เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2563 นายภาษเดช หงส์ลดารมภ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นายวันชัยจงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย นำชาวเทศบาลนครเชียงราย ชาวเชียงราย ร่วมทำบุญตักบาตรวันออกพรรษา ตักบาตรเทโวโรหณะ ตั้งแต่เชิงบันไดวัดดอยงำเมือง ไปจนถึง แยกศาล ถนนธนาลัย เขตเทศบาลนครเชียงราย โดยมีชาวพุทธนุ่งขาว ร่วมทำบุญตักบาตร ข้าวสารอาหารแห้งจำนวนมากโดยคณะสงฆ์ที่ออกรับบิณฑบาตร นำโดยพระรัตนมุนี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย นำพระสงฆ์ 269 รูป
ทั้งนี้ตลอดเส้นทางการทำบุญตักบาตร ทางเทศบาลนครเชียงราย ได้จัดรถประชาสัมพันธ์การทำบุญแบบใหม่ ในการสวมใส่หน้ากาก เพื่อป้องกันโควิด-19 ไปในตัวด้วย
นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย กล่าวว่า ประเพณีการตักบาตรเทโวฯ ทางเทศบาลนครเชียงรายจัดขึ้นทุกปี เพื่อสืบสานประเพณีที่สำคัญในอันที่จะแสดงให้เห็นถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพุทธศาสนิกชนในการที่จะทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และส่งผลให้เกิดความสมัครสมานสามัคคีนับเป็นกลไกสำคัญต่อการพัฒนาด้านคุณธรรม จริยธรรมของประชาชน และนำพา สันติสุขให้เกิดขึ้นในสังคม เทศบาลนครเชียงราย จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนพุทธศาสนิกชนร่วมกันทำบุญตักบาตรเทโวโรหณะมหาปวารณาออกพรรษา โดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อสร้างความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและร่วมกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้คงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป
ชาวสตูลตักบาตรเทโวออกพรรษา ก่อนร่วมสืบสานงานประเพณีชักพระ
ที่วัดมงคงมิ่งเมือง หรือ วัดป่าช้าจีน ตำบลคลองขุด อำเภอเมือง จังหวัดสตูล พุทธศาสนิกชนมารวมตัวกันเพื่อทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ ข้าวสารอาหารแห้ง อาหารคาวหวาน หลังวันออกพรรษา 1 วัน หรือที่เรียกกันว่า “ตักบาตรเทโว”
หรือคำเต็มว่า ตักบาตรเทโวโรหณะ ซึ่งแปลว่า การหยั่งลงจากเทวโลก เป็นการตักบาตรเนื่องในโอกาสที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งคัมภีร์อรรถกถาธรรมบทบันทึกไว้ว่า เมื่อพระพุทธเจ้าแสดงยมกปาฏิหาริย์ (ปาฏิหาริย์เป็นคู่ๆ) ที่ต้นมะม่วงใกล้เมืองสาวัตถีแล้วก็เสด็จขึ้นไปจำพรรษาที่ 7 บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อเทศนาพระอภิธรรมโปรดพุทธมารดาเป็นเวลา 3 เดือน ครั้นออกพรรษา แล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเสด็จลงสู่มนุษย์โลกทางบันไดพาดลงใกล้เมืองสังกัสสะ
หลังตักบาตรเทโวชาวพุทธจะนำขนมต้มมาแขวนที่เรือพระ เพื่อเป็นสิริมงคล ก่อนสายของวันนี้จะมีการลากพระประเพณีของชาวใต้ไปตามท้องถนน
ประวัติความเป็นมาของ ประเพณีชักพระ หรือลากพระ พุทธประวัติกล่าวว่า วันที่พระองค์เสด็จลงมาจากสวรรค์สู่มนุษย์โลก หลังจากเสด็จขึ้นไปเทศนา โปรดพระพุทธมารดา ณ สวรรค์ชั้นดุสิตตลอดพรรษา คือ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 อันเป็นวันสุดท้ายของพรรษาทรงเสด็จลงมาตามบันไดแก้ว, บันไดทอง, บันไดเงิน บันไดทั้ง 3 ทอดลงมายังประตูนครสังกัสสะ เมื่อเสด็จถึงประตูเมืองเป็นเวลาเช้าตรู่ของวันแรม 9 ค่ำ เดือน 11 อันเป็นวันออกพรรษาพอดี
พุทธบริษัททั้งหลายทราบข่าวต่างมาคอยต้อนรับเสด็จอย่างเนืองแน่น เพื่อจะคอยตักบาตร ถวายภัตตาหาร ดอกไม้ธูปเทียน ซึ่งเป็นที่มาของประเพณี “ตักบาตรเทโว” ซึ่งบางคนไม่สามารถเข้าถวายภัตตาหาร เพราะมีคนอย่างล้มหลามที่จะถวายภัตตาหาร ด้วยศรัทธาแรงกล้าของผู้ที่เข้าไม่ถึงพระพุทธองค์จึงเกิดประเพณีทำขนมขึ้นชนิดหนึ่ง ห่อด้วยใบไม้ (ใบจาก ใบเตย) เรียก “ขนมต้ม” หรือห่อต้ม หรือห่อปัดก็เรียก สำหรับโยนและปาจากระยะห่างเข้าไปถวายได้ ซึ่งความจริงอาจเป็นความสะดวกในการนำพาไปทำบุญ สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน และสะดวกต่อการนำพาไปกินเวลาหิวขณะลากพระ ตลอดจนการขว้างปาเล่นกัน (เรียกซัดต้ม)
ชาวพุทธศาสนิกชนเมืองคอรร่วมตักบาตรเทโวโรหณะ ณ วัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร
เมื่อเวลา 06.45 น. ที่บริเวณลานลานโพธิ์ วัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้จัดให้มีพิธีทำบุญตักบาตรเทโวโรหณะ ประจำปี 2563 เนื่องในเทศกาลวันออกพรรษา ซึ่งตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 มีนายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานในพิธี มีพระเทพวินยาภรณ์ รองเจ้าคณะภาค 16-17-18 (ธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร เป็นประธานสงฆ์ กล่าวสัมโมทนียกถา ให้พรและนำพระสงฆ์ สามเณรออกบิณฑบาต มีพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก
สำหรับการตักบาตรเทโวโรหณะดังกล่าว แต่เดิมทุกปีที่ผ่านมาให้พระสงฆ์ สามเณร ได้เดินลงจากเนินมณฑปพระพุทธบาทจำลอง เพื่อมาบิณฑบาต เปรียบเสมือนหนึ่งเป็นยอดเขาสิเนรุราช ตามความเชื่อในพุทธตำนาน เพื่อระลึกถึงวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จกลับจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หลังจากเทศนาอภิธรรมปิฎกโปรดพุทธมารดาในเทวโลก โดยมีขบวนแห่บุษบกประดิษฐานพระพุทธรูป มีพุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวร่วมทำบุญตักบาตร ด้วยข้าวสารอาหารแห้ง อาหารสด ขนมต้ม และดอกไม้ธูปเทียน เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและสืบทอดพระพุทธศาสนา แต่ปีนี้ได้มีการปรับรูปแบบให้เข้ากับชีวิตวิถีใหม่(New Nomal) โดยให้พระสงฆ์เดินออกมาจากวิหารคดหรือระเบียงคด มาบิณฑบาต
ส่วนในช่วงสายวันเดียวกันหลังทำบุญตักบาตรตามวัดใกล้บ้านแล้ว พุทธศาสนิกชนจะได้มีการชักพระหรือลากพระจากวัดต่างๆ ไปยังวัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร หรือสถานที่ที่มีการจัดงานประเพณีชักพระของอำเภอต่าง ๆ ซึ่งเป็นประเพณีท้องถิ่นของภาคใต้ที่ได้สืบทอดกันมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน โดยจัดขึ้นในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี หลังวันออกพรรษา 1 วัน เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา เป็นการอนุรักษ์และร่วมสืบสานวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามของท้องถิ่นให้คงอยู่สืบต่อไป
ชาวสมุยตักบาตรเทโวโรหณะ คนแก่ห่วงคนรุ่นใหม่เมินเข้าวัดทำบุญ
เมื่อเวลา 06.30 น. ภายในวัดแจ้ง ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี พุทธศาสนิกชนต่างทยอยนำอาหารคาว หวาน พร้อมด้วยข้าวต้มลูกโยน หรือข้าวต้มหาง มาร่วมตักบาตรเทโวโรหณะเนื่องในวันออกพรรษา นอกจากพุทธศาสนิกชนชาวไทยแล้วยังมีชาวเมียนมาที่ทำงานในเกาะสมุยได้เข้าร่วมตักรบาตรครั่้งนี้
จากนั้นได้อัญเชิญพระพุทธรูปไม้แกะสลักปรางค์ห้ามสมุทร เป็นพระพุทธรูปอยู่ในอริยาบถยืนยกพระหัตถ์ทั้งสองข้างเสมอพระอุระ (อก) เป็นกิริยาห้ามที่มีอายุเก่าแก่กว่า 80 ปี เดินนำพระภิกษุสงฆ์ออกบิณฑบาตรจากพุทธศาสนิกชน โดยพุทธศาสนิกชนต่างนำมือไปลูบองค์พระพุทธรูปปางห้ามสมุทร พร้อมกับขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว สำหรับพระพุทธรูปปรางค์ห้ามสมุทรองค์นี้จะถูกนำออกมาจากอุโบสถในช่วงออกพรรษาเท่านั้น การตักบาตรเทโวโรหณะนอกจากพุทธศานิกชนชาวไทยแล้วยังมีชาวเมียนมาที่ทำงานบนเกาะสมุยได้แต่ชุดประจำชาติเข้าร่วมตักบาตรในครั้งนี้ด้วย
โดยพบว่าในการตักบาตรเทโวโรหณะครั้งนี้ผู้ที่เข้าร่วมส่วนใหญ่จะมีแต่ผู้สูงอายุเข้าวัดเพื่อร่วมตักบาตร ส่วนวัยรุ่น หรือคนรุ่นใหม่ มีจำนวนน้อยมาที่เข้าร่วมพิธีทางศาสนาในครั้งนี้ ทำให้หลายฝ่ายต่างมีความเป็นห่วงการสืบสานพระพุทธศาสนาจะหาผู้ที่มาสืบทอดได้น้อยลง และศาสนาพุธอาจจะจางหายไปกับโลกยุคปัจจุบัน
ในเรื่องนี้นายสันต์ ทองสุข ประธานกรรมการชุมชนท่าเรือหน้าทอน กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ตนเองอยากเห็นจิตสำนึกคนที่นับถือศาสนาพุธ ต้องเข้ามาร่วมเพื่อแสดงถึงการนักถือศาสนาพุธ ทั้งนี้การที่คนรุ่นใหม่ไม่เข้าวัดเนื่องจากเด็กรุ่นใหม่จะติดโซเชียล ซึ่งผู้ที่รักผิดชอบไม่ได้สื่อสารถึงคนรุ่นใหม่ผ่านโซเชียลจึงทำให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ไม่รู้ ทำให้การรับรู้ข่าวสารกิจกรรมทางศาสนาของคนรุ่นใหม่ถึงไม่รู้ ผู้ที่เกี่ยวข้องควรที่จะเร่งดำเนินการในเรื่องนี้ ซึ่งตนเองเชื่อว่าทุกคนยังมีจิตสำนึกที่ดีต่อพระพุทธศาสนา แต่ขาดการประชาสมัพันธ์ ประธานกรรมการชุมชนท่าเรือหน้าทอนกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี