไม่ได้ หรือการใช้ข้อมูลสนับสนุนอย่างเกินจริง การยกตัวอย่างประสบการณ์ของหมอหรือผู้ป่วย รวมถึงเนื้อหาที่เน้นเชิญชวนให้ซื้อสินค้าหรือเกิดพฤติกรรมคล้อยตาม
4.มิติด้านภาษา คือ ข่าวปลอมมีการใช้ภาษาที่มีการสะกดผิด เช่น การใช้ตัวอักษรภาษาไทยปนกับตัวอักษรหรืออักขระพิเศษอื่นๆ หรือตั้งใจเว้นวรรคผิดรูปประโยค 5.มิติด้านโฆษณาและผู้สนับสนุน คือ ในหน้าเว็บที่นำเสนอข่าวปลอมจะมีสัดส่วนปริมาณโฆษณามากกว่าเนื้อหาข่าว และ 6.มิติด้านสุขภาพ คือ ข่าวปลอมจะมีการใช้คำที่อธิบายคุณสมบัติของสินค้าหรือบริการที่ไม่ได้รับอนุญาตจากกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ เช่น พ.ร.บ.อาหารและยา เป็นต้น
ผศ.ดร.บุหงากล่าวต่อไปว่า คณะนิเทศศาสตร์ นิด้า ยังร่วมกับโครงการ Fake News Fighter คณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และบริษัท แบ็คยาร์ด จำกัด พัฒนาระบบอัจฉริยะต้นแบบช่วยการตัดสินใจข้อมูลข่าวปลอมด้านสุขภาพ (Fact Checking Intelligent Platform) ในชื่อ “เช็กให้รู้”
โดยระบบดังกล่าวถูกพัฒนาขึ้นให้เป็นเครื่องมือที่ช่วยนำเกณฑ์การพิจารณาโครงสร้างข่าว มาผ่านกระบวนการทำงานของ Data Scientist ที่พัฒนาโมเดล ด้วยการสอนให้ระบบคอมพิวเตอร์เรียนรู้ผ่านการสร้าง Annotation หลังจากนั้นจึงนำข้อมูลมาทำการวิเคราะห์โดยนักนิเทศศาสตร์ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์สุขภาพ
แล้วจึงสร้างโมเดลการเรียนรู้ให้ระบบคอมพิวเตอร์ วิเคราะห์ แยกแยะโครงสร้างของข้อมูลข่าวด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) จนนำไปสู่ระบบตรวจสอบข่าวปลอมขึ้น ซึ่งระบบจะสามารถระบุถึง “แนวโน้มความเป็นไปได้ที่เข้าองค์ประกอบข่าวปลอม” (Fake news probability) ของข่าวที่นำมาตรวจนั้นเพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจของผู้รับข้อมูลข่าว และเสริมสร้างการรู้เท่าทันสื่อได้ในระยะยาว ซึ่งผู้สนใจสามารถเข้าไปติดตามได้ที่เฟซบุ๊คแฟนเพจ “เช็กให้รู้” https://www.facebook.com/Factcheckingcenter/
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี