แห่แจ้งฟันขบวนการตุ๋นลอตเตอรี่ ลุงหวั่นหลานโยงแก๊งถูกอุ้มปิดปาก
จากกรณีพ่อค้าแม่ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือลอตเตอรี่ ในจังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดใกล้เคียง ประมาณ 100 กว่าราย เข้าแจ้งความที่ สภ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ให้ดำเนินคดีกับนายทศพร จิตรแม้น อายุ 28 ปี , นายยุทธนา ทองคำ อายุ 22 ปี , นายศราวุฒิ ไชยพันธ์ อายุ 20 ปี , นางสาวอัจฉราวรรณ จิตรแม้น อายุ 20 ปี และนายสุพจน์ พฤฒามาตย์ อายุ 28 ปี ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยพฤติกรรมของกลุ่มคนดังกล่าวได้ทำการหลอกลวงว่าจะจำหน่ายลอตเตอรี่ในราคาถูกให้ และชวนร่วมลงหุ้นลอตเตอรี่ หลังพวกตนและกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าเกิดความสนใจ และร่วมลงทุนโดยการโอนเงินผ่านธนาคารให้แล้ว แต่เมื่อถึงวันรับลอตเตอรี่กลับไม่ได้รับมอบของตามที่ตกลงกันไว้ จึงได้มาแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2563 ที่ สภ.รัตนบุรี ยังคงมีผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งความอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นายศราวุฒิ ไชยพันธ์ , นางสาวอัจฉราวรรณ จิตรแม้น และนายสุพจน์ พฤฒามาตย์ ได้เข้ามอบตัวแล้ว โดยพนักงานสอบสวนได้ส่งตัวฝากขังยังเรือนจำรัตนบุรีไว้ก่อน
นายประกาศิต แสนดี อายุ 47 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนมีอาชีพค้าขายลอตเตอรี่กับนายทศพร จิตรแม้น มาร่วมปี เพื่อนำลอตเตอรี่ส่งให้ทีมไปจำหน่าย มีกำไรดีมาก ซึ่งการจะได้รับลอตเตอรี่แต่ละงวดทุกคนต้องโอนเงินให้นายทศพร โดยผ่านบัญชีนายยุทธนา ทองคำ ด้านนายทศพรจะเป็นคนโทร.นัดรับลอตเตอรี่ตามสถานที่ต่างๆ โดยลอตเตอรี่จะถูกบรรจุใส่กระเป๋าเป้มาส่งให้ ในส่วนของตนได้โอนเงิน 8 ล้านกว่าบาท เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา และจะต้องมารับลอตเตอรี่ ช่วงวันที่ 6-7 ตุลาคม 2563 แต่เมื่อถึงเวลากลับไม่พบหน้า และยังพบว่าบ้านซึ่งเป็นสถานที่เคยนัดมารับก็ถูกปิด จึงคิดว่าน่าจะถูกหลอกแล้ว จึงพาทีมงาน 10 คนมาแจ้งความ
ส่วนนายสวัสดิ์ คำสว่าง หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนลงทุนร่วมกับนายทศพรไปมากกว่า 1 ปี เห็นรายได้ดี จึงเอาทั้งทุนและกำไรสมทบซื้อเพิ่มเรื่อยๆ สูญเงินกว่า 8 ล้านบาท
ด้านนายกว้าง นามพิชัย อายุ 65 ปี ซึ่งเป็นลุงของนายยุทธยา กล่าวว่า นายยุทธนา เป็นหลานชายแท้ๆของตนเอง ได้คบหากับนายทศพร จิตรแม้น ซึ่งเป็นยี่ปั๊วใหญ่มานานหลายปี นอกจากนี้นายยุทธนายังได้ร่วมหุ้นลงทุนซื้อลอตเตอรี่ด้วยหลายล้านบาท จนพ่อแม่พี่น้องเห็นว่ามีรายได้ดี จึงพากันร่วมลงทุนด้วย 7-8 ล้านบาท สำหรับตนซึ่งเป็นลุงได้ร่วมหุ้นกับนายทศพรไปเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ยอดหุ้นก็อยู่ที่ 2 ล้านบาท มีรายได้จากลอตเตอรี่งวดละ 3 แสนบาท ล่าสุดเมื่อต้นเดือนตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา ก็เพิ่มหุ้มไปอีก 5 หมื่นบาท จนมาพบว่ามีการโกงกันเกิดขึ้น
“ผมอยากฝากถึงพี่น้อง พ่อค้าแม่ค้าลอตเตอรี่ หรือผู้ร่วมลงหุ้นด้วยกันว่าผม พ่อแม่นายยุทธนา ก็ถูกหลอกร่วมหุ้น ร่วมกับญาติๆคนอื่นๆด้วยสูญเงินไปมากกว่า 7-8 ล้านแล้วเช่นกัน เรื่องทั้งหมดมาจากแผนของนายทศพร จิตรแม้น ซึ่งเป็นยี่ปั๊วใหญ่ เป็นผู้วางแผน โดยเฉพาะการเปิดบัญชีไว้กับทุกธนาคารในอำเภอรัตนบุรี หลังมีการโอนเงินเข้ามาแล้ว นายยุทธนาก็จะโอนให้นายทศพร อีกทอดหนึ่ง ผมมั่นใจได้ว่านายยุทธนาซึ่งเป็นหลานจะไม่มีพฤติกรรมหลอกลวงแน่นอน ส่วนเงินในบัญชีทุกธนาคารตอนนี้สามารถตรวจสอบได้ว่าไม่มีเงินเหลือเลย” นายกว้าง กล่าว
นายกว้าง กล่าวอีกว่า กรณีเกิดการหลอกลวงครั้งนี้สาเหตุหนึ่งน่าจะมาจากการที่หลานชายของตนได้บอกกับนายทศพร พร้อมพ่อแม่และญาติพี่น้องว่าจะลงทุนลอตเตอรี่ถึงสิ้นเดือนตุลาคมนี้เท่านั้น จากนั้นจะขอถอนหุ้น เพราะตนต้องเตรียมตัวเดินทางไปเป็นทหารเกณฑ์ ผลัด 2 ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 ที่ จ.ชลบุรี เรื่องมาถึงตอนนี้แล้วอยากให้นายยุทธนา ซึ่งเป็นหลานชายได้ขอเข้ามอบตัวโดยเร็วที่สุด เพราะตนกลัวจะถูกแก๊งกลุ่มนี้อุ้มไปฆ่าทิ้ง
ด้าน ร.ต.อ.ประสิทธิ์ สมศรี รองสารวัตรสอบสวน สภ.รัตนบุรี กล่าวว่า ตลอดทั้งวันของวันนี้ยังมีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์เรื่อยๆ คาดว่ายอดเงินเสียหายจะมากกว่า 700 ล้านบาท การดำเนินคดีตอนนี้ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายพื้นที่ตามประกบกลุ่มคนพวกนี้อยู่ เพราะเท่าที่ทราบมีการทำงานเป็นกระบวนการ และใช้วิธีการนี้ย้ายไปตามจังหวัดต่างๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี