ผู้ตรวจการแผ่นดินปูทางสร้างอาชีพแก่เด็กไทยไร้โอกาสที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับ ดันทุกหน่วยงานด้านการศึกษาและการพัฒนาคุณภาพชีวิตทั่วประเทศ เปิดกว่า 50 หลักสูตร รองรับตลาดแรงงาน 4 ภาค จุดประกายครูแนะแนวร่วมสร้างปัจจัยแห่งความสำเร็จพร้อมขีดไทม์ไลน์เส้นทางชีวิตแรงงานเด็กไทยไร้ฝีมือ เริ่มเมษา 64 นี้
เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2563 นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า ปัจจุบันยังพบปัญหาเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะปัญหาเด็กนักเรียนที่จบการศึกษาภาคบังคับ (ม.3) แล้วไม่ได้เรียนต่อ และจำเป็นต้องเข้าสู่ตลาดแรงงานทันทีในฐานะแรงงานไร้ฝีมือ ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ ในแต่ละจังหวัดขับเคลื่อนโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนครอบครัวยากจนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับ เพื่อช่วยให้เด็กมีความมั่นคงในอาชีพ มีรายได้สูงขึ้นจากค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท เป็น 450 - 500 บาท ต่อวัน การดำเนินงานของโครงการนี้เริ่มตั้งแต่ปี 2561 โดยการนำร่องที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน จากนั้นปี 2563 ได้ขยายโครงการออกไปทั่วประเทศภายใต้ความร่วมมือของหน่วยงานส่วนกลางประกอบด้วย สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมการจัดหางาน โดยมีคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการฯ ในระดับจังหวัดประกอบด้วยผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน รองผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นรองประธาน หัวหน้าส่วนราชการและผู้อำนวยการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตลอดจนองค์กรเอกชน เป็นกรรมการ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด เป็นกรรมการและเลขานุการ พร้อมคู่มือการดำเนินงาน 12 ขั้นตอน และแนวทางการขับเคลื่อนอย่างครบวงจรตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำ ได้แก่การสำรวจหาเด็กนักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อ ม.3 และเชิญชวนให้สมัครเข้าร่วมโครงการ กระบวนการกลางน้ำ ได้แก่ การฝึกอบรมทักษะด้านอาชีพก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงานและสนับสนุนเงินสงเคราะห์ระหว่างฝึกอบรม จนถึงกระบวนการปลายน้ำ ได้แก่การสำรวจและเตรียมตำแหน่งงานว่างรองรับเด็กที่ผ่านการฝึกอบรม
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จากผลการสำรวจข้อมูลของโครงการในปีที่ผ่านมาพบว่ามีนักเรียนจบการศึกษาภาคบังคับจากภาคเหนือ จำนวน 99,604 คน เรียนต่อในระบบ จำนวน 95,457 คน ไม่ได้เรียนต่อ จำนวน 4,147 คน จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 165,934 คน เรียนต่อในระบบ จำนวน 155,075 คน ไม่ได้เรียนต่อ จำนวน 10,859 คน ภาคกลาง จำนวน 149,876 คน เรียนต่อในระบบ จำนวน 146,763 คน ไม่ได้เรียนต่อ จำนวน 3,113 คน และภาคใต้จำนวน 73,598 คน เรียนต่อในระบบ จำนวน 70,936 คน ไม่ได้เรียนต่อ จำนวน 2,662 คน รวมนักเรียนจบการศึกษาภาคบังคับทั่วประเทศจำนวน 489,012 คน เรียนต่อในระบบ จำนวน 468,231 คน ไม่ได้เรียนต่อ จำนวน 20,781 คน และมีแนวโน้มมากขึ้นในทุกๆ ปี
ดังนั้น เพื่อให้โครงการขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างปราศจากปัญหาและอุปสรรคจึงกำหนดให้มีการประชุมสรุปผลการดำเนินงานในปี 2563 พร้อมชี้แจงแนวทางและข้อเสนอแนะการดำเนินโครงการฯ ในปีงบประมาณ 2564 แก่คณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการฯ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในระดับจังหวัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะครูแนะแนวซึ่งต้องเกิดความชัดเจนเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ประโยชน์ที่เด็กจะได้รับตลอดจนความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทของตนเองและวิธีการสำรวจนักเรียนกลุ่มเป้าหมายรวมถึงการพิจารณาหลักสูตรของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะเปิดการฝึกอบรมตามปริบทและความต้องการของตลาดแรงงานในแต่ละจังหวัด มากกว่า 50 หลักสูตร เช่น สาขาช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ สาขาช่างเย็บผ้าจักรอุตสาหกรรม (ผ้า) สาขาช่างเครื่องปรับอากาศขนาดเล็ก สาขาช่างสีรถยนต์ สาขาช่างเดินสายไฟในอาคาร สาขาช่างเครื่องทำความเย็นและปรับอากาศ สาขาช่างเชื่อมไฟฟ้า สาขาช่างอิเล็กทรอนิกส์ สาขาช่างไฟฟ้าอุตสาหกรรม สาขาช่างแต่งผมสตรี สาขาช่างปูกระเบื้อง และสาขานวดแผนไทยและนวดเท้าเพื่อสุขภาพ เป็นต้น ซึ่งพร้อมเปิดฝึกอบรบทั่วประเทศในเมษายน 2564 นี้
พ.ต.ท.กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจกับุคลากรที่เกี่ยวข้อง ในวันที่ 20 - 21 ตุลาคม 2563 ได้มีการจัดการประชุมชี้แจงคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนครอบครัวยากจนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับ ปีงบประมาณ 2564 เพิ่มเติมอีกจำนวน 62 จังหวัดกว่า 500 คน ณ โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการจัดขึ้นหลังจากที่ได้มีการชี้แจงกับบุคลากรใน 14 จังหวัดภาคใต้ เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา โดยการประชุมทั้งสองวันเป็นการสรุปผลการดำเนินโครงการฯ ในปีงบประมาณ 2563 เพื่อทราบถึงสถิติการดำเนินโครงการของทุกจังหวัด และจังหวัดที่ยังไม่ได้จัดการฝึกอบรม
เพิ่มทักษะด้านอาชีพ ข้อเสนอแนะการดำเนินงานต่อไปในปีงบประมาณ 2564 รวมถึงวิธีใช้ระบบรายงานผลการดำเนินโครงการฯ (VSEP) ซึ่งเวทีดังกล่าวยังได้รับเกียรติจากผู้แทนระดับสูงของกระทรวงต่างๆ เข้าร่วมเสวนาถึงแนวทางการสนับสนุนเพื่อขับเคลื่อนโครงการในปีงบประมาณนี้ ซึ่งประกอบด้วย ดร.กวินทร์เกียรติ นนธ์พละ รองเลขาธิการสพฐ.นายชาคริตย์ เดชา รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน นายธวัชชัย เลี้ยงประเสริฐ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นางจินตนา จันทร์บำรุง หัวหน้าผู้ตรวจการราชการ และนางสาวอังคนา ใจกิจสุวรรณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายสุทธิพงษ์ โกศลวิริยะกิจ ผู้ตรวจราชการกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองศึกษาธิการภาค 5 รักษาการ ในตำแหน่งศึกษาธิการภาค 6 และนางวิชชุลดา เจนเกียรติฟู ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการมีงานทำ กรมจัดหางาน โดยมีการถ่ายทอดการประชุมชี้แจงฯ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ Facebook ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และ www.ombudsman.go.th ทั้งสองวัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี