2 ตุลาคม 2563 เมื่อเวลา 04.30 น. พ.อ.เอกพงษ์ กฤตยาเกียรติชุติ ผบ.ชค.กรม.ทพ.12 (ผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่12) ได้สั่งการให้ ร.ต.ธิติวุฒ ยีนุช ผบ.ร้อย.ทพ.1201 (ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่1201) ประสานความร่วมมือกับ พ.ต.อ.ฐนพงศ์ โพธิ์ทิ ผกก.สภ.คลองลึก และ พ.ต.อ.อาทิตย์ ยาแก้ว ผกก.ตม.จว.สระแก้ว สนธิกำลังร่วมกันออกลาดตระเวนและเฝ้าตรวจป้องกันสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา บริเวณตะเข็บแนวชายแดนตามช่องทางธรรมชาติ ในพื้นที่ ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่จุดเสี่ยงเนื่องจากอยู่ติดแนวลำคลองพรมโหด ซึ่งเป็นคลองกั้นพรมแดนไทย-กัมพูชา และเป็นจุดล่อแหลมต่อการลักลอบเข้าไทยของแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา
ตามนโยบายของ พล.ต.อมฤต บุญสุยา ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา คนใหม่ ที่มารับตำแหน่งและได้สานต่อการป้องกันและสกัดกั้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่อาจติดมากับแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ต่อจาก พล.ต.ธราพงษ์ มะละคำ อดีตผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บัญชาการทหารบก ให้เลื่อนขึ้นไปเป็นรองแม่ทัพภาคที่1
ซึ่งต่อมาขณะ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการร่วมดักซุ่มอยู่บริเวณริมคลองพรมโหด ตะเข็บชายแดน บ้านท่าข้าม ม.1 ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยคาดว่าเป็นแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาจำนวนหลายคน อาศัยความมืดลักลอบว่ายน้ำข้ามคลองพรมโหด ซึ่งเป็นคลองกั้นพรมแดนไทย-กัมพูชา จากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา มาขึ้นตลิ่งที่ฝั่งไทย เจ้าหน้าที่ซึ่งดักซุ่มอยู่ริมคลอง จึงใช้ไฟส่องสว่างส่องพร้อมแสดงตัวเป็น เจ้าหน้าที่เข้าทำการควบคุมตัวไว้ได้ทั้งหมดรวม 10 คน เป็นชาย 5 คน หญิง 3 คน และ ดญ. 2 คน พร้อมกระเป๋าสัมภาระ
จากการตรวจสอบไม่มีเอกสารการเดินทางและเอกสารอนุญาตทำงานในประเทศไทยแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ทหารเสนารักษ์ ประจำ ร้อย ทพ.1201 จึงได้ทำการตรวจคัดกรองโรค และวัดอุณหภูมิร่างกาย ตามมาตรการตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 ของ ศบค.ทบ. ก่อนควบคุมตัวทั้งหมดมาทำการสอบสวนที่ กองร้อยทหารพรานที่1201 จุดตรวจ อ.20 ด่านพรมแดนคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
จากการสอบสวนเบื้องต้นชาวกัมพูชาทั้งหมดรับสารภาพว่า ได้ลักลอบว่ายน้ำข้ามพรมแดนเข้ามาในประเทศไทยเพื่อจะมาหางานทำ เนื่องจากอยู่บ้านที่ฝั่งกัมพูชาไม่มีงานทำ เกิดความอดอยากจึงยอมเสี่ยงตาย หอบลูกหลานว่ายน้ำข้ามคลองกั้นพรมแดนเพื่อมาหางานทำในประเทศไทย โดยไม่มีผู้นำพาใดๆ
จากนั้น เจ้าหน้าที่จึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของกัมพูชา แล้วนำชาวกัมพูชาทั้งหมดไปผลักดันกลับประเทศที่ช่องทางอนุโลม ( จต.ส.38 ) บ.โนนหมากมุ่น ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี