สธ.ตั้งวอร์รูม
ส่งรถตรวจเชื้อ10จว.ชายแดน
ศบค.ไฟเขียวต่อพรก.ฉุกเฉิน
เคาะ6กลุ่มเข้าปท.ตามเงื่อนไข
ไทยป่วยใหม่22รายจากตปท.
นายกฯ ถก ศบค.ชุดใหญ่ ไฟเขียวต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินรอบที่ 6 ไปอีก 1 เดือน ถึง 31 ตุลาคม พร้อมอนุญาตให้ 6 กลุ่มเข้าประเทศได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด หวังกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นสำคัญ รวมถึงให้จัดแข่งขันแบดฯนานาชาติได้ช่วงต้นปี’64 ห่วงคนใส่แมสน้อยลงเหลือแค่ 80% สั่งรณรงค์ใส่ตลอดเวลาให้ได้ 90% พร้อมกำชับ สธ.จับตาการระบาดของโควิด-19ในเมียนมา ขอความร่วมมือประชาชน 10 จว.ติดชายแดนช่วยเป็นหูเป็นตา ด้านปลัดสธ.ตั้งวอร์รูมเฝ้าระวัง หลังพบสถิติ 1 เดือน เมียนมาติดเชื้อเพิ่มเท่าตัว บัวแก้วเตรียมถกรมว.ต่างประเทศเมียนมา ช่วยสกรีนคนเข้าออกสองประเทศ เพื่อสกัดเชื้อโควิดระบาดข้ามพรมแดน
เมื่อวันที่ 28 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล มีการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หรือ ศบค. ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.พิจารณาและมีมติเห็นชอบขยายการประกาศบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 หรือ “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” รวมถึงการเปิดประเทศรับนักธุรกิจและนักท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ไทยพบป่วยใหม่22รายจากตปท.
หลังประชุม นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19ว่า พบผู้ป่วยใหม่ 22 รายในสถานที่กักตัวของรัฐ มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,545 ราย ยอดสะสมผู้ที่รักษาหายแล้วรวม 3,369 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 59 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาล 117 ราย
16รายเป็นทหารช่างกลับจากซูดาน
สำหรับผู้ป่วยใหม่รายที่ 1 มาจากปากีสถาน เป็นนักเรียนชายไทย อายุ 13 ปี เดินทางมากับครอบครัว ถึงไทยวันที่ 13 กันยายน เที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 2 ราย เข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐ จ.ชลบุรี ตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 วันที่ 26 กันยายน ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ เข้ารักษาตัวโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจ.ชลบุรี รายที่ 2-17 มาจากซูดานใต้ เป็นชายไทย อาชีพรับราชการทหาร (ทหารช่างเฉพาะกิจ ไปปฏิบัติภารกิจทางทหาร) อายุระหว่าง 27-54 ปี ถึงไทยโดยเครื่องบินเช่าเหมาลำเมื่อวันที่ 22 กันยายน เข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐ จ.ชลบุรี ตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 วันที่ 26 กันยายน ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จ.กรุงเทพฯ
นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า รายที่ 18 มาจากฟิลิปปินส์ เป็นชายไทย อายุ 24 ปี อาชีพรับราชการทหาร (ไปศึกษาวิชาทหาร) เดินทางถึงไทยวันที่ 23 กันยายนเข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐ จ.ชลบุรี ตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 วันที่ 26 กันยายนผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแหลมฉบัง จ.ชลบุรี และรายที่ 19-22 มาจากอินเดีย โดย 3 รายเป็นมารดาและบุตรหญิง สัญชาติอินเดีย อายุ 35 และ 7 ปี และชายสัญชาติอินเดีย อายุ 38 ปี เป็นกรรมการบริษัท มีใบอนุญาตทำงาน เดินทางถึงไทยวันที่ 23 กันยายน เข้าพักในสถานที่กักตัวแบบทางเลือกในจ.กรุงเทพฯ ตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 วันที่ 26 กันยายน ผลตรวจพบเชื้อไม่มีอาการ เข้ารักษาโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพฯ และอีก 1 รายสัญชาติอินเดีย อายุ 30 ปี อาชีพพนักงานบริษัท เดินทางถึงไทยวันที่ 25 กันยายน เข้าพักในสถานที่กักตัวแบบทางเลือกจ.กรุงเทพฯ ตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 วันที่ 25 กันยายน ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ เข้ารักษาในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจ.กรุงเทพฯ
ขอปชช.10จว.ติดเมียนมาดูแลพรมแดน
นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ในเมียนมา ประเทศเพื่อนบ้าน วันนี้ผู้ติดเชื้อแตะ 10,734 ราย ซึ่งขอบชายแดนของเมียนมาติดกับไทยถึง 10 จังหวัด คือ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง จึงขอความร่วมมือประชาชน 10 จังหวัดร่วมมือดูแลขอบของไทยเป็นอย่างดี เพราะสถานการณ์เมียนมาที่เกิดขึ้นเกิดจากขอบที่ติดกับอินเดียและบังกลาเทศที่ติดเชื้อเริ่มต้นมาก่อน และไหลเข้ามาถึงใจกลางประเทศ ส่วนของเราหากตามทฤษฎีเดิมที่ทำมาคือ ใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง และรักษาความสะอาดจะช่วยป้องกันได้ก่อนมีวัคซีน ขณะที่รถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยพระราชทานกระจายตรวจตามแนวชายแดน ยังไม่พบการติดเชื้อแต่อย่างใด
นายกฯสั่งรณรงค์ใส่แมส-เร่งฟื้นศก.
“พล.อ.ประยุทธ์ยังเน้นย้ำกลางที่ประชุม ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรณรงค์ต่อเนื่องการใส่หน้ากากผ้า หน้ากากอนามัยตลอดเวลา หลังพบประชาชนใส่หน้ากากลดลงจากช่วงเดือนพฤษภาคมที่มีมากถึง 94.8% เหลือเพียง 82.2% จึงขอให้กลับไปเข้มงวดเหมือนเดิมให้ได้ 90% ถึงจะปลอดภัย และนายกฯยังย้ำความพร้อมรับมือ ต้องทำให้ประชาชนเชื่อมั่นระบบสาธารณสุขไทย แต่ภาคประชาชนต้องร่วมมือด้วย”นายกฯระบุ และว่า นอกจากนี้ นายกฯยังแสดงความเป็นห่วงผลกระทบที่มีต่อระบบเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ ทางแก้ไขทั้งหมดคือ มาตรการผ่อนคลายต่างๆต้องเกิดขึ้น โดยมีมาตรฐานที่เราใช้คือกักตัว 14 วันในการควบคุมโรค แต่ทั้งนี้มีบางคนเข้ามาในระยะสั้นๆเพื่อลงนามต่างๆ วันนี้จึงมีรายงานความคืบหน้าการอนุญาตให้บุคคลเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร โดยอาศัยอำนาจตามข้อ 3 ของข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 ฉบับที่ 13 มีทั้งหมด 6 กลุ่ม ประกอบด้วย
เปิด6กลุ่มเข้าปท.เอื้อประโยชน์ศก.
กลุ่มที่ 1.อนุญาตให้นักกีฬาต่างชาติเดินทางเข้ามาร่วมแข่งขันจักรยานทางไกลนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี วันที่ 6-16 ตุลาคม ที่จ.สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง และสุราษฎร์ธานี โดยให้กักตัว 14 วันที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ 2.แนวทางปฏิบัติกักตัวนักบินและลูกเรือ บริษัท การบินไทย จำกัด มหาชน ใน repatriation flight จะมีลูกเรือ 340 กว่าคน ขอกักตัว เพราะบินในช่วงที่ไปสหรัฐฯ โดยที่ประชุมอนุมัติให้ดูแลบุคคลสัญชาติไทยที่ปฏิบัติหน้าที่ในเที่ยวบินพิเศษ ในการเดินทางกลับเข้ามาภายในราชอาณาจักร และเข้ารับการรักษา กักตัวในสถานที่กักตัว 3.อนุญาตให้ผู้ที่ถือวีซ่าประเภทคนอยู่ชั่วคราวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เน้นย้ำว่าเป็นนักธุรกิจที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานในประเภทต่างๆเลย เพราะมีคนจำนวนมากจำเป็นต้องเข้ามาเพื่อประโยชน์ภาคธุรกิจ แต่ไม่สามารถเข้ามาได้ เพื่อเอื้อประโยชน์ในการขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจของประเทศจึงเห็นควรอนุญาตให้เข้ามาได้ แต่ต้องมีสำเนาเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือนติดต่อกัน ในจำนวนเงินเทียบเป็นเงินไทยไม่น้อยกว่า 5 แสนบาท
เน้นนทท.STV-นักธุรกิจ18ปท.เอปก
นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า กลุ่มที่ 4 กำหนดเงื่อนไขผู้ขอวีซ่าสำหรับกลุ่ม Long Stay ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบเมื่อวันที่ 15 กันยายน ผู้ที่จะเข้ามาต้องตรวจลงตราประเภท Special Tourist VISA (STV) นายกฯเห็นควรให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากับกระทรวงการต่างประเทศ หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดเงื่อนไขลงตราให้สอดคล้องกันบนพื้นฐานการคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศที่ได้รับจากการเดินทางเข้ามา 5.อนุญาตให้ผู้ถือบัตร APEC Card เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งเป็นนักธุรกิจที่มีการคัดกรองและได้รับการยอมรับจากประเทศกลุ่มเอเปก 18 ประเทศต้นทางจำนวนหลายแสนคน ที่มีความต้องการเข้าในไทย ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเช่นกัน นายกฯจึงเห็นสมควรให้เดินทางเข้ามาได้ โดยเลือกประเทศที่มีความเสี่ยงน้อย เช่น นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ มาเลเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน และฮ่องกง คาดว่าประมาณ 1 แสนคนจะเข้ามา โดยจะมีมาตรการควบคุมโรคเป็นอย่างดี และ 6.อนุญาตให้ผู้ประสงค์จะพำนักในประเทศไทยในระยะสั้น ระยะยาว เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งคนที่ต้องการเข้ามาอยู่ใน 60 วันขอต่อได้อีก 30 วัน ทั้งนี้ ต้องมีบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน มีจำนวนเงินเทียบเป็นเงินไทยไม่น้อยกว่า 5 แสนบาท โดยกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้พิจารณาอนุญาต
ต่อพรก.-จัดแข่งแบตฯนานาชาติ
โฆษก ศบค.ยังกล่าวถึงการพิจารณาพ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า ที่ประชุมยังเห็นควรเสนอต่อประชุมครม.ขอขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นครั้งที่ 6 ต่อเนื่องวันที่ 1-31 ตุลาคม เพื่อควบคุมป้องกันโรคเท่านั้น ส่วนเรื่องการชุมนุมมีกฎหมายอื่นดูแล นอกจากนี้ ยังพิจารณาการขออนุญาตให้สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย เสนอจัดการแข่งขันแบดมินตันระดับนานาชาติ หรือ BWF World Tour ในประเทศไทย ซึ่งมีระดับการแข่งขันสูงสุดจะมีนักกีฬามีชื่อเสียงระดับโลกเข้ามา ศบค.จึงเห็นชอบหลักการให้ดำเนินการจัด ซึ่งจะเกิดขึ้นช่วงเดือนมกราคม 2564 โดยมีมาตรการควบคุมดูแลอย่างดี
สธ.จับตาเมียนมา1เดือนติดเชื้อเพิ่มเท่าตัว
นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์หลังประชุมศบค.ว่า ที่ประชุมเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โควิด-19 ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา เพราะจากสถิติที่เราพบเมียนมามีผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้นรวดเร็ว ขณะนี้มากกว่า 10,000 คนแล้ว และแต่ละวันเพิ่มขึ้นประมาณ 1,000 คน/วัน และยังพบว่าบางช่วงเพิ่มขึ้นเท่าตัวใน 1 เดือนที่ผ่านมาก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก 1,000 เป็น 2,000 และเป็น 4,000 เป็น 8,000 กระทั่งเป็น 10,000 คน ซึ่งเราติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด โดยมีมาตรการอยู่ 2 แนวทางคือ 1.ควบคุมการเข้าออกระหว่างสองประเทศ บูรณาการฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคง สาธารณสุข โดยเฉพาะเรื่องป้องกันช่องทางธรรมชาติตามแนวชายแดน 2.สธ.นำทีมลงตรวจโดยเฉพาะการใช้รถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยพระราชทานในอ.แม่สอด จ.ตาก 2,000 กว่าราย แต่ไม่พบผู้ติดเชื้อ ซึ่งมีทั้งคนไทยและคนต่างชาติอย่างละครึ่ง นอกจากนี้ สธ.ยังเตรียมพร้อมโรงพยาบาล และสถานบริการทางการแพทย์ การพยาบาลทุกระดับ โดยเฉพาะใน 10 จว.ติดเมียนมา รวมถึงเตรียมอสม.หน้ากากอนามัย ชุดพีพีอี ที่ป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ที่เสี่ยงติดเชื้อ งบประมาณลงไปในพื้นที่ให้เกิดความพร้อม
ปลัดสั่งตั้งวอร์รูมพร้อมรับมือ
“นอกจากนี้ ยังมีการตั้งวอร์รูมขึ้นที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อติดตามสถานการณ์ เพื่อที่จะเข้าไปสนับสนุนได้ทันทีและเต็มที่ หากสถานการณ์เปลี่ยนแปลง โดยจะติดตามสถานการณ์ระบาดในเมียนมาใกล้ชิด ขณะที่ทางเมียนมาก็พร้อมสนับสนุนและประสานงานให้ความร่วมมือกับประเทศไทยเช่นกัน เป็นการรับนโยบายจากรัฐบาล เพื่อนำความรู้ความชำนาญของไทยที่มีอยู่ ซึ่งนานาชาติยอมรับไปถ่ายทอดให้ประเทศเพื่อนบ้าน” ปลัดสธ.ระบุ
นายกฯกำกับร่างแผนดูแลนทท.-นักธุรกิจ
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมกล่าวว่า ที่ประชุมวันนี้เป็นการวางแผนเดินหน้าประเทศเรื่องเศรษฐกิจ ตนให้แนวทางหาวิธีดูแลเศรษฐกิจให้เดินหน้าไปได้ด้วยดี เน้นกลุ่มแรกคือ นักธุรกิจ ที่มาลงทุนต้องมีมาตรการเฉพาะดูแลคนเหล่านี้อย่างไร มีมาตราการติดตาม ป้องกันอย่างไร กลุ่มที่สองคือ นักท่องเที่ยวทั้งระยะสั้น และระยะยาวแบบมาเที่ยว 60 วันขึ้นไป เราต้องดูตั้งแต่ต้นทาง ประเทศที่จะมา พื้นที่ที่พักอาศัย และการดูแลผู้ประกอบการชั้นล่าง เพื่อให้เศรษฐกิจขับเคลื่อน
ฟุ้งไทยเนื้อหอมนทท.อยากมา
“ไทยเป็นประเทศที่หลายประเทศต้องการมา เพราะแก้ปัญหาโควิด-19 ได้ดี แต่เราต้องมองสองมิติเสมอคือ ความร่วมมือ ความเข้าใจของประชาชนในพื้นที่ เราต้องทำเป็นระบบทั้งหมดว่า ตั้งแต่ต้นทาง ปลายทาง มาอย่างไรไปอย่างไร เรามีแอพพิเคชั่นติดตามได้ดีขึ้น ขณะเดียวกันเราพร้อมเรื่องยา อุปกรณ์ และบุคลากรทางการแพทย์รองรับคนได้จำนวนมาก ซึ่งจะคิดอะไรต้องคิดต่อเนื่องทั้งระบบ ต้นทางถึงปลายทาง เพื่อทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าไปให้ได้ช่วง 3 เดือนข้างหน้าตุลาคมถึงธันวาคม ถ้าไม่ทำอะไรเลยเราจะแย่กว่าเดิม ทุกอย่างจะถอยหลังทั้งหมด ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ร่วมปฏิบัติระเบียบ กติกา ทั้งหมด”นายกฯกล่าว และย้ำว่า ตนเป็นห่วงกังวลเรื่องการใช้หน้ากากอนามัย ขอให้ใช้กันต่อเนื่อง กินร้อนช้อนกลางล้างมือ และเว้นระยะห่างทางสังคม ขอให้เห็นใจรัฐบาลบ้าง ถ้าทุกคนไม่เอาอะไรเลย ก็จะถอยหลังไปเรื่อย จึงขอให้ระมัดระวังกันต่อไป
กต.เล็งคุยเมียนมาช่วยสกัดคนเข้าออก
ขณะที่นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ เปิดเผยว่า ที่ประชุมกำชับเรื่องการคุมเข้มแนวชายแดนไทย-เมียนมา ทั้งการคัดกรองโรค การตรวจหาเชื้อ ส่วนการช่วยเหลือเมียนมาเพื่อหยุดยั้งการระบาดนั้น เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เราต้องคิดถึงวิธีการที่จะไปช่วยเขา ไม่ใช่แค่เวชภัณฑ์ ซึ่งคงต้องหารือกับรมว.ต่างประเทศเมียนมาด้วยในเร็วๆนี้ ในการช่วยเหลือกันได้อย่างไรบ้างนอกจากเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องหารือกันคือ การสกรีนคน ไม่ใช่ปล่อยให้มาออกันที่ด่านชายแดนจำนวนมาก เพราะเดี๋ยวจะควบคุมไม่ได้ เช่นเดียวกันทั้งขาเข้าและขาออก ซึ่งเราต้องทำกันเป็นระบบ โดยดูเรื่องการกักตัวแต่ละชุดจะดำเนินการกี่คนและตรวจตรากันอย่างดี เพื่อให้รับรู้ว่าใครเป็นใคร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี