วันที่ 6 ต.ค.63 ที่ด้านหน้าอาคารกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเขียงราย พล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต รอง ผบช.ภ.5 ว่าที่ ร.ต.ณรงค์ โรจนโสทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พ.ต.อ.มานพ เสนากุล รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย นายพีรกานต์ บูรณากาญจน์ นายด่านศุลกากรเชียงของ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ภาค 5 เจ้าหน้าที่ทหารศูนย์ปฏิบัติการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ (ศป.บส.ชน.) ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด โดยเป็นการชายจำนวน 3 คน พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 864,000 เม็ด ซึ่งทั้งหมดถูกจับกุม พร้อมของกลางได้เมื่อวันที่ 4 ต.ค.63 ที่ผ่านมา บริเวณด่านศุลกากรเชียงของ อ.เชียงของ จ.เชียงราย
โดยการจับกุมมีขึ้นภายหลังจากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าจะมีการขนยาเสพติดจากชายแดนไทย-เมียนมา ด้านบ้านม้งเก้าหลัง หมู่ 9 ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย แล้วนำขนไปตามถนนสายรองสู่ อ.เชียงของ จึงได้ร่วมกันตั้งจุดตรวจจุดสกัดตรงสามแยกบ้านแก่นใต้ ต.ห้วยซ้อ อ.เชียงของ เวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบรถยนต์กระบะทั้ง 3 คัน เจ้าหน้าที่จึงให้สัญญานหยุดตรวจ
แต่จากการตรวจภายนอกไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่เจ้าหน้าที่เห็นว่าตรงกับที่ได้รับแจ้งไว้ จึงนำรถไปขอตรวจที่ด่านศุลกากรเชียงของ ปรากฎว่าพบที่ใต้กระบะรถมีการทำเป็นช่องใต้พื้นกระบะเชื่อมต่อด้วยแผนโลหะและทาสีจนไม่สามารถมองจากภายนอกได้ โดยคันที่ 1 เป็นรถกระบะโตโยต้า ตอนเดียว สีน้ำเงิน ทะเบียน ผต 6576 เชียงราย ตรวจพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 78 มัด รวมประมาณ 460,000 เม็ด มีนายนรินทร์ โรจนอิสริยะ อยู่ บ้านเลขที่ 17 บ้านม้งเก้าหลัง หมู่ที่ 9 ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เป็นคนขับ
คันที่ 2 เป็นรถกระบะโตโยต้า ตอนเดียวสีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บล 554 เชียงราย ตรวจพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 69 มัด รวมประมาณ 404,000 เม็ด มีนายวุฒิเดช แซ่เล่า อยู่บ้านเลขที่ 17 บ้านม้งเก้าหลัง หมู่ที่ 9 ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เป็นคนขับ ส่วนคันที่ 3 เป็นรถกระบะเชฟโรเลท แคป สีบรอนทอง ทะเบียน บต 1560 พะเยา ไม่พบยาเสพติด มี นายธีรเทพ โรจนคีรีสันติ บ้านม้งเก้าหลัง หมู่ที่ 9 ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เป็นคนขับ รวมของกลางทั้งหมดจำนวน 864,000 เม็ด
พล.ต.ต.วันชัย กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันพบว่ากลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดได้พยายามนำเข้ามาในปริมาณที่มากขึ้น โดยพบว่าแต่ละครั้งขนมาหลัก 6-7 ล้านเม็ด โดยในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา พบว่าในพื้นที่ ภาค 5 สามารถตรวจยึดของกลางในปริมาณ 6 ล้านเม็ดขึ้นไปได้ถึง 2 ครั้ง และก็ยังมีหลุดไปถึง จ.พระนครศรีอยุธยา หลัก 3 ล้านเม็ด พร้อมด้วย เฮโลอีน สำหรับกรณีที่จับกุมที่ อ.เชียงของครั้งนี้คาดว่าสาเหตุที่ขนในระดับไม่ถึง 1 ล้านเม็ดเพราะจำกัดด้วยขนาดบรรทุกที่ใช้การดัดแปลงรถ แต่หากขนไปกับพืชผลทางการเกษตรจะแอบปะปนไปในจำนวนมาก ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้หันมาบูรณาการกันหลายหน่วยงานทั้งฝ่ายปกครอง ป.ป.ส. ศุลกากร ทหาร ฯลฯ เพื่อใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่ตรวจสอบเพื่อสกัดกั้นให้ถึงที่สุด
"นอกจากนี้พบว่าขบวนการค้ายาเสพติดได้หันมาใช้กลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่บนพื้นที่สูงและมีอายุน้อยขนมากขึ้น เนื่องจากคนรุ่นเก่าๆ ได้ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้เป็นจำนวนมาก จึงมีการฝึกฝนคนรุ่นใหม่ให้ทำการขนแทน ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมคนอายุ 26-27 ปีได้มากขึ้น ในปัจจุบันทางเจ้าหน้าที่จึงมีการใช้ระบบตรวจหาเอกลักษณ์บุคคล หรือดีเอ็นเอ เข้ามาตรวจสอบเพิ่มเติม รวมทั้งจะประสานกับด่านศุลกากรเพื่อนำเครื่องมือออกมาช่วยตรวจสอบ โดยเฉพาะกรณีนี้พบว่าผู้ต้องหามีความนิ่งอย่างมาก เพราะเคยขนของกลางมาแล้วหลายครั้ง เมื่อตรวจดูภายนอกแล้วไม่พบของกลาง และเจ้าหน้าที่พยายามสอบถามก็ไม่แสดงท่าทีพิรุธจึงต้องใช้เครื่องเอ๊กซเรย์จากด่านศุลกากรเชียงของดังกล่าว" พล.ต.ต.วันชัย กล่าว
ด้านนายพีรกานต์ บูรณากาญจน์ นายด่านศุลกากรเชียงของ กล่าวว่า ปัจจุบันด่านศุลกากรมีเครื่องมือเอ๊กซเรย์ดังกล่าวจำนวน 32 เครื่องทั่วประเทศโดยประจำอยู่ตามด่านพรมแดนต่างๆ ทั้งนี้พร้อมที่สนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่เพื่อสกัดกั้นการลักลอบนำเข้ายาเสพติดอย่างเต็มที่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี