ปอท.ฝากขังแอดมินเพจดัง
โพสต์หมิ่นสถาบัน
กระทำผิดพรบ.คอมพิวเตอร์
ได้ประกัน-รอดนอนคุก
ดีอีเอสฟ้องแพลตฟอร์ม
เฟซบุ๊ค-ยูทูบ-ทวิตเตอร์
ไม่ปิด‘เว็บ-เพจ’ผิดกม.
ปอท.ควบคุมตัว หนุ่มแอดมินเพจ“กูkult”โพสต์ข้อความหมิ่นสถาบัน ผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฝากขังพร้อมคัดค้านประกันแต่สุดท้ายญาติยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราว วงเงินประกัน 1แสนบาท ศาลอนุญาต ขณะที่ กระทรวงดีอีเอส เตรียมส่งตัวแทนแจ้งความแพลตฟอร์ม เฟซบุ๊ก,ยูทูบ,ทวิตเตอร์ เนื่องจากไม่ดำเนินการปิดเว็บหรือ เพจที่ผิดกฎหมายหลังได้คำสั่งศาล
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 23 กันยายน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ได้ควบคุมตัว นายนรินทร์ กุลพงศธร อายุ 31 ปี ชาว กทม. แอดมินเพจ”กูkult”@gukultrebellion ผู้ต้องหา กระทำผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1425/2563 ลงวันที่ 21 กันยายน 2563 มายื่นคำร้องขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรก
โดยคำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2562 พ.ต.ท.แทน ไชยแสง ผู้กล่าวหา ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับผู้ใช้เพจเฟซบุ๊กชื่อ “กูkult”@gukultrebellion ปรากฏตาม URL:www.facebook.com/ gukultrebellion และผู้ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2563 ผู้กล่าวหาได้ติดตามความเคลื่อนไหวกลุ่มต่อต้านสถาบันเบื้องสูงทางสังคมออนไลน์พบ ว่าบัญชีเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวได้โพสต์รูปภาพและข้อความที่มีเนื้อหาในลักษณะต่อต้านสถาบันฯ และรัฐบาล โดยตัดต่อภาพในลักษณะโจมตีสถาบันเบื้องสูง เป็นโพสต์แบบสาธารณะที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ จำนวน 4 โพสต์ ในเวลาต่างๆกันคือ วันที่ 16 สิงหาคม 2562 เวลา 22.12 น.วันที่ 13 สิงหาคม 2562 เวลา 14.53 น., และเวลา 13.30 น. และวันที่ 20 สิงหาคม 2562 เวลา 13.10 น.
จากการสืบสวนสอบสวนมีพยานหลักฐานน่าเชื่อว่า ผู้ต้องหาเป็นเจ้าของ ผู้ดูแล หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าว จึงได้รวบรวมหลักฐานขอศาลอาญาออกหมายจับ และได้แจ้งข้อหาฐาน “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสรารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน,นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร และเผยแพร่ หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ ตามมาตรา 14(2)(3)” อันเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14(2)(3) และ(5) แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 8
ต่อมาวันที่ 21 กันยายน 2563 เวลา 16.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอท.ได้เข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ ที่บ้านเลขที่ 65/40 ซอยอาทรอุปถัมภ์ แขวงและเขตบางซื่อ กทม. นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายเหตุเกิดที่ กทม.และเกี่ยวเนื่องกันทั่วราชอาณาจักร ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา
ทั้งนี้พนักงานสอบจะต้องสอบพยานอีก 4 ปาก,รอผลการตรวจพิสูจน์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และรอผลตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา จึงขออำนาจศาลฝากขังเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน-5 ตุลาคมนี้
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีมีอัตราโทษสูง หากให้ประกันตัวผู้ต้องหาน่าจะหลบหนี และจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้ ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้ว ไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้
ภายหลังญาติผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้อง พร้อมหลักทรัพย์ เป็นเงินสดเพื่อขอปล่อยชั่วคราว
ศาลพิจารณาแล้ว อนุญาตปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา วงเงินประกัน 100,000 บาท โดยไม่กำหนดเงื่อนไขใดๆ จากนั้น นายนรินทร์ได้เดินทางกลับทันที
วันเดียวกัน นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ในวันที่ 24 กันยายนนี้ จะส่งตัวแทนไปแจ้งความแพลตฟอร์มที่ได้มีคำสั่งศาลขอให้ปิดกั้นเพจหรือเว็บไซต์ผิดกฎหมาย อาทิ เฟซบุ๊ก ยูทูบ และทวิตเตอร์ โดยเป็นการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ มาตรา 27 เมื่อได้รับคำสั่งศาลแล้วต้องดำเนินการภายใน 15 วัน โดยกระทรวงฯ ได้ส่งคำสั่งศาลขอความร่วมมือไป 661 คำสั่ง ดำเนินการลบไปแล้ว 200 คำสั่งเหลือ ยังไม่ดำเนินการประมาณ 300 คำสั่งจึงจะยื่นให้ บก.ปอท. รับดำเนินคดีต่อไป
“ในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐกระทรวงฯต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งมิเช่นนั้นจะถือเป็นความผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งกระทรวงฯคิดว่า ปอท.คงเป็นผู้ประสานคณะกรรมการไกล่เกลี่ยเข้ามาดูแลว่าแต่ละกรณีที่ยังไม่ปิดเป็นเพราะอะไร”นายพุทธิพงษ์ ระบุ
ทั้งนี้ ทางกระทรวงฯ ได้ติดตามเนื้อหาการโพสต์ข้อความทางออนไลน์ในช่วงการชุมชนุมทางการเมืองในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างใกล้ชิด พบว่ามีการกระทำความผิดนำเข้าข้อความที่ผิดกฎหมาย 10 ราย จึงจะไปแจ้งความกับ ปอท.เพื่อเอาผิดกับผู้นำขเข้าข้อความที่ไม่เหมาะสม ส่วนที่มีจำนวนผู้กระทำผิดไม่มากเป็นเพราะกระทรวงฯ ต้องการให้ทำการดำเนินคดีกับบุคคลแรกที่เป็นผู้นำเข้าข้อมูลเท่านั้น
มีรายงานว่า กระทรวงดีอีเอส ได้มีหนังสือแจ้งเตือนการติดตามการปิดกันตามคาสั่งศาลจำนวน 1,024 รายการ (ชุดที่2 วันที่ 27 สิงหาคม 2553) ดังรายการต่อไปนี้-Facebook จานวน 661 Urls ปิดแล้ว 215 Urls คงเหลือ 446 รายการ-Youtube จานวน 289 Urls ปิดแล้ว 285 Urds คงเหลือ 4 รายการ-Twitter จานวน 69 Urls ปิดแล้ว 4 Urls คงเหลือ 65 รายการ-เว็บอื่น ๆจานวน 5 Urls ปิดแล้ว 4 Urls คงเหลือ 1 รายการ (ชุดที่ 3 เตรียมดำเนินการมีหนังสือแจ้งเตือนรวม 3,097 รายการแยกเป็น Facebook จำนวน 1,748 รายการ YouTube 607 รายการ Twitter 261 รายการและเว็บอื่นๆ 481 รายการประกอบด้วยหมิ่นสถาบัน, ลามก, การพนันยาเสพติดและลิขสิทธิ์)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี