เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2563 ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวในการประชุม สัมมนาผู้บริหารสถานศึกษา เพื่อขับเคลื่อนอาชีวศึกษาประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ณ โรงแรม เจ.พีเอ็มเมอรัลด์ จังหวัดยโสธร ในการขับเคลื่อนอาชีวะยกกำลังสอง สร้างคุณภาพนำปริมาณ เพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรม จากการถอดรหัสนโยบาย การศึกษากำลังสอง ของ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดยอาชีวศึกษาจะเพิ่มความเข้มข้นในทุกมิติ คือ ผู้เรียน ครู ห้องเรียน สื่อการเรียนรู้ และสถานศึกษา สู่การพัฒนาสถานศึกษาเพื่อความเป็นเลิศและเชี่ยวชาญเฉพาะทาง excellent Center ใน 7 สายงานหลัก ได้แก่ ปิโตรเคมี (Petrochemical), เทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล (Digital Business Technology), หุ่นยนต์เพื่อการอุตสาหกรรม (Robotics), เกษตรสมัยใหม่ (Smart Farming), อุตสาหกรรมการบิน (Aviation Industry), อุตสาหกรรมระบบราง (Railway Industry) และยานยนต์สมัยใหม่ (Next Generation Automotive), และ ธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality Industry) ในการก้าวไปเป็นศูนย์พัฒนาศักยภาพบุคคลเพื่อความเป็นเลิศ (Human Capital Excellence Center: HCEC) ของอาชีวศึกษา เพื่อผลิตและพัฒนาทุนมนุษย์ จำนวน 100 แห่ง ในกรอบการขับเคลื่อนปี 2564
เลขาธิการ กอศ.กล่าวต่อไปว่า ขอให้สถานศึกษาทำในสิ่งที่ถนัด สร้างในสาขาที่เชี่ยวชาญ สู่ความเป็นเลิศ และทบทวนถึงที่มาของหลักการและเจตนารมย์การจัดตั้งสถานศึกษาแต่ละประเภท ในสังกัดเช่น วิทยาลัยสารพัดช่าง(วช.) เพื่อการจัดการศึกษา การฝึกอบรมวิชาชีพสำหรับประชาชน ทั้งในด้าน Re-skills Up-skills New-skills ระยะสั้น ประเภท วิทยาลัยการอาชีพ (วก.) หลักการ เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาในพื้นที่ภูมิภาครองรับการศึกษาสายวิชาชีพ พื้นฐานวิชาชีพที่สอดคล้องกับบริบทสามารถจัดการเรียนการสอนได้ทุกสาขาวิชาโดยตอบโจทย์ในพื้นที่นั้นๆ วิทยาลัยเกษตร และเทคโนโลยี (วษท.) จัดการเรียนการสอนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรและนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอนทางด้านการเกษตรและสาขาที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร โดยในส่วนของ สอศ.จะดำเนินการบริหารจัดการในรูปแบบใหม่ที่จะช่วยสนับสนุน แก้ปัญหา เช่นการคิด การจัดสรรงบประมาณ การลงทุน บริหารและการจัดการ ให้สถานศึกษาให้สามารถดำเนินการไปสู่ HCEC เช่น วิทยาลัยสารพัดช่าง หากไม่เปิดสอนระดับ ปวช.และ ปวส.จะต้องดำเนินการการบริหารจัดการอย่างไรที่ไม่ใช้จ่ายแบบงบประมาณรายหัวผู้เรียน นำแนวคิดการใช้วิทยากรหรือครูผู้สอนระดับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านอาชีพเข้ามาเป็นครูผู้สอน และ เกลี่ยอัตราผู้สอนครูประจำที่มีอยู่ ไปในส่วนของวิทยาลัยเทคนิค หรือวิทยาลัยการอาชีพ หรือวิทยาลัยที่ขาดแคลนครู ทดแทนในส่วนครูจ้างสอน โดยเฉพาะในวิทยาลัยขนาดใหญ่
เลขาธิการ กอศ.กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ ในการขับเคลื่อนได้นำแนวคิดการปลดล็อคเพื่อสร้าง Win Win ให้กับสถานศึกษา และสถานประกอบการ ทั้งด้านกรอบงบประมาณการจัดสรร และการลงทุนของสถานประกอบการ เช่นภาษีในเรื่องของการจัดการศึกษา การนำอุปกรณ์การจัดการศึกษาหรือการลงทุนในการสร้างโรงงานในโรงเรียน ด้านการปรับเปลี่ยน พัฒนาหลักสูตรอย่างต่อเนื่องจัดการอาชีวศึกษารูปแบบทวิภาคีอย่างเข้มข้น ใช้หลักการ 4 on ทั้ง 1.online 2.on air 3.on demand และ 4.on site ทางด้านสมรรถนะของวิชาชีพ ผู้เรียนต้องเพิ่มเติมและมีความพร้อมทางด้านภาษา ในภาษาที่สอง และสาม เช่นภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ญี่ปุ่น ฯลฯ รวมถึงทักษะด้าน Digital และเทคโนโลยีต่างๆ และ ด้านการเปิดกว้าง ในการตั้งห้องเรียนอาชีพในมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย โดยจัดทำเป็นกลุ่มอาชีพพื้นฐานและสามารถเก็บเป็นเครดิตเมื่อเข้าสู่การเรียนในระดับอาชีวศึกษา กำหนดเป้าหมาย เป็นหนึ่งวิทยาลัย หนึ่งเอกชนหรือสถานประกอบการ และหนึ่งโรงเรียนมัธยม แชร์ทรัพยากรร่วมกันในการจัดการศึกษา
"ทั้งนี้ ในส่วนของอาชีวศึกษาเอกชนก็จะดำเนินการควบคู่กันไปกับอาชีวศึกษาภาครัฐ ส่วนในประเด็นของนักเรียนนักศึกษาที่ต้องการแสดงออกทางความคิดเห็นต่างๆ ก็เปิดกว้างผ่านช่องทางการสื่อสาร ซึ่งเรียกว่าองค์การวิชาชีพของนักเรียนนักศึกษา ซึ่งมีอยู่ในสถานศึกษาทุกแห่งของอาชีวะ พร้อมกันนี้ ขอให้สถานศึกษาทุกแห่ง ยังคงตระหนักถึงความสำคัญของความปลอดภัยในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สถานศึกษาทุกแห่งการ์ดอย่าตก" เลขาธิการฯ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี