ปิด3จุดในกทม.ไล่‘ประยุทธ์’
ม็อบดาวกระจาย
ไร้แกนนำ-ไม่กลัวถูกสลาย
ห้าแยกลาดพร้าวแน่น
‘ฝั่งธนฯ-อุดมสุข’คนพรึ่บ
นายกฯยันต้องบังคับใช้กม.
‘ไมค์ ระยอง’ไม่รอดโดนจับ
ม็อบกลุ่มราษฎร 63 ผสมโรงกลุ่มปลดแอก ไม่สนโดนสลายการชุมนุม จัดป่วนอีก ห้าแยกลาดพร้าว ฝั่งธนฯย่านอุดมสุข ท้าทายอำนาจรัฐเน้นเป้าขับไล่ “บิ๊กตู่” ในขณะที่ นายกฯย้ำชัดต้องบังคับใช้กฎหมายยึดหลักสากล เพื่อนำความสงบสุขกลับสู่สังคมโดยเร็ว ศูนย์กู้ชีพเอราวัณเผยเหตุปะทะแยกปทุมวัน ตำรวจเจ็บ 3 ผู้ชุมนุม 3 โดนคุมตัวเพียบ ด้าน “เอกชัย-สมยศ” เข้านอนเรือนจำ
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ประชาชนทุกกลุ่ม และผู้ชุมนุม ที่ให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ของรัฐในการยุติการชุมนุม
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่รัฐบาลได้ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงเพื่อความสงบเรียบร้อยในเขตกรุงเทพมหานคร แต่ก็ยังมีการชุมนุมเมื่อช่วงหัวค่ำ รัฐบาลจึงมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการเพื่อบังคับใช้กฎหมายด้วยความเหมาะสม ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้ได้ดำเนินการโดยใช้อุปกรณ์และขั้นตอนตามหลักสากลทุกประการ โดยขั้นแรกเป็นการประกาศขอความร่วมมือมวลชนให้ยุติการชุมนุมและถอยออกจากพื้นที่ แต่หลังจากที่ไม่เป็นผลสำเร็จ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจำเป็นต้องใช้วิธีการฉีดน้ำผสมสีที่ไม่เป็นอันตราย เพื่อยืนยันตัวตนของกลุ่มผู้เข้าร่วมชุมนุม ทั้งนี้ ท่านนายกรัฐมนตรีได้กำชับอย่างหนักแน่นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงในการปฏิบัติหน้าที่ต่อผู้ชุมนุมในทุกกรณี
อย่างไรก็ตาม ท่านนายกรัฐมนตรีขอย้ำรัฐบาลพร้อมที่จะทำให้สังคมกลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด และนำความสงบสุขกลับมาสู่ประเทศ และเดินหน้าแก้ปัญหาที่เป็นทางออกของทุกฝ่ายร่วมกัน ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย และขอให้ประชาชนทุกคนร่วมมือร่วมใจกันฟันฝ่าอุปสรรคปัญหาต่างๆ ไปด้วยกัน
เดินหน้าจับกุมผู้กระทำผิด
“นายกรัฐมนตรีระบุว่า การปลุกปั่น บิดเบือนข้อมูลเหตุการณ์ชุมนุม เพื่อหวังผลทางการเมือง และให้สังคมเกิดความแตกแยก ถือเป็นความผิดร้ายแรง ที่รัฐบาลจะต้องเร่งจับกุมกลุ่มบุคคลดังกล่าว เหตุการณ์ชุมนุมครั้งนี้ ไม่มีคำว่าพ่ายแพ้ หรือชัยชนะของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หากแต่เป็นความเสียหายและพ่ายแพ้ของคนไทยและประเทศไทย” นายอนุชา กล่าว
และว่านายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ย้ำขอความร่วมมือประชาชนทุกฝ่าย หลีกเลี่ยงการร่วมชุมนุม และไม่ทำสิ่งใดซึ่งขัดต่อกฏหมาย และย้ำจะเร่งนำความเรียบร้อยกลับสู้บ้านเมืองโดยเร็วที่สุด
ปะทะปทุมวัน เจ็บ 7 คน
นายแพทย์พรเทพ แซ่เฮ้ง ผอ.ศูนย์เอราวัณ กทม. รายงานสรุปผลการขุมนุมทางการเมืองของคณะราษฎร 2563 ที่แยกปทุมวัน เมื่อค่ำวันที่ 16 ตุลาคม มีผู้บาดเจ็บรวม 7 คน เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นาย รักษาตัวที่ รพ. และพลเรือน 3 คน เป็นหญิง 2 คน ชาย 1 คน รักษาตัวที่รพ. จุฬา 1 คน และ รพ.หัวเฉียว 2 คน อายุประมาณ 20 ปี ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากสารน้ำที่ฉีดใส่ในการกระชับขอคืนพื้นที่ คาดว่ามีผู้ได้รับผลกระทบหรือมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยส่วนหนึ่งไม่ได้มารับการรักษาพยาบาลที่สถานพยาบาล แต่ได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นในจุดเกิดเหตุแล้ว
เปิดรายชื่อผู้ถูกจับกุมเหตุ
เพจเฟซบุ๊ก “ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน” โพสต์ข้อความมีเนื้อหาดังนี้ 17 ต.ค. 63 เวลา 01.00 น. จากการติดตามสถานการณ์การสลายการชุมนุมและการควบคุมตัวผู้เข้าร่วมชุมนุมบริเวณสี่แยกปทุมวันในช่วงค่ำวันที่ 16 ต.ค. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนทราบรายชื่อผู้ถูกจับกุมแล้วอย่างน้อย 12 ราย ได้แก่
1. ชินวัตร จันทร์กระจ่าง นักกิจกรรมกลุ่มนนทบุรีปลดแอก 2. ทัดเทพ เรืองประไพกิจเสรี นักกิจกรรมกลุ่มเยาวชนปลดแอก 3. สมบัติ ทองย้อย คนเสื้อแดง 4. ณัฐนนท์ ดวงสูงเนิน บรรณาธิการบริหาร Spaceth.co 5. อนุรักษ์ เจนตวนิชย์ นักกิจกรรมกลุ่มเส้นทางสีแดง 6. กิตติ พันธภาค ผู้สื่อข่าวประชาไท 7. เอฐ์เรียฐ์ ฟอฟิ นักกิจกรรมกลุ่มศิลปินปลดแอก 8. ชลธิชา คุ้มจันทร์อัด 9. พรพสุ ชูรอด 10. คณิติน ติเยาว์ 11. อรรคพล วันทะไชย 12. อินทราช แสงมณี
ทั้งนี้ ใน 3 รายแรก เป็นผู้ถูกจับกุมตัวตามหมายจับของศาลแขวงปทุมวัน ลงวันที่ 16 ต.ค. 2563 ในความผิดฐานเป็นบุคคลตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 9 ซึ่งมีรายงานการออกหมายจับแกนนำจำนวนรวม 12 ราย ขณะที่รายชื่อผู้ถูกจับกุมตัว 9 รายหลัง เป็นผู้ถูกจับกุมตัวในขณะเจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุมในช่วงค่ำวานนี้
แจ้งเอาผิด”ช่อ”ไลฟ์ปั่นชุมนุม
วันเดียวกันนายบุญเกื้อ ปุสสเทโว แกนนำกลุมไทยภักดี พร้อมทนายความ ไป สน.ปทุมวัน เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดี “ช่อ พรรณการ์ วาณิช” ฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่มคณะราษฏร เมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา บริเวณสี่แยกราชประสงค์และวันที่ 16 บริเวณแยกปทุมวัน พร้อมคลิปไลน์สดตลอด 2 วัน มอบให้พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ดำเนิคดี
นายบุญเกื้อ ระบุว่า ทางกลุ่มไทยภักดี ได้นำพยานหลักฐานมามอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับ”ช่อ พรรณิกา”ในความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งพบพฤติกรรมมีความผิดชัดเจน โดยเฉพาะการไลฟ์สดในเชิงยั่วยุเชิญชวนประชาชนให้ออกมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มคณะราษฎร ซึ่งเป็นการกระทำที่นักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องโดยการยุยง ปลุกปั่นเพื่อให้เกิดความรุนแรงชัดเจน ส่วนนักการเมืองคนอื่นๆของกลุ่มก้าวหน้า ที่เข้าร่วมการชุมนุม ตนยังไม่ขอพูดถึงในรายละเอียด แต่เชื่อว่าเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของคณะราษฏรเพื่อหวังให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ด้านพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวันได้รับ แจ้งความและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
พปชร.จี้ถาม”ปิยะบุตร”อยู่ไหน
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ถาม นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า อยู่ที่ไหน ขณะที่เยาวชนออกมาชุมนุม เหตุใดจึงไม่มายืนอยู่ข้างประชาชน นักศึกษาและเยาวชน หลังนายปิยบุตรออกมาแสดงความเห็นต่อการสลายการชุมนุมคณะราษฎร 2563 และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจวางอาวุธมายืนข้างประชาชน
“ทำไมนายปิยบุตรไม่ออกมานำการชุมนุม ปล่อยให้พวกเขาต่อสู้ และคอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ข้างหลัง ไม่มีความละอายเลยหรือ ตั้งแต่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง นายปิยบุตรไม่เคยไปปรากฎตัวเลย แต่กลับคอยยุยงปลุกปั่นผ่านสื่อโซเชียล สร้างกระแสให้เกิดความรุนแรงใช่หรือไม่” น.ส.ทิพานัน กล่าว พร้อมชื่นชมนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่มีสปิริตในการสื่อสารข้อเท็จจริงให้สาธารณะทราบ หลังลงพื้นที่ชุมนุมและให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่า ได้คุยกับทางเจ้าหน้าแล้ว ยืนยันไม่มีการใช้กระสุนยาง และความรุนแรงอื่นๆ เป็นเพียงการฉีดน้ำเท่านั้น
ส่วนกรณีที่ความพยายามโจมตีจากกลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร 2563 ว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นสาเหตุทำให้หุ้นตก น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง ทางตรงกันข้ามนักวิเคราะห์ออกมาระบุชัดเจนว่า ว่าปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นเกิดความผันผวน มาจากนักลงทุนกังวลการชุมนุมที่มีลักษณะดาวกระจาย และอาจมีความยืดเยื้อ
“ประเทศไทยกำลังฟื้นตัว และเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจของนักลงทุน จากทั้งในและนอกประเทศ จากมาตรการในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพอยู่ในแถวหน้าของโลก ดังนั้น ปัจจัยปัญหาแทรกจึงอยู่ที่การเคลื่อนไหวชุมนุมทางการเมือง โดยเฉพาะในย่านเศรษฐกิจ คือราชประสงค์-ปทุมวัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน ทุกฝ่ายจึงจำเป็นต้องควบคุมสถานการณ์ให้ยุติลงอย่างรวดเร็ว ก็เพื่อโอกาสของชาติและประชาชนทั้งสิ้น” น.ส.ทิพานัน กล่าว
สส.ปชป.ร้องเปิดสภาด่วน
นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้อง ส.ส. รัฐบาลด้วยกัน อย่าลังเลกับการแก้วิกฤติการเมือง หลังเกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ด้วยการร่วมลงชื่อเปิดสมัยประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญ เพื่อพูดคุยและถกแถลงหาทางออกของปัญหานี้โดยด่วน แทนที่จะรอเปิดประชุมสภาฯ วันที่ 1 พฤศจิกายน เพราะเหตุการณ์ที่มาถึงขั้นนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการซื้อเวลาแก้ไขรัฐธรรมนูญ และว่า ส.ส. คือผู้แทนประชาชนทุกคนไม่ว่าฝ่ายค้ายหรือฝ่ายรัฐบาล ดังนั้น อย่ายึดติดกับอำนาจหรือตำแหน่ง และยอมเป็นเครื่องมือหรือนั่งร้านให้ใครคนใดคนหนึ่งในการล้มล้างความเชื่อมั่นศรัทธาของระบบรัฐสภา พร้อมตั้งคำถามว่า เป็น ส.ส.ทำไมกลัวการประชุมสภาฯ
ประนามสลายการชุมนุม
สภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สภานักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล สภานิสิต องค์การนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สภานิสิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ และสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ ร่วมกันออกแถลงการณ์ประณามการสลายการชุมนุมในวันที่ 16 ตุลาคม 2563 บริเวณแยกปทุมวันและบริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าสยาม ส่งผลให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไปผู้เข้าร่วมการชุมนุมได้รับบาดเจ็บจำนวนมากนั้น ผู้แทนนิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยทั้ง 7 แห่ง เห็นว่าการชุมนุมดังกล่าว แม้เป็นการชุมนุมภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ที่มีความร้ายแรงตามมาตรา 5 ประกอบมาตรา 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ แต่การชุมนุมเป็นไปโดยสงบ สันติ และปราศจากอาวุธ และก็มิได้มีการใช้ความรุนแรงจากกลุ่มผู้ชุมนุมแต่อย่างใด อีกทั้งผู้ชุมนุมในบริเวณดังกล่าวประกอบด้วย เยาวชน นักเรียนนิสิต นักศึกษา เป็นจำนวนมาก ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งในการควบคุมประชาชนโดยใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก และใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อรักษาความสงบในบริเวณดังกล่าวเท่าที่จำเป็น ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามหลักสากลและหลักมนุษยธรรมในการควบคุมฝูงชนและการปฏิบัติต่อกลุ่มผู้ชุมนุม แต่การดำเนินการมิได้เป็นไปตามหลักสากลในการควบคุมฝูงชนแต่อย่างใด มีการใช้รถฉีดน้ำผสมสารเคมีแรงดันสูงเพื่อขอคืนพื้นที่ ส่งผลให้ผู้เข้าร่วมการชุมนุมในบริเวณดังกล่าวเป็นจำนวนมากเกิดอาการระคายเคืองผิวหนังและดวงตา ผู้แทนนิสิตมหาวิทยาลัยทั้ง 7 แห่ง จึงขอประณามการสลายการชุมนุมอันไร้มนุษยธรรมที่เกิดขึ้น และขอเรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม ให้ปฏิบัติตามหลักสากลและหลักมนุษยธรรมในการควบคุมฝูงชนยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงเนื่องจากไม่มีเหตุจำเป็น และเคารพสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการชุมนุม เพื่อให้ประเทศไทยมีความสงบสันติตามระบอบประชาธิปไตยต่อไป
จี้ยกเลิกใช้อำนาจพรก.ฉุกเฉิน
นอกจากนี้ยังมีแถลงการณ์จาก 8 ตัวแทนองค์การนิสิตนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย ได้แก่ องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ องค์การบริหาร องค์กรนิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร องค์การนิสิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และองค์กรบริหารองค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ประณามการใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมวันที่ 16 ต.ค.ที่แยกปทุมวัน ซึ่งถือเป็นการกระทำที่สร้างความตื่นตระหนก ความหวาดกลัว และทำให้เกิดอันตรายแก่ประชาชนได้ เป็นการตอกย้ำว่ารัฐบาลและ
ผู้มีอำนาจออกมารับผิดชอบในการเลือกวิธีที่ไร้ซึ่งมนุษยธรรม และไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นอันดับแรก พวกเราผู้แทนนิสิตนักศึกษาทั้ง 8 มหาวิทยาลัยขอประณามการใช้ความรุนแรง ทุกรูปแบบในการเข้าสลายการชุมนุม ขอประณามการกระทำที่รุนแรง ไร้ซึ่งการให้เกียรติประชาชนและนิสิต นักศึกษาและเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจหยุดกระทำดังกล่าว และออกมาแสดงความรับผิดชอบ และขอเรียกร้องให้ฐบาลใช้สันติวิธีในการแก้ไขปัญหา อันเป็นไปตามหลักประชาธิปไตยสากล และขอให้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง
ส่งตัวฝากขังเพียบ
เมื่อเวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าว รายงานจาก กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ภาค 1 จังหวัดปทุมธานี หลังจากที่เมื่อคืนเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวแกนนำ และผู้ชุมนุม รวมถึงสื่อมวลชน ในระหว่างการชุมนุมเมื่อคืนวันที่ 12 ตุลาคม)รวม 12 คน ประกอบด้วย นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง นายทัดเทพ เรืองประไพกิจเสรี นายสมบัติ ทองย้อย นายณัฐนนท์ ดวงสูงเนิน นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ นายกิตติ พันธภาค ผู้สื่อข่าวประชาไท นายเอฐ์เรียฐ์ ฟอฟิ น.ส.ชลธิชา คุ้มจันทร์อัด นายพรพสุ ชูรอด นายคณิติน ติเยาว์ นายอรรคพล วันทะไชย นายอินทราช แสงมณีมาไว้ที่ บก.ตชด.ภาค 1 ปทุมธานี ตั้งแต่เมื่อคืน
โดยนายกิตติ พันธภาค ผู้สื่อข่าวประชาไท ได้รับการปล่อยตัวแล้วตั้งแต่เมื่อคืน ซึ่งตำรวจตั้งข้อหาฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน มาตรา 368 ถูกปรับ 300 บาท เนื่องจาก ถูกจับขณะไลฟ์สดสถานการณ์ ช่วงที่มีการประกาศให้ผู้ชุมนุมและสื่อมวลชนออกจากพื้นที่ ทำให้ตอนนี้เหลือ 11 คน
โดยมีรายงานว่าตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้เวลาประมาณ 7.00 น.ตำรวจนำตัวนาย ชินวัตร จันทร์กระจ่าง ในนามกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า #นนทบุรีปลดแอก ,นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี หรือ ฟอร์ด นักกิจกรรมกลุ่มเยาวชนปลดแอก และนายสมบัติ ทองย้อย คนเสื้อแดง 3 ผู้ต้องหาที่ถูกศาลแขวงปทุมวัน ออกหมายจับในฐานความผิด พรก.ฉุกเฉิน นำตัวไปส่งฝากขังศาลอาญาเรียบร้อยแล้ว สาเหตุที่ต้องส่งตัวไปที่ศาลอาญา เนื่องจากเป็นคดีตามหมายจับเก่ามาตรา 116 ข้อหายุยงปลุกปั่น
คุมตัวฝากขังม็อบชุด 2
หลังจากนั้นในเวลาประมาณ 10.00 น. ตำรวจได้นำตัวกลุ่มผู้ชุมนุมอีก 8 คนที่ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถูกควบคุมตัวจากเมื่อคืนวานนี้(16 ต.ค.)มาสอบปากคำที่นี่ ไปขออำนาจศาลแขวงปทุมวัน ฝากขังผัดแรก เป็นกลุ่มที่ 2
ล่าสุดมีรายงานว่า มวลชน 8 คนที่นำส่งศาลแขวงปทุมเมื่อเช้านี้ ได้รับการประกันตัวแล้ว โดยทั้ง 11 คนเป็นผู้ต้องหาที่ตำรวจควบคุมตัวจากการชุมนุมบริเวณแยกปทุมวัน และนำมาสอบสวนต่อที่กองบังคับการตำรวจตระเวณชายแดน ภาค1 ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา
ส่วนบรรยากาศเช้านี้ ที่บริเวณด้านหน้า ตชด.ภาค 1 มีเพื่อนๆของผู้ชุมนุม ที่ถูกจับกุม กลุ่มเดินทางมาเฝ้ารอตั้งแต่เมื่อคืน เพื่อจะขอเข้าเยี่ยม แต่ทางตำรวจ อนุญาตให้เพียงแค่ทนายความเข้าไปเท่านั้น ส่วนผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องรวมถึงญาติให้รอด้านนอก โดยจะเปิดให้เข้าเยี่ยมตามช่วงเวลาที่กำหนด
“เอกชัย-สมยศ”นอนเรือนจำ
นอกจากนี้มีรายงานว่าช่วงสายวันนี้ นายเอกชัย หงส์กังวาน กับ นายบุญเกื้อหนุน เป้าทอง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา กรณีขัดขวางขบวนเสด็จพระราชดำเนิน เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา ถูกนำส่งศาลอาญาแล้วตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วเช่นกัน ตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลว่า จะรับคำร้องขอฝากขังหรือไม่
ล่าสุด นายบุญเกื้อ ได้ประกันตัว โดยมีเงื่อนไขห้ามไปกระทำในลักษณะ เช่นนั้นอีก
สำหรับนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ผู้ต้องหาคดียุยงปลุกปั่นฯ ศาลไม่ให้ประกันตัว รวมทั้งนายนายเอกชัย หงส์กังวาล
พท.ยื่นประกันตัวม็อบ
วันเดียวกัน) นางละออง ติยะไพรัช ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และทนายความ เดินทางมาศาลแขวงปทุมวัน เพื่อเตรียมยื่นขอประกันตัว นายทัตเทพ หรือ ฟอร์ด เรืองประไพกิจเสรี แกนนำกลุ่มคณะราษฎร 2563 และผู้ชุมนุมที่ถูกจับคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินในการชุมนุมเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม
น.ส.อรุณี เปิดเผยว่า เดินทางมาเพื่อยื่นขอประกันตัว 11 แกนนำและผู้ชุมนุม ที่เจ้าหน้าที่จะนำตัวมายื่นขอฝากขัง ผลัดแรก เบื้องต้นเตรียมหลักทรัพย์เป็นเงินที่ได้จากการระดมรับบริจาค เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยใช้ตำแหน่ง ส.ส. ประกันตัว แต่ไม่สามารถทำได้ นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยได้ตั้งศูนย์ประสานงาน เพื่อช่วยเหลือทางกฎหมายกับผู้ที่ถูกดำเนินคดีจากการชุมนุมทั้งหมด มีนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย เป็นผู้อำนวยการศูนย์ และ ส.ส. ทั้งหมดของพรรคเตรียมใบรับรองสถานะ ส.ส.ไว้ รวมทั้ง ระดมทุนเพื่อใช้ในการประกันตัวผู้ต้องคดี ในกรณีที่ไม่สามารถใช้เอกสิทธิ์ ส.ส. ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด ผู้ต้องหา 8 คนแรก ที่มาจาก สน.ปทุมวัน ประกอบด้วย นายณัฐนนท์ ดวงสูงเนิน นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ นายกิตติ พันธภาค นายเอฐ์เรียฐ์ ฟอฟิ น.ส.ชลธิชา คุ้มจันทร์อัด นายพรพสุ ชูรอด นายคณิติน ติเยาว์ นายอรรคพล วันทะไชย และนายอินทราช แสงมณี ศาลแขวงปทุมวันได้พิจารณายกคำร้องขอฝากขังของพนักงานสอบสวน เนื่องจากพิเคราะห์แล้วว่า ผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์หลบหนี มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
กสม.ออกแถลงการ
วันเดียวกัน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลและห่วงใยต่อสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง และการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ที่มีความอ่อนไหว และอาจนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงในสังคมไทย และแม้ว่าการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร 63 เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2563 เป็นการชุมนุมที่ต้องห้ามตามข้อกำหนดของประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ แต่ก็ยังไม่ปรากฏลักษณะที่แสดงให้เห็นถึงการใช้ความรุนแรง จนเป็นเหตุถึงขั้นที่รัฐบาลต้องตัดสินใจใช้มาตรการในการสลายการชุมนุม จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ควรใช้มาตรการที่รุนแรงในการสลายการชุมนุมโดยสงบ และเห็นว่ารัฐบาลและฝ่ายนิติบัญญัติควรใช้กระบวนการของรัฐสภา ในการแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างจริงจัง และควรเยียวยาความเสียหายที่เกิดจากปฏิบัติการการสลายการชุมนุม ทั้งผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บ
นอกจากนี้ กสม.เห็นว่า การใช้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออก ทุกฝ่ายควรเคารพสิทธิมนุษยชนของบุคคลอื่น หลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยคำ หรือการสื่อสารด้วยวิธีการที่สร้างความขัดแย้ง ความเกลียดชัง ปลุกเร้าให้เกิดความรุนแรง และดูหมิ่นเหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น ขอให้ทุกฝ่ายได้ใช้ความอดทนอดกลั้น และร่วมกันแสวงหาทางออกอย่างสันติเพื่อให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปได้ด้วยดี
ม็อบนัดรวมพลทุกสถานีรถไฟฟ้า
เพจเฟซบุ๊ก แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม - United Front of Thammasat and Demonstration ได้โพสต์ข้อความถึงการชุมนุมในวันนี้ว่า “ประกาศ ภายในเวลา 15:00 น. ขอให้ทุกคนเตรียมตัวประจำการได้ที่สถานีรถไฟฟ้าทุกแห่ง”
ด้านนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์” แกนนำกลุ่มคณะราษฎร ซึ่งถูกศาลออกหมายจับ แต่ยังไม่ถูกควบคุมตัว ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “#ขอประณามรัฐบาลไทย ที่ใช้ความรุนแรง สั่งสลายการชุมนุมของนักศึกษา และขอเรียกร้องให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี”
รถไฟฟ้าประกาศหยุดบริการ
หลังกลุ่มผู้ชุมนุมนัดชุมนุมกันที่สถานีรถไฟฟ้า ทาง เฟชบุ๊ก MRT Bangkok Metro ประกาศแจ้งข่าวด่วนว่า รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน มีความจำเป็นต้องหยุดให้บริการทุกสถานี ตั้งแต่เวลา 12.30 น. เป็นต้นไป ทั้งนี้ผู้โดยสารที่เข้ามาในระบบรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินแล้วสามารถเดินทางไปออกได้ทุกสถานี
สำหรับรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงเปิดให้บริการตามปกติ ทั้งนี้จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง รถไฟฟ้า MRT ขออภัยในความไม่สะดวก มา ณ โอกาสนี้
เช่นเดียวกับนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส แจ้งว่า ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร คำสั่งหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เรื่อง ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคม อาคาร หรือสถานที่ และคำสั่งของกรุงเทพมหานคร
บริษัทฯ จึงขอปิดให้บริการชั่วคราวทุกสถานี ทั้งในสายสุขุมวิท และสายสีลม ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศการเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ บริษัทฯ ต้องขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ และขอยืนยันว่า จะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่ออำนวยความสะดวก และดูแลความปลอดภัยแก่ผู้มาใช้บริการทุกท่าน สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บีทีเอส โทรศัพท์ 0 2 - 617- 6000 Line official : @btsskytrain หรือเช็กสถานะการเดินรถได้ที่ Application ‘BTS SkyTrain’ และ Facebook Page : รถไฟฟ้าบีที
ป่วนซ้ำสถานีรถไฟฟ้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีการสั่งปิดสถานีรถไฟฟ้าทุกแห่ง รวมทั้งรถไฟฟ้าใต้ดินเพื่อสกัดการชุมนุมของม็อบราษฏรที่ก่อนหน้านั้นนัดรวมตัวกันทุกสถานีรถไฟฟ้าเป็นสถานที่ชุมนุมนั้น
ล่าสุด เพจ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม - United Front of Thammasat and Demonstration โพสต์ความเคลื่อนไหวว่า ใกล้ที่ไหน ไปที่นั่น!!! ยืนยันจุดหลัก ห้าแยกลาดพร้าว อุดมสุข วงเวียนใหญ่
ม็อบดาวกระจายชุมนุมหลายจุด
เวลาประมาณ 16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณห้าแยกลาดพร้าว เริ่มมีกลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวกันเป็นจำนวนมากจนล้นจากทางเท้าลงมาบนถนน หลายคนพบว่าเดินเท้ามาจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเนื่องจากรถไฟฟ้าบีทีเอสปิดให้บริการ ในเวลาไล่เลี่ยกันยังพบการรวมตัวของผู้ชุมนุมที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอีก 2 จุด คือสถานีวงเวียนใหญ่ และสถานีอุดมสุข ซึ่งเป็นไปตามที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม-United Front of Thammasat and Demonstration” ประกาศเมื่อราว 2 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า บริเวณหน้าห้างสามย่านมิตรทาวน์ มีกลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวกันแม้จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาประกาศข้อห้ามตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พร้อมขอให้ยุติการชุมนุม แต่ผู้ชุมนุมยืนยันจะชุมนุมต่อไป ส่วนทางห้างประกาศปิดตั้งแต่ 17.00 น. ส่วนการชุมนุมที่ลานพ่อขุน มหาวิทยาลัยรามคำแหง (บางกะปิ) นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง หนึ่งในแกนนำหลักของการชุมนุมตลอดหลายวันที่ผ่านมา ร่วมปราศรัยด้วย ทั้งนี้ มีรายงานว่า ทุกเวทีประกาศในเบื้องต้นว่าจะยุติการชุมนุมโดยพร้อมเพรียงกันในเวลา 20.00 น.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี