29 กันยายน 2563 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสุรินทร์รายงานว่า จากกรณี ที่มีผู้ใช้ Facebook (โกโก้ กู้ภัย ศูนย์หนึ่ง) ได้โพสต์เรื่องราวเมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2563 ว่าช่วงเวลาประมาณ 15:15 น ได้รับแจ้ง จากพลเมืองดีมีผู้พบเห็นชายวัยรุ่น หอบลูกน้อยปั่นจักรยานริมถนนสุรินทร์- บุรีรัมย์ โดยใช้ผ้าขาวม้ามัดลูกติดกับหน้าอก ซึ่งพลเมืองดีที่พบเห็นเกรงว่าจะเกิดอันตราย จึงแจ้ง ไปทางหน่วยกู้ชีพกู้ภัยสุรินทร์ เพื่อให้ลงพื้นที่มาตรวจสอบ จากการสอบถาม ของเจ้าหน้าที่เบื้องต้น ทราบว่า ชายวัยรุ่นคนดังกล่าวได้หอบลูกน้อย วัยเพียง 2 เดือน ปั่นรถจักรยานมุ่งหน้าไปยังอำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ระยะทางร่วมๆ 30 กิโลเมตร เพื่อที่จะตามง้อภรรยา ที่ได้ทะเลาะกันก่อนหน้านี้ และเนื่องด้วย ต้นค่อนข้างมีฐานะยากจน ไม่มีเงิน จึงตัดสินใจพาลูกน้อยปั่นจักรยาน
จากที่ประชาชนในโลกโซเชียล ได้พบเห็นโพสต์ดังกล่าว จึงให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ และ แชร์ คอมเม้น กระหน่ำ ถึงกรณีที่เกิดขึ้น และมีประชาชนหลายท่าน รวมถึงหน่วยงานต่างๆ เกิดความสงสาร อยากจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ คุณพ่อวัยรุ่นคนดังกล่าว จนเกิดกระแสดราม่า ขึ้นมาว่า คุณพ่อ พยายามสร้างกระแสหรือเปล่า
ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสุรินทร์ รุดพื้นที่ ชุมชนศรีบัวราย ซึ่งเป็นชุมชนแออัด ลักษณะคล้ายสลัม และได้พบกับ นายรณชัย อาสาดี อายุ 24 อาศัยอยู่บ้านเช่า เลขที่ 81/3 หมู่ 11 ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นคุณพ่อ ที่หอบลูกปั่นจักรยาน คนดังกล่าว ผู้สื่อข่าวจึงขอสัมภาษณ์ ถึงกรณีที่เกิดขึ้น นายรณชัย อาษาดี เล่าว่า ตอนแรก ตนกะว่าจะพาลูกปั่นจักรยานเล่น เพราะลูกร้อง จังหวะนั้นต้นก็คิดไปคิดมา ว่าจะพาลูกไปตามหาแม่ ก็เลยตัดสินใจพาลูกปั่นจักรยานออกไป จังหวะนั้นมีผู้พบเห็น จึงเข้ามาสอบถาม ต้นจึงบอกว่าจะพาลูกไปตามหาแฟน ที่ทะเลาะกันก่อนหน้านี้ ที่อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งก่อนหน้านี้แฟนสาว ได้หนีออกจากบ้าน และตนก็ได้เลี้ยงลูกรอที่บ้านเป็นอาทิตย์ ด้วยความเครียด จึงได้ตัดสินใจพาลูกออกตามหา ด้วยความที่ตนเองไม่มีเงิน จึงไม่ได้เลือกที่จะนั่งรถโดยสาร แต่ด้วยความเป็นห่วงลูกกลัวไม่มีคนดูแล จึงตัดสินใจพาลูกไปด้วย แทนที่จะเดินทางไปแค่คนเดียว
ส่วนเรื่องโลกโซเชียล ที่นำเรื่องราวของตน ออกไปโพสต์และมีการวิพากษ์วิจารณ์ ว่าตนกำลังสร้างกระแส ให้เกิดเป็นเรื่องดราม่า ตนรู้สึกเสียใจ ความจริงยอมรับว่าเป็นความผิดของตน ที่พาลูกออกไปอย่างนั้น ตนไม่ได้ตั้งใจที่จะสร้างกระแส เพราะตอนที่ตนตัดสินใจเดินทางออกไป ก็ไม่ได้บอกใครให้ทราบ แค่มีคนมาพบเห็น และนำเรื่องราวของตนออกไปโพสต์ ก็เท่านั้น ซึ่งตอนนี้ตนกับแฟนสาว ก็ได้เคลียร์กันรู้เรื่องแล้วทางด้านแฟนสาวก็ได้กลับมาเลี้ยงลูกแล้ว แต่ไม่พร้อมที่จะให้สื่อสัมภาษณ์ หลังจากนี้ถ้าตนกับแฟนสาวมีการทะเลาะกันอีก ตนก็จะพยายามใช้เหตุผลคุยกัน และตนอยากจะขอโทษ ประชาชน ในโลกโซเชียลที่ให้ความสนใจตนไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น มันเป็นเรื่องที่ตนกับแฟนสาวเข้าใจผิดกัน และอยากให้สังคมโซเชียล หยุดแชร์เรื่องราวของตน ส่วนผู้ที่ใจดีอยากจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ รวมถึงหน่วยงานต่างๆ ตนขอย้ำว่า กลัวจะเป็นกระแสดราม่าเพราะตนก็ไม่อยากจะรับเป็นเงิน ถ้าจะมีผู้ใดมาช่วยเหลือ ก็ขอเป็นแค่นมกับของใช้ให้ลูกก็พอ เพราะวันรุ่งขึ้นก็จะไปทำงานเป็นปกติ
ทางด้าน นางรุ่งรัตน์ มณีสด อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นประธานชุมชนศรีบัวราย ได้เล่าว่า ตนอยากจะขอบคุณทางด้าน เจ้าหน้าที่กู้ภัย ที่ให้ความช่วยเหลือ เรื่องที่น้องพาลูกปั่นจักรยานไปตามง้อแฟน อาจจะเป็นเพราะว่าด้วยวุฒิภาวะ และอารมณ์ชั่ววูบ ซึ่งไม่นึกถึงผลกระทบที่ตามมากับลูกน้อย ซึ่งปัญหาเหล่านี้ ก็เป็นผลพวงมาจากวัยรุ่นที่มีปัญหาสภาพครอบครัวที่ไม่พร้อม ซึ่งจุดนี้ตนเล็งเห็นว่ามันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ซึ่งทางชุมชนเองก็เป็นห่วง ทางด้านลูกน้อยและคนในชุมชนก็พยายามจะช่วยเลี้ยงดูกัน ซึ่งตอนนี้จากปัญหาที่โลกโซเชียลได้พบเห็น ทางด้านครอบครัวของน้องก็ได้มีการเคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว และอีกอย่างคนในชุมชนก็พบเห็นพ่อแม่เด็กตั้งแต่ยังเยาว์วัย รู้ว่าปัญหาเกิดจากอะไร จากนี้คนในชุมชนก็จะช่วยกันดูแล ทางด้านลูกน้อยต่อไป และในฐานะที่ตนเป็นผู้นำชุมชน จนก็อยากให้สังคมโซเชียล หยุดแชร์เรื่องราวของน้องเขา อยากให้สังคมให้อภัย อยากให้สังคมให้โอกาสเพราะตัวเองว่า ตัวพ่อและแม่ของเด็กเองจะไม่มีที่ยืนในสังคม
ทางด้านนายฉลองกรุง สุวรรณบุตร หัวหน้าหน่วยกู้ภัยสุรินทร์ อายุ 38 ปี หน่วยกู้ชีพ กู้ภัย ที่ลงพื้นที่ไปช่วยเหลือ เล่าว่า ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี เจอผู้ชายปั่นจักรยาน เอาลูก ใส่ผ้าขาวม้ามัดติดกับหน้าอก บนถนนเส้นทางสุรินทร์ มุ่งหน้าอำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ จนจึงได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบเบื้องต้นสอบถาม แล้วว่า ชายคนดังกล่าวได้ออกลูกเป็นตามง้อเมีย ที่อำเภอกระสังจังหวัดบุรีรัมย์ แต่ทางด้านพลเมืองดีที่โทรแจ้งเป็นห่วงเด็ก จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ หยุดการเดินทางของชายคนดังกล่าวไว้ก่อน เกรงว่าจะเกิดอันตรายแก่เด็ก ซึ่งสภาพที่ตนลงพื้นที่ไปพบเจอเด็กทารก น่าจะเพิ่งเกิด ได้ไม่กี่เดือน เริ่มตัวแดง ตัวร้อน คล้ายกับน้องอ่อนเพลีย เนื่องจากผู้เป็นพ่อ พาปั่นจักรยานตากแดด มาเป็นเวลานาน แต่ไม่ร้องงอแง ตนก็พยายามหาผ้าเปียกเช็ดตามร่างกายให้ ได้สอบถามเบื้องต้น อีกทีจึงทราบว่า ผู้เป็นพ่อ ได้ทำงานเป็นลูกจ้างรายวัน ในร้าน รับซื้อของเก่า จึงไม่ค่อยมีเงินเลยตัดสินใจพาลูกปั่นจักรยาน ข้ามจังหวัดเพื่อไปตามหาแฟนสาว ที่ทะเลาะกันก่อนหน้านี้ ที่ได้ตัดสินใจพาลูกไปด้วยเพื่อจะให้ทางแฟนสาวเห็นใจ และกลับมา แต่ระยะทางที่ปั่นจักรยานข้ามจังหวัดนั้นค่อนข้างไกล ประมาณ 20 ถึง 30 กิโลเมตร ทำพลเมืองดีที่เห็น รู้สึกสงสารเด็กจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบ เพราะช่วงเวลาที่พบเห็น เป็นเวลาประมาณ 15:00 น แดดค่อนข้างร้อน
ส่วนเรื่องที่ตนนำเรื่องราวไปโพสต์ในโลกโซเชียล ตนมองว่า มันเป็นเรื่องปกติถ้าในกรณีเป็นกระแสดราม่า ต้องมีผู้ที่เข้าข้าง ทั้งสองฝ่าย บางคนก็โจมตีผู้โพสต์ แต่จุดประสงค์ที่ตนโพสต์ และตีแผ่ออกไป เพราะตน รู้สึกสงสารเด็กและสงสารพ่อเด็ก เบื้องต้นต้นก็ได้พูดคุยกับคุณแม่ของ เด็กวัยรุ่นคนดังกล่าว ซึ่งเป็นย่าของเด็กทารก ก็ได้มีการขอบคุณตนเช่นกันที่ช่วยเหลือลูกชาย ตนมองว่าพ่อของเด็ก ด้วยวุฒิภาวะ สิ่งที่ตัดสินใจทำลงไปอาจจะไม่ได้ปรึกษาใคร โดยไม่นึกถึงอันตราย ที่จะเกิดขึ้นกับเด็กทารกที่นำไปด้วย ส่วนเรื่องใครจะมองว่าตนสร้างกระแสให้เกิดเรื่องดราม่าหรือเปล่า ต้นก็ไม่ได้คิดอะไร แค่เราอยากจะช่วยเหลือ ก็เท่านั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี